บทที่ 1274 – ปล่อยวางเจตนาฆ่าฟัน รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ โลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์

 

เสียงที่ได้ยินนั้นทำให้ชิงสุ่ยต้องขนลุก มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับถูกจ้องมองไปทั่วทั้งตัว ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังแก้ผ้าอยู่ในที่สาธารณะ

 

ร่างกายของชิงสุ่ยรู้สึกหนาวเหน็บไปในทันที ขนทั่วร่างกายของเขาตั้งชันขึ้น เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นแม้ว่ามันอาจจะไม่ได้รู้สึกหนาวก็ตาม หลังจากนั้นก็มีชายชราปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือตระกูลฟู่

 

ชายชรามีร่างกายที่ผอมแห้งจนหนังติดกระดูกราวกับปีศาจที่อดอยากมานานหลายปี ขณะที่เขามองไปยังชายชรา ชิงสุ่ยก็มีความรู้สึกว่าชายชราอาจจะตายไปได้ตลอดเวลา แต่มันมีวัตถุประหลาดที่ดูเหมือนแท่งหินภายในร่างกายของเขาซึ่งดูเหมือนมันจะคอยมอบพลังชีวิตให้แก่เขาอยู่

 

หินแห่งชีวิต!

 

เพียงมองแค่ครั้งเดียว ชิงสุ่ยก็สามารถจดจำสิ่งที่เขาเคยได้รับมาก่อนหน้านี้ได้ ในตอนนั้นที่เขาได้รับบาดเจ็บหนักจากผู้คนของนิกายเทวะทรราชย์สวรรค์และเหลือเวลาชีวิตอีกเพียงหนึ่งหรือสองวันเท่านั้น ก่อนหน้านั้นติ๊เฉินได้สวมจี้หยกที่ทำขึ้นมาจากหินแห่งชีวิตให้แก่เขา มันทำให้เขายืดเวลาชีวิตออกไปได้อีกประมาณ 3 ปี

 

มันยังเป็นเพราะหินแห่งชีวิตซึ่งติ๊เฉินได้มอบให้แก่เขาจึงทำให้เขาสามารถเข้าใจในปราณแห่งการหวนคืน และผ่านอาการบาดเจ็บครั้งนั้นมาได้จนเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ตอนนี้เขาสังเกตเห็นว่าชายชราก็มีหินแห่งชีวิตดีเช่นกัน นอกจากนี้ดูเหมือนว่าพลังของหินนี้ใกล้จะหมดไปแล้ว มันย่อมไม่มีปัญหาสำหรับหินแห่งชีวิตที่จะช่วยยืดเวลาชีวิตให้แก่ชายชราเป็นเวลา 1 ปีหรือครึ่งปี แต่ตอนนี้พลังของมันเกือบจะหมดไปแล้วเพราะร่างกายของชายชรานั้นได้ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายอันทรงพลังออกมา

 

“ท่านบรรพบุรุษ!”

 

……

 

แม้ว่าชิงสุ่ยคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีบรรพบุรุษของตระกูลที่เข้ามาช่วยเหลือตระกูลฟู่ แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่านี่จะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลนี้

 

ในตอนที่ชายชราได้มาปรากฏตัวขึ้น เขาก็ยังไม่ได้ลงมือใดๆ ตั้งแต่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้เขาเพียงมองไปยังชิงสุ่ยและไม่แม้แต่เหลือบมองไปยังผู้คนของตระกูลฟู่เลย

 

ชิงสุ่ยนั้นระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ในเวลาเดียวกันเขายังรู้สึกได้ถึงพลังของชายชราและรีบลดพลังของเขาลงไปทันทีด้วยเคล็ดวิชาของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามพวกเขาจะต้องถูกทำให้อ่อนแอลง ชิงสุ่ยเลือกที่จะทำเช่นนี้ก่อนและค่อยต่อสู้ภายหลัง เขาไม่มีทางประมาทในตอนนี้อย่างแน่นอน

 

แต่ชิงสุ่ยก็ต้องตกตะลึงไปเมื่อชายชรานั้นถูกทำให้อ่อนแอลง เขายังคงมีพลังที่มากเกินกว่า 5,000 สุริยาและเกือบจะถึง 6,000 สุริยา นี่หมายความว่าก่อนหน้านี้ชายชรานั้นมีพลังประมาณ 9,000 สุริยา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดชิงสุ่ยจึงรู้สึกได้ถึงอันตราย

 

ประมุขของสำนักสวรรค์เร้นลับได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าผู้ที่ทรงพลังที่สุดในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกนั้นมีพลังประมาณ 8,000 สุริยา เป็นชายชราผู้นี้หรือไม่ที่เขาได้กล่าวถึงในตอนนั้น?

 

ชายชรานั้นดูราวกับปีศาจผู้ชั่วร้ายเมื่อเขามองตรงมายังชิงสุ่ย แม้ว่าหลังจากที่เขาจะถูกทำให้อ่อนแอลงเขาก็ยังไม่ได้ลงมือใดๆ เพียงแต่กล่าวขึ้นช้าๆว่า “พรสวรรค์ของเจ้านั้นช่างเปล่งประกายยิ่งนัก เหตุใดเจ้าจะต้องทำลายแบบถอนรากถอนโคนเช่นนี้? หากเจ้าปล่อยให้คนของตระกูลฟู่รอดไป แม้ว่าจะมีคนของตระกูลฟู่มากมายที่ต้องการขัดขวางเจ้าพวกเขาก็ไม่อาจทำได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากเจ้าเลือกที่จะปล่อยวางเจตนาฆ่าฟันในจิตใจของเจ้า เจ้าอาจจะได้รับความรู้ในแง่มุมใหม่ๆของชีวิตก็เป็นได้..”

 

ชิงสุ่ยมองไปยังชายชรา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดว่าจะจบเรื่องนี้แบบอื่นเลย นอกจากนี้การฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีแม้ว่าเขาจะยังทำมันไม่สำเร็จก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนักสำหรับตระกูลฟู่ที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาไปได้

 

“เมื่อท่านกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนี้ ท่านคิดเช่นไรหากจะต้องต่อสู้กับข้าเมื่อท่านพูดจบแล้ว?” ชิงสุ่ยรู้ว่าชายชราไม่อยากจะต่อสู้กับเขา เขารับรู้ถึงเจตนาเช่นนี้ได้

 

“ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเอาชนะข้าได้ ในภายภาคหน้าเจ้าจะต้องก้าวหน้าไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตระกูลฟู่จะต้องขอความเมตตาจากเจ้าในวันนี้ เช่นนี้เป็นไร? ข้าจะมอบของพวกนี้ให้แก่เจ้าเพื่อแลกกับความปลอดภัยของผู้คนในตระกูลฟู่ ปล่อยพวกเขาออกไปจากที่นี่และให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา เช่นนี้ดีหรือไม่?” ชายชราถอนหายใจและมองไปยังชิงสุ่ย

 

“โอ้ ท่านต้องการแลกเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างกับชีวิตของพวกเขานั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามเช่นนี้แม้ว่าเขาจะทราบคำตอบของมันอยู่แล้ว

 

“ใช่!”

 

“แต่อย่างแรกข้าต้องการทราบว่าของสิ่งนั้นคืออะไร ข้าอยากรู้จริงๆว่ามันจะมีค่ามากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับชีวิตของคนพวกนี้หรือไม่” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างไม่ได้สนใจอะไร

 

“ได้เลย รับมันไป” ชายชราโยนถุงแพรมิติให้กับชิงสุ่ยทันที

 

ชิงสุ่ยตรวจสอบภายในของมันด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาทันที พื้นที่ภายในถุงแพรมิตินี้นั้นมีขนาดเล็กและมีพื้นที่เพียง 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น มีสิ่งของไม่กี่อย่างภายในนั้นและสิ่งที่มีมากที่สุดนั้นคือหินหยางสวรรค์ ถึงแม้ว่าชิงสุ่ยจะมีของพวกนี้อยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นหินหยางสวรรค์เขาจะไม่บ่นกับตัวเองเลยหากเขามีมันมากเกินไป เพราะเขาคือช่างตีเหล็ก

 

มันยังมีกระบี่หินหยางสวรรค์ น่าเสียดายที่ระดับในการสร้างของกระบี่เล่มนี้นั้นต่ำเกินไป แต่หากเขานำมันออกไปภายนอกต้องมีคนมากมายจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ ดังนั้นมันก็ถือว่าล้ำค่าอย่างยิ่ง ของ 2 สิ่งสุดท้ายนั้นก็คือขวดกระเบื้องเคลือบ 2 ขวดเล็กๆ

 

ชิงสุ่ยรีบตรวจสอบมันทันที สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจนั่นก็คือ ขวดแรกนั้นมีโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์บรรจุอยู่ภายใน ขวดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยแต่มันก็ยังทำให้เขาต้องประหลาดใจ ภายในนั้นบรรจุไปด้วยไข่ของหนอนไหมหิมะจำนวน 2 ลูก ในตอนที่ชิงสุ่ยเรียกการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขากลับคืนมา เขาก็มองไปยังหินธรรมดาที่อยู่ตรงหน้า และก็ต้องตกตะลึงเมื่อตรวจสอบหินนี้

 

รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์!

 

เมื่อพูดถึงรูปแบบที่สลักไว้บนศิลาเช่นนี้ ผู้ใช้นั้นจะสามารถเพิ่มพลังของรูปแบบได้เป็น 2 เท่า สำหรับรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์มันสามารถยกระดับขึ้นได้และพลังของรูปแบบนี้ก็จะสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ

 

ดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายอย่างยิ่งในตอนนี้ ของที่อยู่ในนี้ต่างล้ำค่าอย่างยิ่ง เพียงแค่รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์มันก็ไม่อาจประเมินค่าได้แล้ว เพียงแต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าของพวกนี้ใช้งานยังไง

 

“ท่านไม่กลัวงั้นหรือเพราะข้าจะสังหารท่านหลังจากที่ได้รับของพวกนี้ไปแล้ว?” ชิงสุ่ยถามชายชรา

 

“หากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าก็เพียงได้แต่โทษดวงตาของข้าว่ามันมืดบอดจริงๆ” ชายชราไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้สีหน้าของเขาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย

 

“ข้าจะปล่อยพวกเขาไป ข้าหวังว่าท่านจะบอกพวกเขาได้พวกพวกเขาควรทำสิ่งใด พวกท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยู่ต่อไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับหรือจากไป” ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำอะไรต่อไป นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าเมื่อหมดวันนี้ไปจะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถรอดชีวิตไปได้

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงมือใดๆ ก็ยังมีคนอื่นๆที่พร้อมลงมือในเรื่องนี้เช่นกัน

 

“พวกเราจะจากไป อย่ากังวลไปเลย คำพูดของข้านั้นเชื่อถือได้เสมอ แม้ว่าข้าจะเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว นอกจากนี้ย่อมไม่อาจแก้แค้นเจ้าได้ ถ้าจะทำลายการบ่มเพาะของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา” ชายชรากล่าวอย่างสงบนิ่ง

 

ชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าชายชราจะมีความคิดเช่นนี้ การกระทำเช่นนี้อาจจะถือว่าเป็นการช่วยให้ตระกูลฟู่อยู่รอดเพื่อสืบทอดตระกูลของพวกเขาต่อไปได้ในระดับหนึ่ง โดยการกระทำเช่นนี้เป็นเหมือนการตัดธนาในการแก้แค้นของพวกเขาออกไป สำหรับคนที่อยู่มานานแบบเขา ชายชราได้เห็นโลกมาเกือบทุกๆด้านแล้ว เมื่อเทียบกับการเอาชีวิตรอด ความรักและการแก้แค้นก็เป็นเหมือนก้อนเมฆที่ล่องลอยไปบนท้องฟ้า พวกมันไม่ได้สำคัญอะไรเลย

 

ชีวิตนั้นถือว่ายากลำบากยิ่งนัก ดังนั้นจงรักษาชีวิตให้ดี เมื่อเทียบกับการอยู่รอดของตระกูลก็ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านี้อีก ต้องมีชีวิตอยู่เท่านั้นจึงจะมีความหวังต่อไปได้

 

……

 

ชิงสุ่ยจากมาในทันทีและกลับมายังที่พักของเขา ในเวลาเดียวกันเรื่องของตระกูลฟู่ก็ได้กระจายออกไปทั่วสำนักแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผู้ที่รู้สึกกังวลมากที่สุดคงไม่ใช่ใครนอกจากตระกูลเทียนและตระกูลอื่นๆที่วางแผนร่วมกันลอบสังหารชิงสุ่ย

 

สำหรับตระกูลฟู่ พวกเขาจากไปอย่างรวดเร็วภายในวันนั้นโดยไม่มีแม้ร่องรอยใดๆทิ้งไว้เลย ผู้ที่มีระดับสูงภายในสำนักสวรรค์เร้นลับต่างก็ไม่ได้ทำอะไรกับเรื่องนี้ ชายชราในชุดมังกรทองได้เตือนพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้วและปีศาจเฒ่าหลายคนยังไม่ได้ถามสำนักสวรรค์เร้นลับมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ไปรบกวนพวกเขาเลย

 

หากไม่ใช่เพราะว่าบรรพบุรุษของตระกูลฟู่นั้นใกล้จะจบชีวิตแล้ว เรื่องนี้อาจจะจบอีกแบบนึงเลยก็เป็นได้ ชายชรารู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่ไม่อาจมองข้ามได้เลย ตระกูลฟู่นั้นตั้งอยู่ภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ แต่เมื่อเทียบกับสำนักแห่งนี้แล้ว ตระกูลฟู่นั้นนก็ถือว่าไม่มีส่วนข้องเกี่ยวใดๆเลย ชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นคนที่ได้รับการคุ้มครองโดยสำนักสวรรค์เร้นลับ แม้ว่าเขาอยากจะลงมือกำจัดชิงสุ่ยไป เขาก็ไม่มีความมั่นใจว่ามันจะทำได้สำเร็จ แต่หากเขาต้องเผชิญหน้ากับชิงสุ่ยจริงๆในตอนนี้ เขาจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลยแม้แต่น้อย

 

“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” องค์หญิงใหญ่นั้นก็ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นของตระกูลฟู่

 

“ข้าสบายดี ข้าจะช่วยท่านกวาดล้างอุปสรรคทั้งหมดภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ หลังจากนั้นข้าจะช่วยให้ท่านได้ปกครองสํานักแห่งนี้” ชิงสุ่ยยิ้มและตอบกลับไป สำนักสวรรค์เร้นลับงั้นเรียบง่ายยิ่งนัก ด้วยความช่วยเหลือของเขา นางจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

 

ในกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับตระกูลฟู่ ชิงสุ่ยก็จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา คน 3 คนที่มีพลังประมาณ 5,000 สุริยาต่างถูกเขากำจัดไปในช่วงเวลาสั้นๆ การต่อสู้ครั้งนี้เพียงพอที่จะช่วยให้เขาโดดเด่นยิ่งขึ้นภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ นอกจากนี้เขายังเป็นคนของพาไลหิมะหวนและที่สำคัญที่สุดเขายังได้รับความช่วยเหลือจากพาไลหิมะหวน อวี้ซูหนี่

 

“อย่าใจร้อนมากนัก ทำตามกำลังของเจ้าก็พอ” องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วของนางเล็กน้อยและกล่าวออกมา

 

“อย่ากังวลไปเลย ข้ายังไม่ได้รู้สึกอยากตายตอนนี้ ข้าขอตัวไปพักก่อน” ชิงสุ่ยกลับเข้าไปยังห้องของเขา

 

ในวันนี้เขาไม่ได้คิดจะไปจัดการตระกูลเทียนและตระกูล การต่อสู้ในวันนี้ได้มอบประโยชน์ให้แก่เขามากมาย เขาเชื่อว่าในตอนนี้เขาจะสามารถเพิ่มพลังขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงตรงเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ

 

เขาเริ่มต้นด้วยการศึกษารูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์

 

ที่ศิลาแผ่นนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือและทุกๆด้านของมันนั้นมีความแหลมคม ตรงกลางมีลักษณะนูนออกมาเป็นรูปไข่ มันคล้ายคล้ายกับลูกดอกแต่ก็มีขนาดใหญ่กว่ามาก เมื่อสัมผัสมันชิงสุ่ยเขาก็รู้สึกว่ามันเย็นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความผันผวนทางจิตวิญญาณเลยแม้แต่น้อย

 

ชิงสุ่ยค่อยๆส่งพลังเข้าไปจากฝ่ามือของเขา ในตอนนี้เขาไม่อยากใส่แรงมากจนเกินไปจนทำลายแผ่นหินนี้ แต่รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์นี้นั้นถือว่าแข็งมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปพลังเข้าไปมากจนเกินไปเพราะหากมันเกิดพังทลายขึ้นมาเขาก็ทำได้เพียงแค่ร้องไห้เจ้านั้น

 

ของชิ้นนี้ไม่จำเป็นต้องผูกพันธะสัญญาเลือดเพราะมันสามารถใช้ได้ทันที สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจนั่นก็คือจำนวนของพลังศักดิ์สิทธิ์ที่รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์สามารถดูดซับเข้าไปนั้นถือว่ามากยิ่งนัก ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงขั้นแรกของรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์

 

เขาไม่รู้ว่ารูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในขั้นแรกหรือไม่หรือมันจะเคยมีเจ้าของมาก่อนหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกมีความสุขจริงๆที่รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถเพิ่มพลังให้แก่ผู้ที่ถือมันเอาไว้ได้ถึง 1 เท่าในทันที

 

หลังจากศึกษามันจนเสร็จสิ้นชิงสุ่ยก็ใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาทันที

 

ด้วยทักษะย่างก้าว 9เทวา เทวาทั้ง 9 นั้นยังถือว่าเป็นรูปแบบกับดัก การดำเนินไปของเวลาภายในพื้นที่ของรูปแบบนี้จะช้าลงไป นอกจากนี้พื้นที่ที่มันแผ่ขยายออกไปนั้นก็มีขนาดกว้างยิ่งขึ้น ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขา รวมไปถึงปฏิกิริยาตอบสนองของเขานั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

เขาฝึกฝนต่อไปราวกับไม่รู้จักความเหนื่อยล้า และหยุดลงหลังจากเวลาได้ผ่านไปนาน ขนาดที่ใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวา เขาก็ยังฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊ก หมัดวานรปฤษฎางค์ รูปแบบพยัคฆ์ และเคล็ดวิชาอื่นๆของเขา เคล็ดวิชาพวกนี้มีความแข็งแกร่งในระดับที่ทำให้เขาพึงพอใจอย่างยิ่ง ความเสียหายที่สร้างขึ้นจากเคล็ดวิชาพวกนี้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ที่มุมหนึ่งของดินแดนหยกยุพราชอมตะ นั้นก็มีลานหินขนาดใหญ่ ด้านบนของมันนั้นคือ เชือกตรึงอสูร ระฆังสะท้านจิต ตะเกียงร้อยวิญญาณ กลองสะบั้นสวรรค์ หินสลักมังกรขด หยกผสานวิญญาณ และอื่นๆ แน่นอนว่ายังมีรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน

 

หินหยางสวรรค์และวัสดุในการสร้างอาวุธอื่นๆนั้นถูกกองเอาไว้รวมกัน พวกยาและสมุนไพรอื่นๆนั้นถูกรวมเอาไว้อยู่บนลานหินอีกที่หนึ่ง ส่วนผสมต่างๆในการหมักสุราและสุราหมักอยู่นั้นได้รับการจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ลานหินทั้งหมดนี้อยู่ใกล้ๆกันแต่ก็ไม่ได้ชิดกันจนมากเกินไป นอกจากนี้มันยังแบ่งออกเป็นหลายชั้น

 

ความสามารถของรูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าสนใจยิ่งนัก หลังจากที่ชิงสุ่ยได้ศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบนี้มามากมาย พลังของเขาก็เหมือนจะพุ่งทะยานไปอีกครั้งในตอนนี้ เขาคิดถึงตอนที่เขายังอยู่ในระดับต่ำ ในตอนนั้นเขาได้แต่สงสัยว่าเขาจะมีพลังมากเพียงใดเมื่อมาถึงระดับในตอนนี้

 

ชิงสุ่ยวางหินหยางสวรรค์ไว้บนลานหินที่มีวัสดุสำหรับสร้างอาวุธกองรวมกันเอาไว้ เขาวางกระบี่ที่ได้รับเอาไว้ที่นี่เช่นกัน และคิดจะหลอมมันขึ้นมาใหม่เมื่อมีโอกาสในอนาคต

 

หลังจากนั้นเขาก็นำโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมา

 

ในขวดที่เขาได้รับมานั้นมีปริมาณโลหิตนี้อยู่เพียงไม่กี่หยด แต่ละหยดของมันนั้นมีขนาดเท่านิ้วโป้งและเหนียวอย่างยิ่ง มันมีความผันผวนของพลังมากยิ่งนักอยู่ภายในนั้น  เมื่อชิงสุ่ยตรวจสอบมันด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขา มันก็บอกเพียงว่าใช้ป้อนเป็นอาหารสำหรับสัตว์อสูรเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของพวกมัน

 

มันก็เหมือนกับตอนที่ชิงสุ่ยได้รับยาเม็ดเสริมอสูรสีชาดจากแก่นแท้ของหมาป่าจันทรา 9เศียร นั่นถือเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จากตำนาน มันสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เคล็ดวิชาที่มีมาแต่กำเนิดของสัตว์อสูรได้ และยังให้ผลที่ดียิ่งขึ้นสำหรับสัตว์อสูรประเภทหมาป่าและสัตว์อสูรที่มีศีรษะมากกว่าหนึ่ง พลังที่เพิ่มขึ้นจากยาเม็ดนี้มันถือว่ามากมายเลย ในตอนนี้มันอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนที่ค่อนข้างน้อย แต่เมื่อเทียบกับระดับของเขาในตอนนี้มันถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง แม้แต่ยาวิเศษที่มีเพียงเหล่ายอดฝีมือสามารถใช้ได้ เมื่อคนธรรมดาได้รับมันเข้าไป แม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้ระเบิดออก แต่พลังที่พวกเขาจะได้รับนั้นก็ยังถือว่ามีขีดจำกัดอยู่ มีเพียงยอดฝีมือเท่านั้นที่จะสามารถรับพลังของมันไปได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

 

ผลของโลหิตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเช่นไรกันเมื่อเทียบกับยาเม็ดเสริมอสูรสีชาดจากแก่นแท้ของหมาป่าจันทรา 9เศียร?