บทที่ 477 ก็ต้องไปเดทน่ะสิ! / บทที่ 478 อาเก้าในห้วงรัก Ink Stone_Romance
บทที่ 477 ก็ต้องไปเดทน่ะสิ!
เมื่อได้รับคำชมสำเร็จ เยี่ยหวันหวั่นก็พึงพอใจแล้ว
เวลานี้เอง เยี่ยหวันหวั่นมองไปรอบข้าง พลันเห็นก้อนขนขาวๆ ที่นอนหมอบอยู่ข้างเท้าซือเยี่ยหาน
“ต้าไป๋!” เยี่ยหวันหวั่นร้อง “ว้าว” ปีนลงจากตัวซือเยี่ยหาน หันตัวทยานไปที่เสือขาว
จากความทรหดอดทนไม่ย่อท้อของเธอช่วงนี้ (ตามตื๊อไม่เลิกรา) ตอนนี้ในที่สุดเธอก็สามารถเข้าใกล้ต้าไป๋ในระยะหนึ่งก้าวได้แล้ว อีกทั้งยังแอบจับปลายขนเสือได้ด้วย
ซือเซี่ยเพิ่งจะเห็นเยี่ยหวันหวั่นกำราบปีศาจร้ายเสียอยู่หมัด วินาทีถัดมาก็ได้เห็นเยี่ยหวันหวั่นยื่นมือชั่วร้ายนั่นไปที่สลอเทอร์แต่กลับไม่ถูกกัดขาด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอัศจรรย์ไปทั้งตัว
นี่ยังเป็นซือเยี่ยหานขี้โมโหที่สายตาไร้ซึ่งเม็ดทรายคนนั้นอยู่ไหม?
นี่ยังเป็นสลอเทอร์ที่ห้ามคนแปลกหน้าเข้าใกล้ ฉีกเนื้อคนจนขาดเป็นว่าเล่นตัวนั้นอยู่ไหม?
“โอ้โห…” ซือเซี่ยอดไม่ได้ร้องอุทานขึ้นมา
เยี่ยหวันหวั่นถึงได้เงยหน้าขึ้น มองคนบางคนที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อ้าว? ซือเซี่ย? นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ซือเซี่ยได้ยินดังนั้น ใบหน้าสูงส่งพลันแตกละเอียดยิบ
ให้ตายสิเขาอยู่ตรงนี้มาตลอดต่างหาก
“นายมาเยี่ยมซือเยี่ยหานเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นกระพริบตาปริบๆ เอ่ยถาม
“มีปัญหาอะไรไหมล่ะ?” ซือเซี่ยตอบอย่างไม่สบอารมณ์
เยี่ยหวันหวั่นถามต่อทันที “อ้อ ถ้างั้นนายเยี่ยมเสร็จหรือยัง?”
ได้ยินคำถามไล่แขกเป็นนัยโดยไม่ได้พูด ซือเซี่ยก็หน้างอง้ำ “เยี่ยหวันหวั่น เธอหมายความว่าอะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ “คือว่า…ถ้านายเยี่ยมเสร็จแล้ว ก็รีบกลับบ้านไปเถอะ เพราะว่าฉันกับอาเก้าจะไปข้างนอกแล้ว!”
ซือเซี่ยขมวดคิ้ว “ไปข้างนอก? ดึกขนาดนี้จะออกไปไหนกัน?”
เยี่ยหวันหวั่น “ก็ต้องไปเดทน่ะสิ!”
ซือเซี่ยไร้ซึ่งคำพูด
ซือเซี่ยโมโหเสียจนแสบปอดไปหมด “พอฉันกลับมา ก็รีบมาเยี่ยมไข้ทันที ตอนนี้ข้าวก็ยังไม่ได้กินสักคำ เธอก็จะไล่ฉันแล้วเหรอ! มีผู้ใหญ่ที่ไหนทำตัวแบบพวกเธอบ้าง?”
เยี่ยหวันหวั่นคงจะค้นพบความเมตตาแล้ว ถอนหายใจเอ่ยว่า “ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้กินข้าวสักหน่อย ฉันกับอาเก้าออกไปเดทกัน นายอยู่กินข้าวที่นี่ก็ได้ ฉันให้ห้องครัวทำให้ นายอยากกินอะไรก็ทำอันนั้น!”
ซือเซี่ย “เยี่ย! หวัน! หวั่น!”
เยี่ยหวันหวั่นถูกเจ้าเด็กแสบคำรามใส่เสียจนหูอื้อไปหมด “งั้นนายจะเอายังไงล่ะ?”
ซือเซี่ยสูดหายใจเข้าลึก “ไม่งั้นพวกเธอไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น หรือไม่ก็ พาฉันไปด้วย!”
เยี่ยหวันหวั่นเอียงศีรษะมองซือเยี่ยหาน “เอ่อ เบบี๋ คุณจะว่าอะไรไหมถ้ามีโคมไฟ[1]อีกสักดวง? ประมาณห้าร้อยวัตต์”
ซือเยี่ยหาน “ฉันยังไงก็ได้”
ซือเซี่ยไม่รู้จะพูดอะไร
…
ดังนั้น สุดท้ายแล้วเดทสองต่อสองก็กลายเป็นสามคนด้วยประการฉะนี้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถได้จอดหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นเตรียมให้ซือเยี่ยหานได้กินในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
ก่อนออกจากบ้านซือเซี่ยได้ให้คนเตรียมชุดลำลองให้เขาเปลี่ยนชุดหนึ่ง ตอนนี้เขาสวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ท่อนบนใส่เสื้อยืดสีชมพู มองดูเหมือนหนุ่มน้อยวัยใส
หน้าตาของทั้งสามคนอยู่ด้วยกันเด่นสะดุดตาเกินไป ตั้งแต่เมื่อกี้ก็ดึงดูดสายตามาไม่น้อย
เมื่อเดินเข้าร้านมา ก็เห็นว่าที่กิจการของร้านเป็นไปด้วยดีเช่นเคย ด้านนอกมีโต๊ะกางอยู่จำนวนไม่น้อย ทั้งหมดล้วนเป็นลูกค้าที่ต่อแถวรอทานอาหารอยู่
พนักงานสาววัยรุ่นของร้านกำลังถือป้ายประกาศอยู่นอกร้าน ประชาสัมพันธ์กับลูกค้าของร้านว่าวันนี้มีกิจกรรมคู่รัก
ซือเซี่ยหรี่ตามองชุดกระโปรงที่สีเหมือนกับเสื้อยืดของตัวเอง มุมปากยกยิ้ม จากนั้นพุ่งตัวไปข้างกายเยี่ยหวันหวั่น จงใจเอ่ยถามว่า “อาสะใภ้เก้า ดูสิ พวกเราใส่เสื้อผ้าแบบนี้…เหมือนคู่รักกันไหม?”
ซือเซี่ยกับเยี่ยหวันหวั่นอายุใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยังใส่เสื้อผ้าในโทนสีเดียวกันเดินด้วยกัน ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่รักกันได้ง่ายจริงๆ
ไอ้จอมหาเรื่องเอ๊ย!!
เยี่ยหวันหวั่นมองซือเยี่ยหานอย่างตื่นตระหนก จากนั้นกัดฟัน กอดแขนซือเยี่ยหาน ยิ้มจนตาหยีเอ่ยว่า “เฮอะๆ ไม่เหมือนพ่อแม่กับลูกชายหรอกเหรอ?”
ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากซือเซี่ย
ท่าทางหาเรื่องของซือเซี่ยพลันมีรอยร้าวทั่วใบหน้า…
เยี่ย หวัน หวั่น! ปู่เธอสิ!
……………………………………………………….
บทที่ 478 อาเก้าในห้วงรัก
ซือเซี่ยโมโหจนระเบิดแล้ว “เยี่ยหวันหวั่น! เธอพูดว่าใครเป็นลูกชายเธอฮะ!”
เห็นซือเซี่ยพองขนอยู่ตรงนั้น เยี่ยหวันหวั่นจึงเอ่ยปลอบด้วยความหวังดีสุดๆ “เอาเถอะๆ เป็นพ่อแม่กับลูกชายสุดหล่อละกัน ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง?”
ไม่ ดี ขึ้น สัก นิด!
ซือเซี่ยก้มหน้างุดอยู่กับโต๊ะ ไม่คิดจะพูดอะไรอีกแล้ว…
ด้านข้าง มีซือเยี่ยหานนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น มองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของหญิงสาว นัยน์ตาเหยียบเย็นคล้ายกับหิมะบริสุทธิ์ค่อยๆ ละลาย มีร่องรอยของความสุขบางๆ ปรากฏอยู่ ราวกับลมพัดเอื่อยบนผิวน้ำ เกิดเป็นรอยคลื่นน้ำหลายชั้น…
ตั้งแต่บาดเจ็บสาหัสครั้งก่อน อารมณ์ของเขาก็ฉุนเฉียวรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าในร่างของเขามีสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายป่าเถื่อนอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งแม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจควบคุมมันได้ ทำได้แต่มองดูความคิดและสติของตัวเองถูกครอบงำกัดกิน
ทว่าไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ อารมณ์ฉุนเฉียวนั้นเหมือนจะค่อยๆ สงบลง เขาแทบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เขาโมโหจนขาดสติคือเมื่อไหร่กัน
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามพนักงานด้านข้างว่า “สวัสดีค่ะ พนักงานคะ รบกวนสอบถามนิดนึงค่ะว่าเราต้องรออีกนานเท่าไหร่คะ?”
พนักงานมองดูหมายเลขคิวของพวกเขาแล้วเอ่ยตอบว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่คนทานอาหารเยอะที่สุด การส่งต่อโต๊ะจึงค่อนข้างช้า คิดว่าอาจจะต้องรออีกประมานชั่วโมงครึ่งค่ะ!”
“อะไรนะ? นานขนาดนั้นเลยเหรอ!” ซือเซี่ยลุกขึ้นยืนทันที
เยี่ยหวันหวั่นตวัดค้อนใส่เขา “คุณชายของฉัน ร้านอาหารที่ขายดีก็ต้องรอทั้งนั้นแหละ อย่าทำเป็นตกอกตกใจขนาดนั้นได้ไหม”
มีครั้งไหนกันที่เขากินข้าวนอกบ้านแล้วไม่มีคนเตรียมการไว้ก่อน ทั้งยังเป็นที่นั่ง VIP โดยเฉพาะ ตอนนี้กลับต้องมาเบียดรอคิวกันคนเยอะแยะแบบนี้ แล้วยังต้องรอนานขนาดนี้ด้วย
ซือเซี่ยขมวดคิ้ว “ต่อคิวอะไร เสียเวลา ให้สวี่อี้ไปจัดการก็เรียบร้อยแล้ว!”
เยี่ยหวันหวั่นกรอกตามองบน “เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่าพูดมาก!”
ถ้าหากเธอแค่อยากกินข้าวกับซือเยี่ยหานง่ายๆ ก็ไปจองร้านอาหารหรูกินเสร็จกลับบ้านก็พอแล้ว ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วย
แต่ว่าเดทแบบนั้นมันจะไปมีความหมายอะไร?
ซือเยี่ยหานตาหมอนี่ไม่ค่อยได้ลิ้มรสชาติชาวบ้านธรรมดา เป็นโอกาสดีให้เขาได้ลองใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดาดูบ้าง
เวลานี้เอง หางตาของเยี่ยหวันหวั่นเหลือบไปเห็นของบนมือพนักงาน จึงเอ่ยถามอย่างสนใจ “ขอโทษนะคะ ในมือน้องเป็นดาวกระดาษหรือเปล่าคะ?”
พนักงานรีบหยิบกระดาษยาวเป็นประกายวิบวับออกมาพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ พวกนี้คือกระดาษพับดาว ที่ร้านของเรามีกิจกรรม ถ้าหากลูกค้าพับครบหนึ่งร้อยห้าสิบดวง สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารได้สามสิบหยวน ทั้งสามท่านยังรอคิวอีกนาน สนใจลองดูไหมคะ?”
ดีขนาดนี้เชียวเหรอ? ลดค่าอาหารได้ด้วย!
คงเป็นเพราะร้านอาหารกลัวคนรอนานเกินไป เพื่อรั้งลูกค้าไว้ก็เลยคิดลูกไม้ออกมา
“ดีเลยๆ เอาให้ฉันเถอะ” เยี่ยหวันหวั่นรีบรับมาอย่างดีใจ
พูดจบก็มองซือเซี่ยที่อยู่ตรงข้าม “นิ่งอยู่ทำไม รีบมาพับดาวสิ! ใช้ลดค่าอาหารได้สามสิบหยวนเลยนะ!”
ซือเซี่ยมองเธออย่างคาดไม่ถึง “นี่เธอกำลัง…ล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”
เพื่อเงินสามสิบหยวน ให้เขาเสียเวลามานั่งพบของกระจอกแบบนี้น่ะเหรอ?
เวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นข้างหู นิ้วมือเรียวยาวของซือเยี่ยหานหยิบกระดาษสีชมพูขึ้นมาแผ่นหนึ่ง “พับยังไงล่ะ?”
“ฉันสอนคุณเอง ง่ายมากเลย! คุณดูฉันพับรอบหนึ่งก็พับเป็นแล้ว” เยี่ยหวันหวั่นพุ่งตัวไปอยู่หน้าซือเยี่ยหาน จับมือสอนเขาพับดาวกระดาษ
“เข้าใจหรือยัง?” หลังจากพับดาวดวงหนึ่งได้แล้ว เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามขึ้น
ซือเยี่ยหานขยับนิ้วเล็กน้อย อย่างรวดเร็ว ดาวดวงน้อยที่สมบูรณ์แบบกว่าที่เยี่ยหวันหวั่นพับก็ปรากฏอยู่ใจกลางฝ่ามือ “แบบนี้เหรอ?”
“ใช่ๆๆ! เบบี๋เก่งมากเลย!” เยี่ยหวันหวั่นรีบหอมแก้มซือเยี่ยหาน
ซือเซี่ยมองดูอาเก้าผู้เย็นชาสูงส่งของตัวเอง สวมชุดสูทสั่งตัดราคาแพง กำลังนั่งพับดาว พลันพูดไม่ออก คนที่มีความรัก สมองจะมีปัญหาทุกคนเลยใช่ไหม?
……………………………………………
[1] โคมไฟ เปรียบเปรยว่าเป็น ก้างขวางคอ