บทที่ 58 วันนี้เป็นวันเกิดของเจียงอันอัน

ท่องภพสยบหล้า

เรื่องที่เจียงวั่งมอบแต้มเต๋าทั้งหมดให้เมืองซานซาน นอกจากหลิงเหอแล้วแทบจะไม่มีใครเข้าใจ

แต่ก็ไม่มีใครก้าวก่ายเช่นกัน

เจียงวั่งไม่ติดค้างใครทั้งนั้น นอกจากเจียงอันอันก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใคร

แต่ว่า ตอนที่คุยเล่นอยู่กับเจ้าหรู่เฉิง เจียงวั่งก็ยังแสดงความรู้สึกผิด “หรู่เฉิง เดิมทีพี่สามควรช่วยเจ้ารวบรวมแต้มเพื่อลูกกลอนเปิดชีพจรก่อน แต่…”

เจ้าหรู่เฉิงกลับหัวเราะ “ในโลกนี้มีคนที่พบความลำบากและเรื่องยากเข็ญอยู่มากมาย ท่านช่วยได้หมดหรือ”

“ข้าไม่ได้มีปณิธานยิ่งใหญ่ว่าจะช่วยโลก ช่วยเหลือสรรพชีวิต แต่เรื่องบางอย่างในเมื่อเจอแล้วก็ไม่อาจดูดายได้ เจ้าไม่ได้เห็นตอนที่พวกเขาตาแดงก่ำ คนพวกนั้น ตอนที่หลั่งเลือดเดิมพันด้วยชีวิตไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลย…” เจียงวั่งถอนหายใจพูด “ทำให้ข้าคิดถึงพวกศิษย์พี่ที่ขังตัวเองอยู่ในห้องแล้วแอบร้องไห้หลังจากพวกเรากลับมาจากตำบลเสี่ยวหลิน”

“พี่สามของข้า! ข้ากลับอยากให้ท่านมีปณิธานยิ่งใหญ่บางอย่าง” เจ้าหรู่เฉิงหัวเราะ น้ำเสียงจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง “คนแสนดีอย่างพี่ใหญ่มีคนเดียวก็พอแล้ว”

เจียงวั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้นว่า “ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า พี่สามไม่ใช่ไม่สนใจอนาคตของเจ้า เพียงแต่ตอนนั้นใจอ่อน พวกเราพี่น้องร่วมกันทำภารกิจก็สะสมแต้มได้ไวนัก แต่ประชาชนเมืองซานซานพวกนั้นไม่มีเวลามากมายปานนั้น”

เจ้าหรู่เฉิงมองเขา “ข้าก็แค่อยากจะบอกท่านเหมือนกันว่า ข้าไม่ต้องการจริงๆ”

“เจ้ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก ไม่ควรเสียเปล่า”

“ใครบอกว่าเรื่องมีความสุขต้องเกี่ยวกับ ‘เสียเปล่า’ เสมอกัน” เจ้หาหรู่เฉิงหัวเราะคิกคัก “ใช้หนึ่งพันทองแลกหนึ่งรอยยิ้มคือเสียเปล่าหรือ แต่ว่าข้ามีความสุข การใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์คือเสียเปล่าหรือ แต่ข้ามีความสุข ข้ามีเงิน ข้ามีพรสวรรค์ ทว่าแล้วจะอย่างไรเล่า ใช้พวกมันอย่างสิ้นเปลืองต่างหากถึงทำให้ข้าสุขใจ!”

เจียงวั่งกล่าว “ดีที่พี่ใหญ่ไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นต้องเอ่ยปากเปียกปากแฉะอบรมเจ้าครึ่งวันแน่”

“ฮ่าๆๆๆ” เจ้าหรู่เฉิงหัวเราะลั่น “ดังนั้นทุกครั้งที่เขาอบรมข้า ข้าถึงรีบบอกเขาว่าข้าจะกลับบ้านไปพยายาม! พูดจบก็เผ่นหนี”

พวกเขาสองคนคุยเล่นหัวเราะพลางเดินผ่านหน้าประตูใหญ่ของสำนักเต๋า ถึงจะได้พบว่ามีชายที่เปลือยกายท่อนบนคนหนึ่งแขวนห้อยอยู่เหนือสิงโตหยกทางด้านซ้ายของประตูใหญ่

สองแขนของเขาถูกมัดแขวนไว้กับกิ่งไม้ที่งอกผิดที่ผิดทาง กิ่งไม้นี้เป็นต้นไม้ประหลาดที่โตอยู่บนกำแพงสำนัก…สร้างจากวิชาเต๋าอย่างไม่ต้องสงสัย

คนคนนี้ก้มหน้า ผมยาวสยายกระเซิง ผิวที่เผยออกมาข้างนอกขาวเนียน แต่ผอมแห้งไปสักหน่อย ดูไม่มีเนื้อมีหนังอะไร

ที่คอมีป้ายไม้แขวนเอาไว้ป้ายหนึ่ง บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘ลูกศิษย์คิดล้างครู โทษผิดมหันต์ ตากลมสามวัน เป็นตัวอย่างให้ทุกคน’

เจียงวั่งยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้น จึงจ้องดู ในที่สุดก็มั่นใจว่าคนผู้นี้คือหวงอาจ้าน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน” เขาถามเจ้าหรู่เฉิง

เจ้าหรู่เฉิงกลั้นหัวเราะพลางตอบไปว่า “เมื่อวานตอนกลางคืนเขาคลุมหน้าคลุมตาไปพังประตูของเซียวหน้าเหล็ก สุดท้ายถูกจับได้คาหนังคาเขา จึงกำลังแสดงให้เห็นจุดจบของคนที่คิดล้างครูด้วยตัวเองอยู่นี่”

“เขาทำไปทำไม” เจียงวั่งไม่เข้าใจ “หาเรื่องใครไม่หาดันไปหาเรื่องเซียวหน้าเหล็ก”

บุคคลห้ามหาเรื่องสามคนของสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลิน ได้แก่เซียวหน้าเหล็กแห่งสาขาวิชา พ่อครัวโรงอาหาร และเจ้าสำนักต่งในตอนเช้า

ว่ากันว่ายามต่งเออตื่นนอนตอนเช้าอารมณ์รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันตอนเช้าเป็นเวลาที่เขาโมโหได้ง่ายที่สุด เวลานี้ทุกคนหลบได้เป็นหลบ

โรงอาหารของสำนักเต๋ามีอาหารมากมายหลากหลาย ไม่แพ้ภัตตาคารทั่วไปเลย ปัญหาเพียงข้อเดียวคือจะกินอะไรเลือกไม่ได้ ต้องดูอารมณ์ของพ่อครัว ดังนั้นห้ามไปล่วงเกินเขาก็สมเหตุสมผลแล้ว

ผู้ที่อยู่ในอันดับหนึ่งก็คือเซียวหน้าเหล็ก จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้สร้างเงามืดฝังใจลูกศิษย์สำนักเต๋า…

แต่หวงอาจ้านกลับหาญกล้าคลำก้นเสือ ต้องพูดเลยว่าขวัญกล้าเทียมฟ้า

“ฮ่าๆๆๆ” เจ้าหรู่เฉิงหัวเราะออกมา “ก่อนหน้านี้พวกเรารับผิดชอบต้อนรับผู้บำเพ็ญจากเมืองซานซานใช่ไหม มีอาจารย์คนหนึ่งบอกว่าภาพลักษณ์ของเขาไม่ดี จึงไม่ให้เขานำกลุ่มและให้พี่ใหญ่หลิงไปจัดการแทน อาจารย์คนนั้นก็คือเซียวหน้าเหล็ก หลังการแข่งขันสามเมืองเสวนาเต๋าจบลง หวงอาจ้านยิ่งนึกยิ่งโมโห เมื่อวานดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ก็ตัดสินใจว่าจะให้บทเรียนกับเซียวหน้าเหล็กสักหน่อย”

เจียงวั่งไร้คำจะพูด

เจ้ามีชีวิตอยู่ดีๆ ไยจึงรนหาที่ตายเล่า

หวงอาจ้านเดิมทีก้มศีรษะเอาผมปิดหน้าปิดตา ก็เพื่อปิดบังตัวตนของตัวเองอย่างสุดกำลัง แต่ทนการอธิบายอย่างหมดเปลือกของเจ้าหรู่เฉิงไม่ได้ อีกทั้งเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายยังสะใจเช่นนี้

หวงอาจ้านได้ยินเข้า ความโมโหก็อัดอั้นในใจ

“สหายหรู่เฉิง” เขาถูกแขวนอยู่ขยับไม่ค่อยได้ ทว่าก็ยังสะบัดผม เผยรอยยิ้มที่สนิทสนมเต็มประดา “ช่วยสหายด้วยกันหน่อยสิ”

“อื้ม!” เจ้าหรู่เฉิงตอบรับอย่างพออกพอใจ แต่จู่ๆ ก็หมุนตัวไป “ให้ตาย ข้าลืมเรื่องสำคัญไปเสียได้!”

เขาก้าวเท้ายาวๆ จากไปอย่างเร่งรีบ

หวงอาจ้านแยกเขี้ยว แล้วมองไปทางเจียงวั่งช้าๆ

เจียงวั่งชี้นิ้วไปทางเจ้าหรู่เฉิง “ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าเขามีธุระอะไร”

แล้วก็เผ่นแนบไปเหมือนกัน

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหวงอาจ้านมีความคิดพิเรนทร์อะไรอีก แต่ถึงจะให้ความกล้ากับพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าปล่อยคนที่เซียวหน้าเหล็กจับแขวนลงมา

ต้องรู้ไว้ว่าเพื่อนเสเพลเกเรของหวงอาจ้านก็นับว่ามีเยอะ ทว่าตอนนี้มีเงาใครสักคนเสียที่ไหน พวกเขาไม่เดินผ่านประตูใหญ่เลยด้วยซ้ำ หลายวันนี้ต่างคิดว่าจะใช้ประตูข้างหลังแทน

……

พูดถึงเรื่องสำคัญ เจ้าหรู่เฉิงก็ไม่ได้โกหกพกลมจริงๆ

วันนี้เป็นวันที่สิบสองเดือนสิบ วันที่สองหลังจบงานสามเมืองเสวนาเต๋า และก็เป็นวันเกิดของเจียงอันอันด้วยเช่นกัน

เจียงวั่งเตรียมการสำหรับวันนี้เอาไว้ก่อนแล้ว

เนื้อแพะและน้ำแกงเนื้อแพะของร้านตำรับลับตระกูลไช่ ขนมจากร้านกลิ่นดอกกุ้ย หม้อไฟของร้านตู้เต๋อวั่ง…เจียงวั่งจองไว้เรียบร้อยนานแล้ว เมื่อถึงเวลาก็จะส่งตรงมาที่บ้าน

เขายังไปหาซื้อวัตถุดิบสดใหม่มากมายที่ตลาดแต่เช้าตรู่ เตรียมแสดงฝีมือให้น้องสาวสุดที่รักของตัวเอง…เพราะยังปิดเป็นความลับ จึงยังไม่ถูกเจ้าหรู่เฉิงขัดขวางสุดชีวิต

เมื่อคืนวานนี้หลิงเหอก็ออกไปนอกเมืองอย่างลับๆ ล่อๆ บอกว่าจะเตรียมเรื่องน่าประหลาดใจให้กับอันอัน

ส่วนเจ้าหรู่เฉิงฝากให้คนซื้อชุดใหม่ของร้านเมฆาพาฝัน ตอนนี้กำลังจะไปรับมา

คนอื่นๆ เจียงวั่งไม่ได้บอก เพื่อไม่ให้พวกเขาเดือดร้อนเตรียมหาของขวัญ

หวงอาจ้านเรียกมาร่วมสังสรรค์ด้วยกันได้ อันอันคุ้นเคยกับเขามากแล้ว…แต่ตัวเขาถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ก็เป็นรายการที่น่าสนุกรายการหนึ่งเหมือนกัน

พูดได้ว่าทุกเรื่องถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อย ขาดเพียงอันอันเลิกเรียนเท่านั้น

เจียงวั่งนับๆ เวลาดูแล้วก็แยกกับเจ้าหรู่เฉิงชั่วคราว จากนั้นมุ่งหน้าไปสถานธรรมกระจ่างเพียงลำพังเพื่อรับอันอันกลับบ้าน หากอันอันมีเพื่อนเล่นคนใด ยกตัวอย่างเช่นแม่หนูที่ชื่อชิงจื่อคนนั้น เขาก็เตรียมถือโอกาสเชิญมาเล่นด้วยกันที่บ้านเลย

วันนี้เป็นวันเกิดของเจียงอันอัน เป็นวันเกิดที่เจียงอันอันไม่มีมารดาอยู่ด้วยครั้งแรก และพูดได้ว่าเป็นการสรุปชีวิตของเขาและเจียงอันอันในช่วงนี้

เขาจะให้อันอันได้ฉลองวันเกิดที่มีความสุข ไม่มีความทุกข์ความกังวลแม้เพียงนิดเดียว

นี่เป็นการจัดเตรียมงานที่สำคัญที่สุดของเจียงวั่งในช่วงระยะนี้

……

เจ้าหรู่เฉิงมือซ้ายถือกล่องเสื้อผ้าใหม่ครบชุดที่สั่งตัดจากร้านเมฆาพาฝัน มือขวาถือกล่องปักดิ้นที่ตกแต่งหรูหราล้ำค่าใบหนึ่ง ข้างในนั้นมีหยกควันชิ้นหนึ่งนอนอยู่ เป็นถึงวัสดุอาวุธเวทชั้นดี หากพกติดตัวมีผลในการหล่อเลี้ยงเลือดลม

เสื้อผ้าของร้านเมฆาพาฝันก็ล้ำค่ามากแล้ว หยกควันยิ่งมีราคาประเมินค่าไม่ได้ แต่สำหรับคุณชายใหญ่เจ้าแล้ว เงินไม่นับว่าเป็นเงิน

ตอนมาถึงบ้านของเจียงวั่งที่อยู่ในตรอกอาชาเหิน ประตูใหญ่ปิดสนิท

เจ้าหรู่เฉิงไม่สนใจ กระโดดข้ามเข้าไปทันใด ก่อนจะวางของขวัญ หาเก้าอี้เอนมาให้ตัวเองและนอนอย่างอิ่มเอมอยู่กลางลานบ้าน

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง หลิงเหอก็วิ่งหอบมาถึงข้างนอกเรือน คราบโคลนบนเสื้อยังไม่ทันได้ทำความสะอาด

มือของเขาถือเต่าตัวใหญ่ยักษ์เอาไว้ตัวหนึ่ง ดูแล้วอย่างน้อยมีอายุสามร้อยปี

เต่ายักษ์ตัวนี้ยิ่งใหญ่อยู่ในแม่น้ำหลิวขจีมาเป็นเวลานาน หลิงเหอเจอมานานแล้ว แค่คราวนี้ทุ่มแรงกายแรงใจจับมันกลับมา หมายว่าจะให้เจียงอันอันเลี้ยงเอาไว้ เสริมให้อายุยืนยาว

หากไม่เชื่อเรื่องนี้ ต่อให้เอามาตุ๋นน้ำแกงก็เป็นยาบำรุงขนานใหญ่

เขาซื่อตรงกว่ามาก ครั้นเห็นประตูลงกลอนก็คิดว่าจะรออยู่ที่หน้าประตู

เจ้าหรู่เฉิงได้ยินความเคลื่อนไหว จึงกระแทกจนกลอนแหลกจากข้างในแล้วให้เขาเข้ามา

จากนั้นคนส่งเนื้อแพะก็มาถึง คนส่งหม้อไฟก็มาแล้ว คนส่งขนมก็มาเช่นกัน

เวลาผ่านไปทีละน้อย

ในที่สุดเจียงอันอันก็กลับมาถึงบ้าน นางพบว่ากลอนประตูพังเสียแล้ว

นางผลักประตูเรือน เห็นอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะที่อยู่กลางลาน รวมถึงหลิงเหอกับเจ้าหรู่เฉิงที่เตรียมของขวัญมา

“พี่ชายเจ้าเล่า” หลิงเหอถาม

“พี่ชายข้าเล่า” เจียงอันอันถาม

พวกเขาถามขึ้นพร้อมกัน

……

วันนี้เป็นวันเกิดของเจียงอันอัน

หลิงเหอกับเจ้าหรู่เฉิงล้วนนำของกำนัลมาถึงแล้ว

เจียงอันอันกลับบ้านมาเอง

เจียงวั่งกลับยังไม่กลับมา

………………………………………………………