ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 210
มู่หรงจ้วงจ้วงมองไปที่มีดสั้นและรู้สึกคุ้นเคยมาก จากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ “นี่เป็นสิ่งที่เสด็จพี่มอบให้เจ้าเจ็ดในตอนนั้นนี่ เจ้าเจ็ดมอบให้เจ้าเหรอ? มีดสั้นนี้ถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของเขาเลยนะ”
จื่ออันไม่รู้ว่ามีดสั้นนี้มีความสำคัญกับมู่หรงเจี๋ยมากถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะเป็นมีดสั้นที่องค์จักรพรรดิพระองค์ก่อนมอบให้เขาด้วยแล้ว
หยวนซื่อหันไปทางจื่ออัน มีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย
จื่ออันเก็บมีดสั้นเข้าที่ ไม่อยากให้มีดสั้นเล่มนี้เปื้อนเลือดของฮูหยินหลิงหลงเลยสักนิด
นางยืนขึ้นและพูดกับมู่หรงจ้วงจ้วง “องค์หญิง เรื่องนี้ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง ท่านไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว!”
“เจ้าจะจัดการด้วยตัวเอง?” มู่หรงจ้วงจ้วงมองนางอย่างสงสัยแล้วพูดอีกครั้ง “ได้ ข้าจะมอบทหารองครักษ์ของข้าให้เจ้าเอาไปใช้งาน”
“ไม่จำเป็น!” จื่ออันส่ายหัว มีรังสีความชั่วร้ายเลือดเย็นปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “ฆ่าไก่ทำไมต้องใช้มีดฆ่าวัว?”
ขณะที่พูดคุยกันอยู่ก็มีทหารองครักษ์เข้ามารายงาน “องค์หญิง รถม้าถูกสกัดกั้นไว้ได้ ขณะที่กำลังเดินทางกลับ แต่แล้วดูเหมือนว่าคนขับรถม้าคนนั้นที่กำลังกลับมารายงาน ก็…”
ทหารองครักษ์ลังเลเล็กน้อย และมู่หรงจ้วงจ้วงก็ถามอย่างเหลืออด “ก็อะไรเล่า?”
“ตอนที่รถม้ากำลังย้อนกลับมา ได้เจอกับองค์รัชทายาทเข้าพอดี ตอนนี้องค์รัชทายาทก็ติดตามมาด้วย องค์หญิงต้องการหลบเลี่ยงเขาหรือไม่?”
ที่ทหารองครักษ์กล่าวเช่นนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่ามู่หรงจ้วงจ้วงกระทำการสิ่งใด ก็จะหลีกเลี่ยงเชื้อพระวงศ์ทุกเรื่อง น้อยมากที่จะพาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของราชวงศ์
มู่หรงจ้วงจ้วงพูดอย่างเย็นชา “องค์รัชทายาทมาแล้วงั้นหรือ? ถูกโบยไปซะยกใหญ่ เขาไม่พักผ่อนที่ตำหนักบูรพา แต่กลับเดินทางไปไหนต่อไหน? นี่มันดีเสียจริงใช่ไหม? เขาเองก็ควรเข้ามาทำความเคารพข้าที่เป็นเสด็จย่าของเขา”
ระหว่างทางที่ทหารองครักษ์ขับรถม้ากลับ เขาก็ได้พบกับองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทกำลังจะไปที่จวนของไท่ฟู่ ผ่านเส้นทางนี้พอดี เซี่ยหว่านเอ๋อมีสายตาที่เฉียบคม จำรถม้าขององค์รัชทายาทได้ จึงตะโกนเสียงดังขอความช่วยเหลือ
ทหารองครักษ์ขององค์รัชทายาทหยุดรถม้า และถามสถานการณ์ดู จากนั้นก็รายงานต่อองค์รัชทายาทซึ่งตอนนี้เขานอนคว่ำอยู่บนรถม้า พอได้ยินว่ามู่หรงจ้วงจ้วงต้องการพาเซี่ยหว่านเอ๋อกับแม่ของนางไปเขาก็พูดอย่างโกรธเคือง“งั้นก็ตามไปดูกันเถิด ต้าจ่างกงจู่ผู้นี้ เริ่มก่อปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว”
องค์รัชทายาทถูกมู่หรงเจี๋ยสั่งโบย ในใจเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาไม่อาจระบายโทสะกับมู่หรงเจี๋ยได้ พอได้ยินว่าจื่ออันก็อยู่กับมู่หรงจ้วงจ้วงด้วย นึกถึงเรื่องที่มู่หรงเจี๋ยจะอภิเษกกับจื่ออันแล้วเขาก็คิดที่จะเคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์แล้วลงมือกับเซี่ยจื่ออัน ให้มู่หรงเจี๋ยรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ คืนนี้มู่หรงจ้วงจ้วงเสนอให้อ๋องเหลียงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ นี่เป็นการตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง เขาต้องใช้โอกาสนี้เตือนสติมู่หรงจ้วงจ้วงเสียหน่อย อย่าได้คิดว่าตนเองเป็นผู้อาวุโสมีฐานะสูงส่ง แล้วจะไม่เห็นองค์รัชทายาทคนนี้ในสายตา
ฮูหยินหลิงหลงกับเซี่ยหว่านเอ๋อขึ้นมาบนรถม้าขององค์รัชทายาทด้วยกัน องค์รัชทายาทยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านเอ๋อ นางไม่รู้ว่านางรู้สึกภูมิใจเพียงใด แต่นางเห็นว่าองค์รัชทายาททําได้เพียงนอนคว่ําหน้าลงเท่านั้น นางจึงกล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ําว่า “องค์ชาย ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างเพคะ? คนพวกนั้นลงมือได้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว”
ดวงตาขององค์รัชทายาทฉายแววดุร้าย “กล้าโบยข้า ข้าจะให้พวกมันต้องชดใช้อย่างสาสม”
ฮูหยินหลิงหลงผลักเซี่ยหว่านเอ๋อด้วยศอก เซี่ยว่านเอ๋อเอนตัวลงไปและลูบที่บาดแผลขององค์รัชทายาทเบา ๆ สะอื้นไห้กล่าว “หม่อมฉันปวดใจจวนเจียนตาย ให้หม่อมฉันถูกโบยเสียยังดีกว่า องค์ชายจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้”
องค์รัชทายาทที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก ยื่นมือออกไปแตะที่แก้มของนาง “เจ้าก็ช่วยขอร้องให้ข้าแล้ว แต่ว่ามู่หรงเจี๋ยผู้นี้ใจดำอำมหิต ขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ วางใจเถิด ต่อไปข้าจะต้องเหยียบเขาให้จมดิน ให้เขาต้องมากระดิกหางประจบเอาใจข้า”
เซี่ยหว่านเอ๋อสะอื้นไห้กล่าว “แต่คราวนี้เซี่ยจื่ออันต้องหาเรื่องพวกเราเป็นแน่ อีกทั้งองค์หญิงใหญ่ก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย หากพวกเราสองคนแม่ลูกตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกนาง ก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะน่าสังเวชแค่ไหน เซี่ยจื่ออันผู้นั้นยิ่งเป็นคนที่ใจดำอำมหิตด้วย”
เมื่อองค์รัชทายาทเห็นหญิงงามร้องไห้ ก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาทันที “มีข้าอยู่ ใครจะกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายผม? องค์หญิงใหญ่ก็เป็นเพียงแค่ชื่อตำแหน่ง นางรู้ว่าข้าเป็นองค์รัชทายาท ไม่กล้าลองดีกับข้าหรอก”
ฮูหยินหลิงหลงสบตากับเซี่ยหว่านเอ๋อแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
มีองค์รัชทายาทหนุนหลัง ยังจะต้องกลัวมู่หรงจ้วงจ้วงอีกหรือ? สำหรับเซี่ยจื่ออันนั้นยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาเลย