ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 211
ระหว่างที่รถม้าขับเคลื่อนกลับมาก็เห็นรถม้าของมู่หรงจ้วงจ้วงจอดอยู่ที่โรงหมอ ก็เลยถามทหารองค์รักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ รถม้า ทหารองครักษ์บอกว่าองค์หญิงอยู่ด้านใน เขาก็เลยเปิดม่านบอกกล่าวด้วยความเคารพ “กราบทูลองค์ชาย องค์หญิงใหญ่อยู่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ทั้งสองได้ช่วยพยุง เขาจึงลงจากรถม้าอย่างกะโผลกกะเผลก
ที่ถูกโบยไปสามสิบครั้งถือว่าคนโบยเบามือมาก ถ้าอยู่ในค่ายทหาร การลงโทษโดยการโบยสามสิบครั้งในค่ายทหารนั้นจะต้องทำให้เขาพิการ
การลงมือขององครักษ์ในวังยังมีความเมตตา เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้สูงส่งนี้ ตั้งแต่เยาว์วัยแล้วเขาไม่เคยต้องทนทุกข์ทรมาน และการฝึกศิลปะการต่อสู้ของเขาก็เป็นแค่เพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่า ทว่ากลับใช้งานไม่ได้จริง ดังนั้นตอนที่ถูกโบยเขาจึงรู้สึกเจ็บปวดมากเสียจนสลบลงไป
เดิมทีเขาควรจะต้องพักผ่อนอยู่ในวัง แต่ฮองเฮาขอให้เขาออกจากวังไปยังจวนไท่ฟู่โดยทันที องค์รัชทายาทอดทนต่ออาการบาดเจ็บอย่างหนัก ในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาท หากไม่ออกหน้าปลอบใจเหล่าขุนนาง ก็จะทำให้พวกเขายกใจออกห่าง ดังนั้นแม้ฮองเฮาจะรู้สึกสงสารเขา แต่ก็ได้เตรียมการให้เขาออกจากวังไปทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับพวกพ้องขององค์รัชทายาทให้มั่นคง
เพียงแต่ฮองเฮาคิดไม่ถึงว่า เขาไม่ทำหน้าที่หลักของตัวเอง กลับเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้แก่งแย่งกันของจวนมหาเสนาบดี
เจ้าของโรงหมอที่เห็นองค์หญิงมาก่อนหน้านี้ แล้วก็เห็นองค์รัชทายาทมาอีกคนก็รู้สึกหวาดผวาเป็นอย่างมาก เรียกให้คนในโรงหมอออกมารับใช้ ยกชาและขนมที่มีอยู่ในร้านออกมา จากนั้นก็ถอยหลังออกมารอรับคำสั่งที่มุมหนึ่ง เขาไม่กล้าหายใจแรงออกมา และก็ไม่รู้ว่าจะเป็นโชคดีหรือว่าโชคร้าย
หยวนซื่อที่อยู่ด้านในก็ได้ยินเสียง คว้าตัวจื่ออันไว้และตักเตือน “อย่าบุ่มบ่ามนะ!”
จื่ออันตอบเบา ๆ “ท่านแม่วางใจได้ ข้ารู้ขอบเขตดี”
หยวนซื่อกล่าวอีกครั้ง “องค์หญิงโปรดช่วยดูแลด้วยเพคะ”
มู่หรงจ้วงจ้วงกล่าว “ฮูหยินโปรดวางใจเถิด ตอนนี้ในราชสำนักไม่มีใครกล้ารังแกคนของข้าต่อหน้าข้าหรอก”
ทั้งสองออกไปพร้อมกัน สายตาของจื่ออันจ้องไปที่ใบหน้าขององค์รัชทายาทก่อน จากนั้นก็มองไปที่ฮูหยินหลิงหลงกับเซี่ยหว่านเอ๋อที่อยู่ด้านหลังเขา
“บังอาจยิ่งนักเห็นข้าแล้วเหตุใดถึงไม่คุกเข่า?” พอองค์รัชทายาทเห็นเซี่ยจื่ออันก็ข่มขู่ให้เสียขวัญ
ดวงตาของจื่ออันหรี่ลง นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อคำนับตามกฎ “เซี่ยจื่ออัน ถวายบังคมองค์รัชทายาทเพคะ!”
มู่หรงจ้วงจ้วงดึงจื่ออันขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วมองไปที่องค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทวางท่าเสียใหญ่โต ไม่ทราบว่าเมื่อพบเจอข้าที่เป็นย่าของเจ้าแล้ว องค์รัชทายาทจะคุกเข่าลงหรือไม่?”
องค์รัชทายาทดูเหมือนจะเพิ่งเห็นมู่หรงจ้วงจ้วง ท่าทางยโสโอหังของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ที่แท้เสด็จย่าก็อยู่ที่นี่ ข้าว่าอยู่แล้วเชียว เซี่ยจื่ออันคงจะไม่ใจกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ ถึงขั้นสั่งให้คนไปหยุดรถม้าของจวนมหาเสนาบดี อีกทั้งภายในรถม้า ก็มีว่าที่พระชายาเอกของข้าอยู่ด้วย”
มู่หรงจ้วงจ้วงไม่ได้พูดอะไรแต่มองไปที่ฮูหยินหลิงหลงกับเซี่ยหว่านเอ๋อด้วยสายตาที่เฉียบคม
ฮูหยินหลิงหลงและเซี่ยหว่านเอ๋อก้าวไปข้างหน้าเพื่อคารวะเล็กน้อย “ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่!”
“คุกเข่าลง!” มู่หรงจ้วงจ้วงพูดเสียงดัง “ใครสอนกฎให้เจ้า?”
ฮูหยินหลิงหลงตกใจกลัว ยังไม่ทันได้พูดอะไร เซี่ยหว่านเอ๋อก็ได้ก้าวไปข้างหน้าและพูด “องค์หญิง ที่นี่ก็ไม่ใช่ในวังเสียหน่อย อีกอยากก็มีพระราชเสาวนีย์ออกมาแล้ว ตามกฎแล้ว หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับเพคะ”
มู่หรงจ้วงจ้วงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ใครบอกกฎแบบนี้กับเจ้า? บุตรสาวของจวนมหาเสนาบดีที่สง่างาม กล่าวคำพูดที่ดูไร้การอบรมเช่นนี้ออกมา มันไม่น่าอนาถใจไปหน่อยรึ? ตอนนี้เจ้าหาใช่พระชายาเอกขององค์รัชทายาทไม่ และถึงแม้ว่าจะอภิเษกกับเขาแล้ว เมื่อเห็นข้าที่เป็นถึงองค์หญิงเจิ้นกั๋ว อย่างไรเสียเจ้าก็ยังต้องคุกเข่าคำนับข้าอยู่ดี หรือแม้กระทั่งว่าที่แม่พระสวามีของเจ้า ที่เป็นถึงฮองเฮา ยังต้องเรียกข้าว่าเสด็จอาด้วยความเคารพ”
เซี่ยหว่านเอ๋อตกใจเล็กน้อย อันที่จริงนางไม่รู้มารยาทในวัง นางแค่รู้สึกว่าพระชายาเอกขององค์รัชทายาทจะได้เป็นฮองเฮาในอนาคต เป็นผู้หญิงที่มีเกียรติที่สุดในโลก ไม่ควรต้องคำนับองค์หญิงพระองค์หนึ่ง
มู่หรงจ้วงจ้วงขึ้นเสียง “ยังไม่คุกเข่าอีก!”
ฮูหยินหลิงหลงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดึงเซี่ยหว่านเอ๋อให้คุกเข่าลงพร้อม ๆ กันและโค้งคำนับนางด้วยความเคารพ เดิมทีคิดว่ามู่หรงจ้วงจ้วงจะอนุญาตให้พวกนางลุกขึ้นทันที ที่ไหนได้มู่หรงจ้วงจ้วงกลับยังพูดกับองค์รัชทายาทอย่างเมินเฉย “องค์รัชทายาทได้รับบาดเจ็บ กลับไม่พักผ่อนในวัง จะออกไปที่ไหนดึก ๆ ดื่น ๆ?”
“เสด็จย่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้ามาดูว่า เป็นผู้ใดที่กล้ามาหยุดรถม้าของจวนมหาเสนาบดีกันแน่” พูดจบเขาก็มองไปที่จื่ออันด้วยสายตาที่ยั่วยุ