“ใช่ รีบไล่นางออกไปเสียเถอะ ต้องมาเพื่อก่อกวนแน่ๆ”

แขกผู้เข้ามาประมูลต่างพากันตะโกนไล่ และเป็นการดีที่จะตัดคู่ต่อสู้ออกไปได้หนึ่งคน

เสี่ยวลู่ยิ้มอย่างสง่างามและสงบด้วยเสน่ห์ในแบบผู้หญิง เสียงของนางชัดเจนและอ่อนหวานเหมือนนกกระจิบสีเหลืองที่ออกมาจากหุบเขา “แขกผู้เข้าประมูลหมายเลขยี่สิบแปดไม่ได้ค้างชำระการประมูล ตามกฎแล้ว การประมูลไม่มีสิทธิ์ที่จะขับไล่คนอื่น”

“เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่นางไม่มีเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงเพื่อจ่าย”

“แต่เพื่อนของนางก็ได้จ่ายแทนนางไปแล้ว การประมูลของเราจะนับแค่เงิน ไม่นับว่าใครจะเป็นคนจ่ายแทนนาง”

เมื่อเสี่ยวลู่พูดขึ้นมาเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พวกเขาจะไม่ขับไล่กู้ชูหน่วนออกไป หากอยู่ในฐานะผู้จัดการประมูลอย่างพวกเขา ก็นับว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขับไล่นางออกไป ถึงอย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ติดค้างเงินแม้แต่นิดเดียว

กู้ชูหน่วนมองไปที่องค์หญิงตังตังและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พวกเจ้าต้องการรีบขับไล่ข้าออกไปเช่นนี้ หรือว่าเป็นเพราะไม่มีเงินมากพอจะประมูลสู้กับข้าได้?”

องค์หญิงตังตังยกป้ายขึ้นมาและตะโกนออกไปทันที “ยี่สิบเอ็ดล้านตำลึง”

นังผู้หญิงสารเลว นางหมายความว่าอย่างไร?

เห็นได้ชัดว่านางต้องการยั่วยุโอ้อวด

“สามสิบล้านตำลึง”

ตุบ……

ทุกคนต่างพากันกระอักเลือดอีกครั้ง

ยี่สิบเอ็ดล้านตำลึงเพิ่มราคาไปถึงสามสิบล้านตำลึง นางแน่ใจแล้วหรือ?

“สามสิบเอ็ดล้านตำลึง” ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาจากในกลุ่มฝูงชน

“สามสิบสองล้านตำลึง”

“สามสิบสามล้านตำลึง”

กู้ชูหน่วนกวาดสายตาไปที่คนที่เพิ่มราคาขึ้นมา นางไม่ได้รู้จัก แต่อาจจะเป็นนักปรุงยาที่พอจะเข้าใจการเล่นแร่แปรธาตุ

กู้ชูอวิ๋นรีบพูดแทรกขึ้นมา “ท่านพ่อ เราไม่ประมูลเพิ่มราคาไปแล้วอย่างนั้นจริงๆ หรือ?”

อัครเสนาบดีอดไม่ได้แทบอยากจะโยนป้ายไปที่กู้ชูอวิ๋นเสีย

“หากเจ้าสามารถหาเงินสามสิบสามล้านตำลึงมาได้ เช่นนั้นข้าก็จะประมูลต่อไปอย่างไม่หยุด”

“……”

กู้ชูอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ

นางจะมีเงินมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร?

นี่นับเป็นราคาสูงเสียดฟ้าที่ไม่อาจเอื้อมถึงได้เลย

ท่านเจ๋ออ๋องครุ่นคิดพิจารณาอยู่นาน จากนั้นจึงยกป้ายขึ้น “สามสิบห้าล้านตำลึง”

“ห้าสิบล้านตำลึง” กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเกียจคร้าน

เส้นสีดำเลื่อนลงมาจากศีรษะของทุกคน (หมดคำพูด)

เป็นผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่สวมผ้าคลุมผ้าเช่นเดียวกัน

และเป็นเงินจำนวนห้าสิบล้านตำลึงอีกแล้ว

ปัดโธ่……

เพียงชั่วพริบตาก็เพิ่มราคาขึ้นอีกสิบห้าล้านตำลึง ทำไมนางถึงไม่ไปเป็นนางฟ้านางสวรรค์นะ

เดิมทีองค์หญิงตังตังต้องการจะประมูลต่อ แต่หลังจากที่นางได้ยินห้าสิบล้านตำลึง ทำอย่างไรป้ายในมือก็ยกไม่ขึ้นและทำได้เพียงกล่าวอย่างโมโห “ท่านพิธีกร เมื่อสักครู่นางยังไม่มีเงินห้าสิบล้านตำลึงออกมาจ่ายได้เลย และครั้งนี้ก็คงเป็นเหมือนเดิม ไม่เช่นนั้น เจ้าให้นางนำเงินออกมาก่อนจะดีเสียกว่า จากนั้นค่อยดำเนินการประมูลต่อไป”

“อ้อ……แขกผู้มีเกียรติที่อยู่ข้างบน ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่มีเงิน? และรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีใครออกเงินแทนข้าได้?”

“เช่นนั้นเจ้าก็นำเงินออกมาสิ”

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะอย่างได้ใจ “ขอถามหน่อยว่าหอประมูลเฟิงเซียงนี้มีกฎว่าต้องนำเงินออกมาแสดงให้ดูก่อน จากนั้นจึงสามารถเข้าร่วมการประมูลได้อย่างนั้นหรือ?”

“อันนี้……ไม่มีเรื่องเช่นนี้”

“ในเมื่อไม่มี แขกผู้มีเกียรติชั้นบนจะมาสร้างเงื่อนไขให้กับข้าได้อย่างไร?”

พิธีกรรีบพูดเปลี่ยนประเด็นทันที “แขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดไม่ได้ทำผิดกฎและสามารถร่วมการประมูลได้ต่อ หากแขกผู้มีเกียรติหมายเลขเก้าชั้นบนในห้องรับรองส่วนตัวยังคงก่อกวนอยู่อีก เช่นนั้นจะถูกขับไล่ออกจากหอประมูลเฟิงเซียง”

องค์หญิงตังตังโมโหมาก

กู้ชูหน่วนทำให้นางรู้สึกโมโหก็มากพอแล้ว

และตอนนี้หอประมูลเฟิงเซียงยังเข้าข้างนางอีกด้วย

เสี่ยวลี่ว์พูดเพื่อเกลี้ยกล่อม “องค์หญิง ดูเหมือนพระชายาหานจะไม่ได้ทำอะไรผิดไป เราหาจุดอ่อนของนางไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเราไม่ต้องประมูลแล้วและให้นางได้รับการประมูลนี้ไป และรอดูว่านางจะมีเงินห้าสิบล้านตำลึงออกมาจ่ายได้หรือไม่ดีไหมเพคะ”

“ตอนนี้ข้าไม่ประมูล เช่นนั้นก็แสดงว่าข้ากลัวนางน่ะสิ? อย่างไรเสีย ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าจะต้องชนะการประมูลให้ได้”

เมื่อพูดจบ องค์หญิงตังตังยกป้ายขึ้นอีกครั้ง “ห้าสิบเอ็ดล้านตำลึง”

“หกสิบล้านตำลึง”

“……”

หกสิบล้าน นางเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรกัน?

องค์หญิงตังตังยังคิดอยากจะยกป้ายขึ้น แต่เสี่ยวลี่ว์กอดป้ายนั้นเอาไว้แน่น “องค์หญิง เราประมูลต่อไปอีกไม่ได้แล้วเพคะ หากยังเพิ่มราคาประมูลต่อไปอีก แม้แต่พระพันปีก็ไม่สามารถหาเงินตำลึงมากมายเช่นนั้นมาได้ และถึงตอนนั้นเราจะไม่มีอะไรมาจ่ายให้กับหอประมูลเฟิงเซียงนะเพคะ”

“พูดจาเหลวไหล เสด็จแม่เป็นถึงพระพันปี และข้าเองก็เป็นถึงองค์หญิงที่เป็นที่รักที่สุดและเป็นที่ยกย่องเทิดทูนของรัฐเยี่ย บนโลกนี้มีหรือว่าจะไม่มีเงินมาจ่ายให้กับการประมูลนี้ ส่วนเรื่องการจะอธิบาย เอ่อ ข้าต้องอธิบายอะไรหรือ”

“หกสิบเอ็ดล้านตำลึง”

“เจ็ดสิบล้านตำลึง”

เมื่อเทียบกับความร้อนรนกระวนกระวายใจขององค์หญิงตังตังแล้ว กู้ชูหน่วนดูสงบนิ่งกว่ามาก ปากของนางเปล่งเสียงประมูลราคาออกไปและหน้าตาก็ไม่ได้เคร่งเครียดหรือทุกข์ร้อนใจอะไร ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดามากเรื่องหนึ่งเท่านั้น

หัวใจขององค์หญิงตังตังเต้นแรงมาก

นางลังเลว่าจะประมูลต่อดีหรือไม่เสี่ยวลี่ว์ยังคงกอดแผ่นป้ายเอาไว้แน่น และทำอย่างไรก็ไม่ยอมให้นางทำการประมูลเพิ่มราคาต่อไป

มือที่จับแผ่นป้ายของท่านเจ๋ออ๋องนั้น ราวกับร้อนดังภูเขาไฟที่เดือดพล่านและร้อนจนแทบอยากจะโยนทิ้ง

เจ็ดสิบล้านตำลึง……

ต่อให้เขายกเอาของทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาก็ไม่เพียงพอ เช่นนั้นแล้วเขาจะประมูลต่อได้อย่างไร?

เสี่ยวลู่ยิ้มและกล่าวว่า “แขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดช่างเป็นคนใจกว้างยิ่งนัก ราคาที่เสนอมามีมูลค่าถึงเก้าสิบล้านตำลึง และตอนนี้แขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปดก็ได้ประมูลมาในราคาเจ็ดสิบล้านตำลึง ยังมีให้ราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่ หากไม่มี ตำรายากลั่นอายุวัฒนะนี้ก็จะตกเป็นของหมายเลขยี่สิบแปดแล้ว”

เงียบสงัดทั้งบริเวณ

ทุกคนต่างไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร

พวกเขาก็อยากเป็นปรมาจารย์นักปรุงแร่แปรธาตุ แต่ต่อให้ได้ตำรายากลั่นอายุวัฒนะมาครอบครองแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จในการศึกษาตำราการกลั่นยา

“หมายเลขยี่สิบแปด เจ็ดสิบล้านตำลึงครั้งที่หนึ่ง หมายเลขยี่สิบแปด เจ็ดสิบล้านตำลึงครั้งที่สอง หากไม่มีใครประมูลขึ้นอีก เช่นนั้นตำรายากลั่นอายุวัฒนะจะตกเป็นของแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบแปด”

มุมปากของกู้ชูหน่วนยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม

และรอให้ประกาศว่าตำรายากลั่นอายุวัฒนะได้ตกมาอยู่ในมือของนาง

ดูเหมือนว่าทุกคนจะคิดว่าตำรายากลั่นอายุวัฒนะนี้จะถูกกู้ชูหน่วนแย่งชิงไปครอบครองแล้ว

แต่ก่อนที่ไม้ทุบจะถูกทุบลงไปกลับมีเสียงดังขึ้น “เจ็ดสิบห้าล้านตำลึง”

ซู่……

เจ็ดสิบห้าล้านตำลึง……นี่ช่างร่ำรวยอภิมหาเศรษฐีเสียเหลือเกิน

ทุกคนต่างพากันหันไปมอง แต่กลับเห็นเพียงชายชราผมหงอกคนหนึ่งเท่านั้น

ชายชราคนนั้นสวมใส่ชุดลัทธิเต๋า เป็นความงดงามที่อมตะและมีเคราสีเทายาวมาก ในเวลานี้เขายิ้มให้กับกู้ชูหน่วน

“พระเจ้า คนคนนั้นไม่ใช่ปรมาจารย์เฟิงหรอกหรือ? เขาเป็นถึงปรมาจารย์นักปรุงยาลำดับที่สองเชียวนะ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่”

“นั่นน่ะสิ หลายสิบปีก่อนปรมาจารย์เฟิงได้ออกจากเส้นทางนี้ไปแล้วไม่ใช่หรือ ข้าคิดมาตลอดว่าเขาได้จากไปเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขายังมีชีวิตอยู่”

“ยาอายุวัฒนะที่ปรมาจารย์เฟิงกลั่นขึ้นมานั้น มีอัตราผลตอบแทนที่สูงมาก ยาที่เขากลั่นนั้นมีราคาแพงมากและหาซื้อยากมาก”

“หรือว่าปรมาจารย์เฟิงจะเกิดความสนใจในตำรายากลั่นอายุวัฒนะด้วยเช่นกันอย่างนั้นหรือ?”

“บนโลกนี้มีนักปรุงยาคนไหนที่ไม่ต้องการตำรายากลั่นอายุวัฒนะ? ข้าว่าครั้งนี้เขาจะต้องประมูลไปให้ได้อย่างแน่นอน มีนักปรุงยาที่ไหนกันที่ขาดแคลนเรื่องเงิน?”