บทที่ 345 : หัวเราะทีหลังดังกว่า (3)

“Maybach 62!! รถรุ่นนี้ราคาในตลาดอย่างต่ำก็ต้องสิบสองล้านหยวน.. มันไม่มากไปหน่อยเหรอ!”

“ไม่หรอก.. นี่ไม่ใช่เรื่องของราคา! ในเมื่อตระกูลหลี่ตั้งใจจะให้ Maybach เป็นของขวัญวันเกิดกับหนิงน้อย แน่นอนว่าก็ต้องเลือกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นอยู่แล้ว ดูหลี่ยั่วหมิงสิ.. เขาเป็นคนทันสมัยจะตายไป!”

“ก็แน่นอนอยู่แล้ว.. ตระกูลหลี่ร่ำรวยล้นฟ้า เงินแค่ไม่กี่สิบล้านหยวน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก!”

“พวกเราเทียบหลี่ยั่วหมิงไม่ได้จริงๆ!”

………

“นี่เฒ่าเสี่ยว.. ครั้งนี้ได้กำไรมหาศาล ท่านจะไม่พูดอะไรหน่อยรึ?”

ท่านหมอเสี่ยวนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ ต่างคนต่างก็คุยกันไปดื่มกันไป ทุกคนต่างก็หัวเราะกันอย่างมีความสุข พร้อมกับหยอกเย้าท่านหมอเสี่ยวไปด้วย

แต่ท่านหมอเสี่ยวเพียงแค่ยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเคยรักษาและฟื้นฟูร่างกายให้กับปู่ของเขา แต่ก็คงเทียบไม่ได้กับรถนั่นกระมัง? นับว่าโชคดีที่ตระกูลหลี่ยังไม่ลืมตาแก่อย่างฉัน..”

อาวุโสชายคนหนึ่งที่มีผมสีขาวและใบหน้าแดงก่ำพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี “เฒ่าเสี่ยว.. ท่านก็ถ่อมตัวจนเกินไป ใครบ้างที่จะกล้าลืมท่านหมอเสี่ยว! ดูสิ.. ใครๆต่างกอยากจะมาร่วมงานวันเกิดหลานสาวท่านหมอเสี่ยวกันทั้งหมด ข้าว่าท่านน่าจะลองให้โอกาสเด็กหนุ่มคนนี้ ให้ทั้งสองคนลองคบกันดู..”

สีหน้าของท่านหมอเสี่ยวเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับหันไปมองชายชราผมขาว และตอบกลับไปว่า “อย่ามาหว่านล้อมให้ยากเลย.. เรื่องการแต่งงานของหนิงน้อย ต้องให้เจ้าตัวเขาเป็นคนจัดการเอง ถ้าหนิงน้อยรักใคร ปู่อย่างฉันก็ไม่ปฏิเสธ..”

ชายชราผมขาวสวนขึ้นมาทันที “นี่ท่านคงหมายถึงเด็กหนุ่มหน้าไม่อายแต่งตัวไร้กาละเทศะคนนั้นสินะ! ไม่น่าเชื่อที่เขายังกล้าเข้ามานั่งในงานเลี้ยง อีกทั้งยังอยู่ท่ามกลางเด็กหนุ่มที่ร่ำรวยพวกนั้น ท่าทางของเขาก็ดูยะโสโอหังไม่น้อย ฉันไม่เชื่อว่าหมอนั่นจะเก่งอย่างที่แสดงออกจริงๆ!”

ชายชราอีกคนสวมเสื้อสูทคอจีนก็อดรนทนไม่ได้ต้องพูดออกมาเช่นกัน “เด็กหนุ่มนั่นดูแตกต่างจากเด็กหนุ่มคนอื่นจริงๆ หน้าตาของเขาดูหล่อเหลา ลักยิ้มบนหน้าก็ดูมีเสน่ห์ ดูท่าจะมีเด็กสาวมาชอบเยอะ! แต่มารยาทบนโต๊ะอาหารนี่ไม่ไหวจริงๆ”

ชายชราอีกคนที่สวมชุดสูทคอจีนสีน้ำเงินก็แสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน “นั่นสินะ.. ฉันก็ว่าแววตาของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่เหมือนเด็กหนุ่มคนอื่นๆ ฉันเองก็บอกไม่ถูกว่าดูคล้ายอะไร ส่วนลักยิ้มบนแก้มนั่น รับรองว่าแค่นั่งเฉยๆก็มีสาวๆยิ่งตามแล้วล่ะ! ส่วนเรื่องมารยาทในการกินนี่เหลือทน!”

ชายสวมเสื้อคอจีนทั้งสองคนให้ความสำคัญอย่างมากกับมารยาทบนโต๊ะอาหาร แม้จะไม่ชื่นชอบมารยาทในการกินของหลิงหยุนนัก แต่ก็ยอมรับว่าหลิงหยุนนั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลามาก..

ชายชราท่าทางอารมณ์ดีพูดขึ้นมา “แต่ฉันว่านะ.. เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก! ว่าแต่เฒ่าเสี่ยวท่านไปรู้จักกับเด็กหนุ่มคนนี้ได้ยังไง? แล้วดูสิ.. ในขณะที่คนอื่นๆอวดรวยกัน พ่อหนุ่มนั่นกลับเอาแต่กินไม่สนใจใคร! แต่ถึงยังไงครั้งนี้ดูท่าพ่อหนุ่มนั่นคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้แล้วล่ะ เพราะคงจะไม่มีของขวัญแพงๆเหมือนคนอื่นๆ..”

ท่านหมอเสี่ยวเหลือบมองชายแก่อารมณ์ดีพร้อมกับตอบยิ้มๆ “อย่าพูดอะไรแบบนั้น.. แม้เด็กคนนี้จะมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่แล้วยังไง? หนิงน้อยไม่ใช่คนที่ดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า แล้วก็ไม่ได้ชื่นชมคนเพราะความร่ำรวย ไม่มีของขวัญมาให้ก็ไม่เป็นไร แค่หลิงหยุนมาร่วมงานก็เพียงพอแล้ว!”

ท่านหมอเสี่ยวคิดเช่นนั้นจริงๆ เพียงแค่หลิงหยุนมาร่วมงานก็เพียงพอแล้ว เพราะหากหลิงหยุนไม่มาปรากฏตัว ไม่รู้ว่าป่านนี้หลานสาวของเขาจะเป็นอย่างไร?

ท่านหมอเสี่ยวแม้ว่าจะไม่ได้เชียร์ใครออกหน้าออกตา แต่ก็พูดออกตัวแทนหลิงหยุน แล้วใครกันที่จะกล้าไม่ฟังคำพูดของเขา?

ชายชราหลายคนได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับยกแก้วไวน์ในมือขึ้นแล้วพูดว่า “เอาล่ะ.. ดื่มกันดีกว่า! ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ ดูเหมือนวันนี้เฒ่เสี่ยวจะแก่แล้วเลยหงุดหงิดมากไปหน่อย.. ฮ่า ฮ่า”

………

แม้ว่าในห้องนั่งเล่นจะเสียงดังอึกทึก และโต๊ะของเด็กหนุ่มจะอยู่ห่างจากโต๊ะของท่านหมอเสี่ยวพอสมควร แต่หลิงหยุนกลับได้ยินคำพูดและเสียงหัวเราะได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็เพียงแค่ยิ้มและยังคงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารต่อไป..

“พี่ชายคะ.. ของขวัญนี่แพงเกินไป ฉัน..”

ทันทีที่เสี่ยวเม่ยหนิงได้ยินว่าหลี่ยั่วหมิงจะมอบรถ Maybach ให้ เธอก็ตั้งใจที่จะปฏิเสธ ด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าของขวัญวันเกิดที่เขาให้นั้นมีความหมายอะไรซ่อนอยู่

แต่จู่ๆ เธอก็คล้ายได้ยินเสียงของหลิงหยุนพูดข้างหูว่า “ของขวัญส่งมาให้ถึงหน้าประตูบ้านแล้ว จะปฏิเสธทำไมกัน? ห้ามปฏิเสธ!”

เสี่ยวเม่ยหนิงได้แต่คิดในใจ.. หลิงหยุนก็ยังคงเป็นหลิงหยุน ไม่เคยยอมที่เสียผลประโยชน์เลย เธอมองใบหน้าหล่อเหลาของหลิงหยุนแล้วก็ได้แต่เงียบ และไม่พูดอะไรอีก..

หลี่ยั่วหมิงที่คิดว่าเขาคงต้องถูกปฏิเสธอย่างแน่นอน เมื่อเห็นเสี่ยวเม่ยหนิงจู่ๆก็หยุดพูดค้างไว้แค่นั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก เขาจึงรีบฉวยโอกาสส่งกุญแจรถให้กับเธอด้วยความดีอกดีใจ..

เสี่ยวเฉิงเยี่วยได้แต่ยิ้มขอบคุณหลี่ยั่วหมิง..

หลี่ยั่วหมิงนั่งลงอย่างพอใจ จากนั้นหลงเทียนยู่ก็ลุกขึ้นมาทันที เขาหยิบกล่องของขวัญที่สวยงามออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับยื่นไปตรงหน้าเสี่ยวเม่ยหนิง และเปิดออกต่อหน้าทุกคน และพูดขึ้นว่า

“หนิงน้อย.. นี่เป็นสร้อยไข่มุกที่ตรงกลางเป็นเพชรสีชมพูเก้ากะรัต หวังว่าหนิงน้อยจะชอบ พี่ขอมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดหนิงน้อย สุขสันต์วันเกิดนะครับ!”

หลงเทียนยู่เกิดในตระกูลหลง แม้ท่าทางของเขาจะดูสงบเสงี่ยม แต่ท่าทางการพูดก็เต็มไปด้วยความมั่นใจและค่อนข้างถือตัว ทุกคนที่ได้ยินต่างก็พากันตกใจ และปรบมือเสียงดัง!

ภายใต้แสงไฟสว่างไสว เพชรสีชมพูยิ่งส่องประกายระยิบระยับเจิ้ดจ้า อีกทั้งมุกแต่ละเม็ดนั้นก็ใหญ่โตขาวใส เรียกได้ว่าแค่มุกหนึ่งเม็ดก็มีราคาหลายแสนแล้ว

ของขวัญแบบนี้หากไม่โง่จนเกินไป ก็ต้องดูออกว่ามันคือของล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง  แม้แต่เสี่ยวเม่ยหนิงเองเมื่อได้เห็นสร้อย ก็นึกปฏิเสธอยู่ในใจ แต่กลับได้ยินเสียงของหลิงหยุนดังอยู่ข้างหูอีกครั้งว่า.. “ห้ามปฏิเสธ!”

และโดยมารยาท การรับของขวัญลักษณะนี้ ต้องให้ผู้มอบเป็นผู้สวมให้ทันที! และหลงเทียนยู่ก็ไม่รอช้า เขายิ้มกว้างพร้อมกับพูดขึ้นว่าว่า

“หนิงน้อย.. ถ้าเธอชอบ พี่จะสวมให้เธอเดี๋ยวนี้เลย!”

เสี่ยวเม่ยหนิงได้แต่กระอักกระอ่วนใจ เธออยากให้หลิงหยุนเป็นคนสวมสร้อยคอเส้นนี้ให้กับเธอ แต่นี่เป็นของขวัญของหลงเทียนยู่ เธอจึงได้แต่ละล้าละลังพร้อมกับนึกตำหนิหลิงหยุนในใจ..

‘ไม่ยอมให้ฉันปฏิเสธ ตอนนี้จะให้ทำยังไง?!’ เสี่ยวเม่ยหนิงเหลือบมองหลิงหยุน และเห็นสายตาของเขามองไปทางจางเม่ยหยิวน เธอจึงหันไปพูดกับแม่ของเธอว่า

“แม่คะ.. ช่วยสวมสร้อยให้หนูหน่อยได้ไม๊คะ?!”

ช่างเป็นของขวัญที่ล้ำค่าและหาได้ยาก แม้แต่จางเม่ยหยิวนเองก็ชื่นชอบอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ว่าผู้หญิงคนใหนที่ได้เห็นก็ยากที่จะปฏิเสธได้ จางเม่ยหยิวนเข้าใจความหมายของเสี่ยวเม่ยหนิงดี จึงได้แต่หัวเราะ และเข้าไปช่วยสวมสร้อยคอให้กับลูกสาวด้วยตัวเอง

สร้อยนั้นเข้ากับชุดราตรีเปิดไหล่สีแดงของเสี่ยวเม่ยหนิงอย่างมาก ทันทีที่สวมสร้อยลงไป ผิวขาวของเธอก็ยิ่งส่งให้เพชรที่สวมใส่นั้นโดดเด่นสู่สายตาของผู้คนมากขึ้น!

ช่างงดงามเหลือเกิน! ดูสวยสง่าสามกับเป็นชนชั้นสูง!

หลิงหยุนมองแล้วได้แต่แอบพยักหน้า เขาได้ยินว่าตระกูลหลงเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลวง จึงน่าจะเป็นผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลไม่น้อยเลยทีเดียว!

แม้ว่าหลงเทียนยู่จะไม่ได้สวมสร้อยคอให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยตนเอง แต่เขาก็รู้สึกพอใจอย่างมากที่เห็นเสี่ยวเม่ยหนิงสวมสร้อยที่เขามอบให้ เพราะมันทำให้เขากลายเป็นที่สนอกสนใจของผู้คนในงานทันที จากนั้นก็เหลือบมองหลิงหยุนอย่างจองหอง และยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ..

“ตระกูลหลงก็ยังเป็นตระกูลหลงอยู่ดี ของขวัญแต่ละชิ้นล้วนพิเศษ และเป็นสิ่งทีคนทั่วไปหาได้ยาก..”

ส่วนทางด้านโต๊ะของบรรดาผู้สูงอายุ ดวงตาของชายชราอารมณ์ดีกระพริบถี่ พร้อมกับถอนหายใจอย่างแรง..

“เฒ่าเสี่ยว.. ท่านดูสิเด็กโง่นั่นสิ เขายังนั่งกินอยู่อีก! จนถึงตอนนี้ยังไม่เอาของขวัญออกมาอีก เอาแบบนี้ดีไม๊.. ท่านก็ไปเรียกหลิงหยุนมา แล้วก็แอบเอาของมีค่าของท่านให้เขานำไปเป็นของขวัญวันเกิดให้หนิงน้อย เขาจะได้มีหน้ามีตา! ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ เด็กนั่นคงต้องถูกหัวเราะเยาะแน่.. ท่านจะทนดูได้รึ..”

ไม่ต้องพูดถึง ท่านหมอเสี่ยวเองก็คิดเช่นนั้น แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่ควรจะเป็น! เขาดูออกว่าหลิงหยุนไม่ได้คบคนที่ความมั่งคั่ง และตัวเขาเองก็เป็นคนเช่นนั้น ครั้งแรกที่เขาพบหลิงหยุน เขาก็รู้ว่าหลิงหยุนเป็นคนที่มีความเคารพตัวเองสูงมาก และมันก็ป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเขา!

เมื่อครั้งที่หลิงหยุนจะใช้เก้าเข็มปลุกชีพรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับเขา แต่เพียงเพราะหนิงน้อยไม่เชื่อในตัวของหลิงหยุน หลิงหยุนถึงกับเดินออกจากบ้านไปทันที!

ท่านหมอเสี่ยวส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่.. ของขวัญวันเกิดไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ว่าวันนี้หลิงหยุนจะให้อะไรหนิงน้อย ต่อให้เป็นของไม่มีราคา ฉันก็เชื่อว่าหลานของฉันจะมีความสุขอย่างมาก!”

ชายชราที่สวมสูทคอจีนสีน้ำเงินพูดยิ้มๆ “ดูเหมือนท่านจะเข้าใจจิตใจของหลานสาวมากนะ..”

ท่านหมอเสี่ยวกระพริบตาพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันเลี้ยงหนิงน้อยมาสิบกว่าปี ถ้าฉันไม่เข้าใจจิตใจของเธอ ฉันจะเป็นปู่ได้ยังไง?”

หลังจากที่หลงเทียนยู่นั่งลง เสี่ยวเฉิงเยี่วยก็เดินมาถึงหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงรู้ดีว่าหลิงหยุนไม่มีของขวัญมาให้เธอ เธอแอบกระซิบบอกพ่อแม่ของเธอให้รีบเดินผ่านไป อย่าทำให้หลิงหยุนต้องอับอาย!

เมื่อเสี่ยวเฉิงเยี่วยเห็นว่าหลิงหยุนยังคงนั่งกิน เขาจึงเดินข้ามหลิงหยุนไป และไปหยุดอยู่ที่ฮู๋เซ่าป๋าย!

น้ำเสียงเย็นชาและเยาะหยันดังเข้าหูของหลิงหยุน แต่เขาก็แกล้งทำเหมือนไม่ได้ยิน และยังคงกินต่อไป

ฮู๋เซ่าป๋ายรอดูหลิงหยุนอยู่นาน เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนยังคงไม่ลุกขึ้น เขาจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวทักทายเสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนก่อน จากนั้นจึงหยิบของขวัญออกมา

เขาหยิบกล่องหยกสามเหลี่ยมสีเขียวออกมา และเปิดต่อหน้าทุกคน “หนิงน้อย สำนักหมอหุบเขาเทวะอาจไม่มีของล้ำค่า ข้ามีเพียงโสมเก้าร้อยปีมาให้ หวังว่าของขวัญวันเกิดเล็กน้อยนี้จะทำให้หนิงน้อยเป็นสาวตลอดกาล และสวยเช่นนี้ตลอดไป!”

“อะไรนะ! โสมเก้าร้อยปีงั้นเหรอ?! ฉันเคยได้ยินแต่ในตำนานว่าเป็นโสมของฮ่องเต้!”

เมื่อโสมเกือบพันปีถูกหยิบออกมา คนแก่สูงวัยที่โต๊ะผู้สูงอายุต่างก็พากันลุกขึ้นยืนมอง..

แม้แต่ท่านหมอเสี่ยวเองยังถึงกับขยับตัวเมื่อได้ยิน พร้อมกับคิดในใจว่า ‘ดูท่าสำนักหุบหมอหุบเขาเทวะคงจะโหยหาการออกสู่โลกภายนอกมากสินะ!’