บทที่ 344 : หัวเราะทีหลังดังกว่า (2)

“เยี่ยมมากเลยพี่หลิงหยุน! พี่นี่เก่งที่สุดเลย!”

เสี่ยวเม่ยหนิงไม่จำเป็นต้องไปส่องกระจกก็รู้ว่าดวงตาของเธอนั้นหายบวมแล้ว เธอกระโดดกอดหลิงหยุนอย่างดีอกดีใจ!

หลิงหยุนได้แต่นึกอยู่ในใจว่า โชคดีที่เขายังเหลือยันต์บำบัดจากการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเจ้าขาวปุย ไม่เช่นนั้นแล้วเขาคงต้องมีปัญหาแน่..

เพราะไม่ใช่ว่าเก้าเข็มปลุกชีพจะสามารถใช้รักษาได้ผลในทุกกรณี อย่างเช่นการรักษารอยช้ำรอบดวงตานั้น แม้ว่าการรักษาด้วยเก้าเข็มปลุกชีพจะให้ผลที่รวดเร็วก็จริง แต่ก็ไม่คงเร็วและให้ผลดีเยี่ยมเท่ากับยันต์บำบัด

เสี่ยวเม่ยหนิงทั้งดีใจและมีความสุข แม้เธออยากจะหอมแก้มหลิงหยุนมาก แต่ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น เพราะเธออายที่จะทำต่อหน้าปู่และพ่อแม่ของเธอเอง

ฮู๋เซ่าป๋ายได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง! เขาแทบไม่รู้ว่าจะเอากระปุกทองคำในมือไปวางไว้ที่ใหน และได้แต่ยืนมองหลิงหยุนอ้าปากค้างพร้อมกับสมองที่ว่างเปล่า!

นั่นมันยาอะไรกัน? เหตุใดหมอนั่นจึงมีทักษะทางการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้! นี่เป็นการเตรียมการมาเพื่อฉีกหน้าเขางั้นหรือ? หรือว่าเป็นเพียงแค่การเล่นกล?

ไม่เพียงแค่ฮู๋เซ่าป๋ายที่ทำอะไรไม่ถูก.. ทั้งหลงเทียนยู่ หลี่ยั่วหมิง และคนอื่นๆไม่ว่าชายหรือหญิงก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในอาการตกตะลึงทั้งสิ้น!

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครมาจากใหนกัน? ลักษณะท่าทางก็ดูธรรมดาๆ แต่กลับมีทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ และดูเหมือนจะเก่งกว่าท่านหมอเสี่ยวเสียอีก!

เพราะหากท่านหมอเสี่ยวทำได้ เขาก็คงจะรักษาดวงตาที่บวมช้ำให้กับหลานสาวไปแล้ว คงจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมาแสดงฝีมือข้ามหน้าข้ามตาในโอกาสสำคัญเช่นนี้!

ท่านหมอเสี่ยวรักษาไม่ได้ แต่หลิงหยุนกลับรักษาได้! เช่นนี้แล้วไม่หมายความว่าทักษะด้านการแพทย์ของหลิงหยุนนั้นเหนือกว่าท่านหมอเสี่ยวงั้นหรือ? ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ!

ผู้รู้หลายท่านโดยเฉพาะเพื่อนเก่าแก่ของท่านหมอเสี่ยว ต่างก็ถึงกลับต้องขยี้ตาอีกครั้ง!

‘เด็กคนนี้.. เป็นใครมาจากใหนกัน?!’ หลายคนต่างก็คิดเหมือนกัน

เสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนต่างก็มองหน้ากัน และต่างฝ่ายต่างก็เห็นสีหน้าแววตาที่ประหลาดใจและตกใจของกันและกัน ทั้งคู่หันไปมองหน้าลูกสาวสุดที่รักของตนเองอีกครั้ง และก็พบว่าดวงตาของหนิงน้อยกลับมาสวยงามและเป็นประกายสดใสเหมือนเดิมแล้ว!

ท่านหมอเสี่ยวถึงกับหัวเราะเสียงดังและลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องบอกเสี่ยวเม่ยหนิงว่า “เอาล่ะหนิงน้อย.. ตอนนี้พี่หลิงหยุนของเจ้าก็ทำให้สวยเหมือนเดิมแล้ว มาเป่าเทียนวันเกิดเร็วเข้า ทุกคนกำลังคอยอยู่!”

“ได้ค่ะคุณปู่!”

เสี่ยวเม่ยหนิงร้องบอกด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ตรงไปที่เค้กวันเกิดก้อนใหญ่สวยงาม และไม่ลืมที่จะลากแขนหลิงหยุนไปด้วย

แต่เธอไม่เพียงแค่ดึงหลิงหยุนไปเท่านั้น เสี่ยวเม่ยหนิงหันไปบอกหลิงหยุนว่า “พี่หลิงหยุน.. ยืนเฉยทำไม ไปช่วยฉันเป่าเทียนเร็วเข้า!”

หลิงหยุนสำรวจสายตาไปรอบๆพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง และตอบกลับไปว่า

“หนิงน้อย.. พ่อกับแม่ของคุณตั้งใจเตรียมงานนี้เพื่อคุณ ผมนั่งดูตรงนี้จะดีกว่า..”

เสี่ยวเม่ยหนิงตอบกลับไปว่า “มาเถอะน่า.. ฉันอยากให้พี่ช่วย พรที่ฉันขอจะได้เป็นจริง..”

พูดจบ.. เสี่ยวเม่ยหนิงก็ลากแขนหลิงหยุนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงไปที่เค้กวันเกิด

คนอื่นๆที่ยังคงไม่หายตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เมื่อเห็นเสี่ยวเม่ยหนิงลากหลิงหยุนตรงไปที่เค้กวันเกิดก็ถึงกับงุนงง โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่นอกจากจะตกใจแล้ว ยังเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเกลียดชัง เด็กหนุ่มในโต๊ะต่างมองตากัน และเห็นพ้องต้องกันว่าจะไม่ปล่อยให้หลิงหยุนจองหองพองขนอยู่แบบนี้แน่!

หลิงหยุนจะผยองอยู่ได้อีกไม่นานหรอก.. รอให้เป่าเค้กวันเกิดก่อน มันจะต้องเสียหน้าแน่!

“คุณลุง.. คุณป้า.. ดูสิครับ!” หลิงหยุนที่ถูกเสี่ยวเม่ยหนิงลากออกไป ได้แต่ร้องบอกเสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวน..

เสี่ยวเฉิงเยี่วยเองก็เป็นคนที่ท่านหมอเสี่ยวหวังจะให้เป็นทายาทสืบทอดวิชาความรู้ทางการแพทย์แผนจีนของเขา และถึงแม้เขาเองจะมีความรู้เรื่องการแพทย์เช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าหลิงหยุนใช้วิธีใหนรักษาดวงตาบวมช้ำให้กับหนิงน้อย

เวลานี้.. ความคิดที่เขามีต่อหลิงหยุนก็เริ่มเปลี่ยนไป ส่วนจางเม่ยหยิวนนั้นไม่ต้องพูดถึง แววตาของเธอที่มองหลิงหยุนนั้น ไม่ต่างจากแววตาของแม่ภรรยาที่กำลังมองลูกเขยของตัวเอง

“เด็กคนนี้ไม่เพียงหน้าตาหล่อเหลา แต่ยังมีทักษะทางการแพทย์ที่สูงส่ง ฉันชักจะชอบพ่อหนุ่มคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆแล้วล่ะ”

ท่านหมอเสี่ยวเดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับใช้มือลูบไหล่ของหลิงหยุน และพูดขึ้นว่า “ในเมื่อหนิงน้อยต้องการ เธอก็ช่วยหลานฉันหน่อยก็แล้วกัน..”

ท่านหมอเสี่ยวพูดเช่นนั้นก็เพราะว่าต้องการเร่งรัดให้งานวันเกิดของหนิงน้อยสิ้นสุดเร็วๆ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาต้องการบอกกับหลิงหยุน และมันก็มากมายพอที่จะทำให้หลิงหยุนปวดหัวได้มากอย่างแน่นอน!

“ครับ.. ถ้างั้นผมจะไปช่วยหนิงน้อยเอง!”

แสงไฟในห้องรับแขกดับลง.. หลิงหยุนยืนถือเค้กวันเกิดที่จุดเทียนไว้ทั้งหมดสิบเจ็ดเล่ม ส่วนเสี่ยวเม่ยหนิงก็ยืนกอดแขนหลิงหยุนแน่นพร้อมกับหลับตาอธิษฐานขอพรอยู่ในใจ..

‘ขอให้คุณปู่มีสุขภาพแข็งแรง ขอให้พ่อกับแม่มีแต่ความสุข และขอให้พี่หลิงหยุนอยู่เคียงข้างหนิงน้อยตลอดไป..’

เสี่ยวเม่ยหนิงอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็เริ่มเป่าเทียนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นทุกคนก็ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ให้กับเธอ น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ความเจ็บปวดตลอดหลายวันที่หลิงหยุนได้หายตัวไปนั้น มลายหายไปทันที!

“พี่หลิงหยุน.. แค่พี่มาอยู่ข้างๆฉันในวันเกิดก็พอแล้ว เรื่องของขวัญวันเกิดไม่สำคัญเลย ไม่มีอะไรสำคัญกับฉันมากไปกว่าการที่พี่มาอยู่ข้างๆ..”

ท่ามกลางความมืดและเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ เสี่ยวเม่ยหนิงกระซิบข้างหูของหลิงหยุน และรีบหอมแก้มเขาก่อนที่แสงไฟจะสว่าง!

ทันทีที่เสียงเพลงจบ แสงไฟภายในห้องก็สว่างขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเม่ยหนิงยกมีดในมือขึ้นตัดเค้กด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..

พร้อมกันนั้น.. ก็มีการเปิดแชมเปญที่ได้เตรียมไว้แล้วเป็นการเฉลิมฉลอง กลิ่นของแชมเปญอบอวลไปทั่วทั้งห้อง บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยความสุข และความอบอุ่น!

เสี่ยวเม่ยหนิงไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงมาก เธอตัดเค้กเพียงแค่สองสามชิ้นให้ปู่กับพ่อและแม่ของเธอ จากนั้นก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมากัดกิน ก่อนจะยื่นเค้กในมือป้อนหลิงหยุน..

 “กินสิพี่หลิงหยุน..”

แน่นอนว่าหลิงหยุนเต็มใจอย่างยิ่ง เขาอ้าปากกัดเค้กสองสามครั้งจนหมดชิ้น จากนั้นก็พูดกับหนิงน้อยว่า

“หนิงน้อย.. ตอนนี้ก็กินเค้กเรียบร้อยแล้ว มีแขกเหรื่อมากมายรออวยพรเธออยู่ เธอตามคุณลุงคุณป้าไปขอบคุณแขกก่อน ส่วนผมก็จะกลับไปนั่งที่โต๊ะ ว่างแล้วเราค่อยคุยกัน!”

หลังจากพูดจบ หลิงหยุนก็ผลักเสี่ยวเม่ยหนิงเบาๆ และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ..

เมื่อหลิงหยุนกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนเอง เขาก็ได้ยินเสียงพูดที่เต็มไปด้วยความเย็นชาดังขึ้นมา แต่เขากลับไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตากินและดื่มเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจกับสายตาไม่พอใจที่กำลังจ้องมองมา

ท่ามกลางความมืดนั้น.. หลิงหยุนได้ยินท่านหมอเสี่ยวกระซิบบอกได้อย่างชัดเจนว่า สองสามวันนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แต่ขอให้เขาไม่ต้องกังวลใจ รอให้งานวันเกิดของหนิงน้อยสิ้นสุดลงก่อน แล้วเขาจะเล่าให้ฟัง!

เมื่อไม่เห็นคนอื่นๆมาร่วมงานวันเกิดของหนิงน้อย.. หลิงหยุนก็พอจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าต้องมีบางอย่างไม่ปกติ เขารู้ดีว่าหลังจากเสร็จสิ้นงานวันเกิดของหนิงน้อย เขาคงจะต้องเผชิญกับคลื่นลูกใหญ่อย่างแน่นอน หลิงหยุนนั่งลงที่เก้าอี้ เตรียมกายใจให้พร้อมกับความท้าทายที่กำลังจะต้องเผชิญ

ไม่แน่ว่าสิ่งที่เขากังวลอาจจะไม่เกิด แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว ก็คงต้องหาทางแก้ไขต่อไป แต่ตอนนี้เขาต้องกินก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

หลังจากนั้นราวยี่สิบนาที เสี่ยวเม่ยหนิงก็เดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มาอวยพรทั้งสามโต๊ะเรียบร้อย อีกทั้งยังได้รับของขวัญวันเกิดมากมาย และตอนนี้เธอก็ได้ตามพ่อกับแม่มาที่โต๊ะของหลิงหยุน

ทุกคนในโต๊ะต่างก็รู้ว่าเวลาที่น่าตื่นเต้นได้มาถึงแล้ว!

เด็กหนุ่มในโต๊ะต่างก็รอคอยที่จะให้ของขวัญวันเกิดที่นำมากับมือของหนิงน้อย ด้วยความหวังว่าจะเอาชนะใจเธอได้ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าคืนนี้กลับเป็นคืนที่โดดเด่นของหลิงหยุน และในเวลานี้ทุกคนต่างก็รอคอยที่จะให้หลิงหยุนเสียหน้า

หลิงหยุนยังคงนั่งกินและดื่มไม่หยุด เขาไม่ได้กินอาหารอร่อยแบบนี้มาหลายวัน และตอนนี้ก็มีอาหารทะเลอยู่เต็มโต๊ะราวกับว่าทำมาเพื่อหลิงหยุนโดยเฉพาะ

“ตระกูลหลิวจากเจียงหนาน.. หลิวหงอี้ ขอมอบสร้อยหยกให้เป็นของขวัญของหนิงน้อย สุขสันต์วันเกิดนะครับหนิงน้อย..”

“ตระกูลไช่จากเจียงตง ไช่ยิง ขอมอบพระพุทธรูปหยกที่สง่างามให้เป็นของขวัญวันเกิด สุขสันต์วันเกิดครับหนิงน้อย..”

……..

ไม่ว่าหนุ่มในโต๊ะคนใหนจะมอบของขวัญวันเกิดให้หนิงน้อย ทุกคนก็จะเหลือบมองไปที่หลิงหยุนอย่างจงใจ และสีหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน

ของขวัญวันเกิดของชายหนุ่มแต่ละคนที่นำมาให้นั้น เห็นได้ชัดว่าผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี และแต่ละชิ้นก็ล้วนมีค่ามีราคา เพราะพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ของขวัญเพียงแค่นี้จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา

แต่ของขวัญที่เป็นไฮไลท์ของงานคืนนี้เป็นของคุณชายทั้งสามจากสำหนักหมอหุบเขาเทวะ ตระกูลหลง และตระกูลหลี่!

เสี่ยวเม่ยหนิงกับพ่อแม่มาหยุดยืนอยู่หน้าหลี่ยั่วหมิง แต่เสี่ยวเม่ยหนิงกลับไม่สนใจอะไร ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเพียงคนเดียว และแทบจะไม่ใส่ใจกับของขวัญวันเกิดที่ผู้คนมอบให้เลยด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่ยื่นมือออกไปรับและกล่าวขอบคุณราวกับหุ่นยนต์

หลี่ยั่วหมิงยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน และพูดกับเสี่ยวเม่ยหนิงว่า “หนิงน้อยอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ได้ใบขับขี่แล้วด้วย ผมไม่ได้นำของขวัญวันเกิดมาที่นี่ด้วย แต่จะส่งมายบัค 62 มาให้เป็นของขวัญวันเกิด หวังว่าเธอจะชอบนะ!”

เมื่อพูดจบ.. คนที่อยู่ในโต๊ะต่างก็ตกใจ และต่างก็พึมพำกันเสียงดัง!