บทที่ 92 โฮสต์นี่เสแสร้งได้เก่งจริงๆ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 92 โฮสต์นี่เสแสร้งได้เก่งจริงๆ

เซวียปาอ้าปากตอบทันที“ในหลักการชุดนี้ มีคำกล่าวถึง ‘การฝึกจิตวิญญาณ’ แต่ไม่มีการกล่าวถึง ‘การฝึกร่างกาย’”

ฟางหนิงเข้าใจดี ตอนที่เขาพยายามฝึกฝน ‘การแปลงร่างมังกร’ เป็นครั้งแรก ระบบก็กล่าวถึงเรื่อง ‘การฝึกร่างกาย‘ ว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ทั้งหมดเป็นเพราะมีระบบคอยจัดการ เขาเลยไม่ต้องกังวล

ฟางหนิงถามต่อ “อะไรจะเป็นผลที่ตามมาของการไม่มีขั้นตอนนี้?”

เซวียปากเอ่ย “ผลที่ตามมานั้นง่ายมาก จะเกิดขีดจำกัดของการฝึกฝนโดยไม่รู้ตัว ขีดจำกัดสูงสุดของพลังจิตโดยทั่วไปต้องการพลังปราณทางกายภาพและเลือดที่แข็งแกร่ง การฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น หากฝึกฝนเพียงพลังจิต แต่ไม่สามารถไล่ตามขอบเขตทางกายภาพได้ทัน นายท่านก็จะกลายเป็นดั่งน้ำโดยปราศจากแหล่ง เป็นต้นไม้ที่ไร้รากและจะไม่สามารถก้าวหน้าได้อีกต่อไป หากวิธีการฝึกฝนพลังจิตนั้นสมบูรณ์แล้ว จะยิ่งเพิ่มขอบเขตการฝึกจิตวิญญาณออกไปทำให้ร่างกายขาดเลือดและปราณ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นกองกระดูกที่ตายแล้ว หลักการที่นายท่านเพิ่งพูดเมื่อครู่ เป็นการฝึกฝนที่ใช้ได้เฉพาะยามที่สิ่งแปดเปื้อนมารวมตัวกันเท่านั้น ไม่มีการฝึกธรรมทวารอีกต่อไป เพราะมันคือขีดจำกัดสูงสุดของร่างกายที่คนทั่วไปจะรองรับได้ ดังนั้นฉันจึงพูดว่ามันไม่เป็นอันตราย โดยปกติวิธีการฝึกฝนพลังจิตควรเน้นที่การอธิบายว่าร่างกายต้องการไปถึงขอบเขตไหนก่อนที่จะไปถึงขั้นเหล่านั้นได้”

เมื่อฟางหนิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมครูฝึกสวี่ถึงต้องการเน้นย้ำถึงอันตรายของการฝึกฝนพลังจิต คนรวยเหล่านั้นแก่แล้ว จึงตกอยู่ภายใต้ความเครียดทางจิตใจสูง แม้ร่างกายดูแข็งแรงแต่มีการสูญเสียภายในไปแล้ว การฝึกฝนพลังจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหามากขึ้น

ฟางหนิงเกิดคำถามในใจ ‘ถ้างั้นหมาเหลืองตัวนี้อาจเชี่ยวชาญในการฝึกฝนพลังจิต มันจะรู้อะไรเกี่ยวกับร่างมังกรขาวกับอัศวิน A ไหมนะ’

คิดได้แบบนั้น เขาก็ถามทันที “งั้นนายรู้ไหมว่าร่างกายนี้ของฉันคือการฝึกฝนไปสู่ขั้นไหน?”

ในใจฟางหนิงกำลังเป็นกังวล แต่เซวียปากลับตะลึงเมื่อได้ยินคำถามนั้น

มันกำลังคิดว่า เป็นไปได้ไหมที่ตอนนี้มันหยาบคายเกินไป เมื่อถูกเจ้านายคนใหม่จับได้ เขาอาจจะรู้สึกเสียหน้า นี่คือการเอาชนะเหรอ? ในตอนนี้ท่านมังกรขาวแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจวิธีการฝึกฝนขั้นพื้นฐาน อาจเป็นเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นมังกรตัวจริงและไม่สนใจวิธีการฝึกฝนของมนุษย์อย่างแน่นอน คราวนี้นายท่านต้องการใช้ประสบการณ์ของเขาเป็นคำถามทดสอบ แต่มันก็ไม่ง่ายนัก

หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก มันก็ยกเท้าขึ้นเกาหัวแล้วพูดอย่างระมัดระวัง “นายท่านสามารถใช้พลังจิตแปลงกายมังกรออกจากร่าง แล้วสามารถไปปะปนกับมนุษย์ปุถุชนได้โดยไม่ต้องสงสัย อีกทั้งปราการทั้งห้าของร่างกายมนุษย์อันได้แก่ การรักษาสุขภาพ ความแข็งแกร่ง การเจาะพลังปราณ จิตสำนึกแห่งปัญญาและพลังเหนือธรรมชาติ ในฐานะที่นายท่านเป็นมังกรจริง มีข่าวลือว่าร่างกายของมังกรตัวจริงนั้นมีร่างโดยกำเนิดทั้งหมดที่เชื่อมโยงกันและมีพลังเหนือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่กำเนิด ซึ่งไม่สามารถเทียบได้กับขอบเขตการฝึกฝนของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา น้อยครั้งนักที่จะพบเห็นมังกรตัวจริงเดินทางมาจากแดนไกล ส่วนใหญ่จะสัมผัสได้เพียงลมปราณของมังกรตัวจริงเท่านั้น ทั้งนี้ความสามารถของข้ามีข้อจำกัด กลับตรวจไม่พบว่าร่างที่แท้จริงของท่านวางอยู่ที่ไหน ข้าตอบไม่ได้จริงๆ หวังว่านายท่านจะให้อภัย”

ฟางหนิงได้ยินก็ตกใจ ระบบเคยบอกว่าเมื่อหมาเหลืองโตเต็มที่ ความแข็งแกร่งของมันจะสามารถเทียบได้กับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ซึ่งเป็นเรื่องจริง จนถึงตอนนี้คนส่วนใหญ่มองว่าเขาเป็นเพียงตัวอ่อนของมังกร แต่หมาเหลืองตัวนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นมังกรที่แปลงกายโดยพลังจิต ช่างเป็นความหยั่งรู้อันทรงพลัง เพียงแค่มันมองไม่เห็นว่าร่างจริงของเขาว่าอยู่ที่ไหน แสดงว่ามันก็อาจเห็นความผิดปกติของร่างอัศวิน A ของเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ?

ฟางหนิงเริ่มผ่อนคลาย เอ่ยถามต่อ “มองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นฉันคนนี้จะทดสอบนายอีกครั้ง นายว่าท่านมังกรตนนั้นที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ อะไรคือความแตกต่างระหว่างขอบเขตพลังจิตและกายภาพ?”

เซวียปาตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าการเป็นที่ปรึกษาทางทหารไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามทดสอบของนายท่านคนใหม่นั้นต่างออกไป ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก “ข้ามีความรู้น้อย หากพูดสิ่งใดผิดไป นายท่านได้โปรดอย่าโกรธเคือง”

ฟางหนิงได้ยินคำทักท้วงจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายจึงส่ายหน้าทันทีและกล่าว “ไม่เป็นไร แม้จะผิด ฉันคนนี้ก็จะไม่ตำหนิหรอก”

เซวียปารู้สึกโล่งใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มันก็เอ่ย “ข้าคิดว่าเมื่อท่านทั้งสองมาถึง พวกเขาจะได้รับผลกระทบจากอุปสรรคของโลกนี้เหมือนกับข้า หากผู้แข็งแกร่งยิ่งแข็งแกร่ง นายท่านทั้งสองก็จะยิ่งสูญเสียจุดแข็งที่รุนแรงกว่านี้ ทว่าในร่างเนื้อพลังจิตแห่งมังกรของนายท่าน ลมปราณมังกรที่แท้จริงนั้นอ่อนแออย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับมังกรตัวจริงที่ข้าเคยเห็นมาก่อน มีช่องว่างระหว่างโลกและท้องฟ้า แต่ขอบเขตของร่างกายก็อยู่เหนือขอบเขตของพลังเหนือธรรมชาติของมนุษย์เช่นกัน มีเพียงพลังจิตของนายท่านที่แข็งแกร่ง สมควรได้รับฉายาว่า ‘มังกรแห่งจิตวิญญาณ’ ในแง่ที่คลุมเครือเล็กน้อย เกรงว่ายามที่ข้าชราภาพท่านคงได้แตะถึงขั้นของเต๋าแล้วและคงจะควบแน่นตามรูปร่างของกฎ ซึ่งมังกรตัวจริงที่ข้าเคยเห็นมาก่อนนั้นหาที่เปรียบไม่ได้สักนิด ไม่น่าแปลกที่นายท่านทั้งสองที่มีร่างกายทรราชของมังกรตัวจริงจะสามารถมายังโลกนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อวางแผนและจัดการได้”

ฟางหนิงที่ตกใจในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นปีติยินดี

เขาคิดว่า หมาเหลืองตัวนี้เป็นนักปราชญ์ตัวจริง แม้จะเรียนรู้ ‘การแปลงร่างมังกร’ ของเทพแห่งระบบ แต่ตอนนี้เขาฝึกฝนจนถึงเพียงระดับกลางเท่านั้น แม้ว่าเขาจะมีลมปราณของมังกรตัวจริงและยังสามารถแปลงร่างเป็นมังกรด้วยพลังปราณเบิกเนตรได้ แต่เดิมทีลมปราณของมังกรตัวจริงนั้นอ่อนแอมากอยู่แล้ว สำหรับเทพแห่งระบบนั้น เดิมทีเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์ของเกมโดยย่อในด้านวิทยายุทธ์ที่ตรึงไว้กับตัวเขา เซวียปาได้กลิ่นของกฎจริงๆ บอกได้คำเดียวว่าจมูกของสุนัขตัวนี้ช่างน่าทึ่งโดยแท้!

โชคดีที่มันไม่รู้ถึงต้นกำเนิดของระบบ ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าที่สามัญสำนึกจะคาดเดาได้

ตอนนั้นเองที่เขาเข้าใจว่าทำไมหมาเหลืองถึงไม่รู้ว่ามังกรขาวตัวน้อยที่เขาแปลงร่างเป็นอัศวิน A นั้นคือตัวเขาเอง เพราะความแตกต่างระหว่างพลังจิตทั้งสองนั้นใหญ่มากจนเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นคนเดียวกัน

เมื่อความลับไม่รั่วไหล เขาจึงคลายความกังวลใจทั้งหมด

ฟางหนิงไม่กังวลอีกต่อไป แต่แสร้งแกมบังคับอีกครั้ง พูดเบาๆ “นายพูดได้ไม่เลว มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นที่ปรึกษาทางทหารของฉัน”

จากนั้นเขาก็เข้าใจถึงความซับซ้อนของเกมใหม่นี้ มันช่างหยั่งรู้จริงๆ ในอนาคตเหล่าผู้มีฝีมือที่จะมาเข้าร่วมนั้นคงไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน ในเสินโจวการที่จะทำสิ่งนั้นได้อย่างเปิดเผยนั้น ต้องแยกออกจากกลุ่มคนในสำนักงานสัจธรรมโดยสิ้นเชิง

หมาเหลืองตัวนี้ไม่ได้รู้ว่าความจริงคืออะไรและก็ไม่สนใจด้วย มันแค่รู้ตำแหน่งของที่ปรึกษาทางทหารว่ามีท่านมังกรขาวเป็นหลักประกันไว้เพื่ออวดอำนาจของมันต่อหน้าหมาดำในอนาคตก็เท่านั้น

นอกจากความเพลิดเพลินแล้ว มันยังคิดถึงของอร่อยๆ เหล่านั้นอีกพลางคิดในใจว่า ‘เวลาในการทดสอบช่างยาวนานเหลือเกิน เจ้าหมาดำนั่นจะเหลือให้ตัวเองได้กินสักเท่าไรกัน?’

มันจึงถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “นายท่าน มีคำถามอื่นๆ อีกไหม?”

ฟางหนิงโบกกรงเล็บมังกรของเขา “ไม่มีแล้ว กลับไปกินต่อเถอะ”

หลังการทดสอบของเซวียปาสิ้นสุดลง มันก็รีบกลับไปที่โต๊ะอาหาร แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีกระดูกชิ้นใหญ่อีกแล้ว เพราะเหลือเพียงแต่หมาดำตัวโตและพุงกลมๆ กำลังนอนหลับอยู่ใต้โต๊ะอย่างพึงพอใจ

โอ้พระเจ้า การเป็นที่ปรึกษาทางทหารในแนวหลังคงไม่สบายเท่ากับเจ้านี่ที่ทำงานหนักในแนวหน้าแน่นอน…

โชคร้ายที่มันวิ่งเข้าครัวแล้วพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในนี้…ทำให้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอาบน้ำและนอน เขาต่างจากเจ้านั่นที่มีแต่กล้ามอย่างเดียวไม่มีสมอง ในฐานะที่ปรึกษาทางทหารในอนาคต ถึงจะนอนราบกับพื้นที่ไหนก็ได้ แต่เจ้านายคนใหม่กลับจัดเตรียมห้องนอนให้เสร็จสรรพ

ฟางหนิงรู้สึกปลาบปลื้มใจ เพราะเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอันตรายหลังจากการฝึกฝนพลังจิตชุดนี้และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวตนของเขาด้วย ทั้งนี้เขารู้รายละเอียดของหลักการนี้จากปากของเซวียปาแล้ว แน่นอนว่าเขาเข้าใจดีว่าตัวเองสามารถแสร้งทำเป็นมีพลังอันยิ่งใหญ่ได้!

ดังนั้นเขาจึงรีบใช้พลังสมองที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจหลักการทั้งหมด จากนั้นจึงเริ่มฝึกตามสิ่งที่กล่าวไว้

เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับมัน แม้ว่าสภาพปัจจุบันของเขาจะดีมากและมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการฝึกฝนพลังจิต แต่ก็ยังต้องใช้เวลาสองสามวันในการปฏิบัติให้เสร็จสิ้น ดังนั้นเขาจึงต้องรีบเร่ง

ฟางหนิงท่องหลักการไปพลางฝึกฝนทีละขั้นตอนตามแต่ละขั้น บรรยากาศของความจริงจังก็อบอวลอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังจากนั้นไม่นานเทพแห่งระบบก็เอ่ยแทรกขึ้น “ทำไมโฮสต์ไม่ฝึก ‘การแปลงร่างมังกร’ ทำไมถึงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิธีการระดับต่ำแบบนี้? แม้จะไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างคนทั้งสอง แต่ฝึกแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาเปล่าเหรอ?”

ฟางหนิงชะงักเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รู้ว่าระบบอยู่ข้างๆ จึงรีบเอ่ย “รากฐานของฉันไม่มั่นคง ต่างจากระบบที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างแกที่จะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนดังนั้นฉันจึงต้องอาศัยโอกาสนี้ หลังจากวางรากฐานและเรียนรู้วิธีการขั้นสูงเหล่านั้นแล้ว ยังสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนอีกด้วย”

ระบบ “โฮสต์พูดถูก โฮสต์สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมและรับความรู้เพิ่มเติมได้ โฮสต์ต้องการให้ระบบชี้แนะสักหน่อยไหม? หลักการฝึกพื้นฐานชุดนี้ ระบบเข้าใจมันได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่เสียค่าประสบการณ์ในการเรียนรู้”

มีผู้เชี่ยวชาญต้องการแนะนำเรา เราจะขอปฏิเสธไปทำไมล่ะ จริงไหม?

ฟางหนิงรีบพูดว่า “งั้นก็เยี่ยมไปเลย!”

ระบบ “เอาล่ะ จะบอกโฮสต์ให้รู้ไว้นะ มีคนกล่าวไว้ข้างต้นว่า ความคิดของมนุษย์นับพันเมื่อรวมเป็นหนึ่งเดียว เราก็จะสามารถเปิดเส้นทางแห่งการฝึกฝนพลังจิตได้ อันที่จริงโฮสต์ทำได้มาตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นโฮสต์จะประสบความสำเร็จได้ยังไง? ดังนั้นโฮสต์ต้องเปลี่ยนรูปแบบของวิธีการใช้พลังจิตเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าโฮสต์ได้เรียนรู้วิธีการฝึกฝนพลังจิตระดับต่ำเรียบร้อยแล้วด้วย”

ฟางหนิงตระหนักในทันทีว่าเทพแห่งระบบเป็นคู่หูและคู่ต่อสู้ขนานแท้ อีกฝ่ายให้คำแนะนำแบบสบายๆ ทำให้ตัวเขาเองเข้าใจประเด็นในทันที

ทันทีที่เขาเพ่งจิตเกี่ยวกับมัน เขาก็เห็นว่าร่างมังกรขาวทั้งหมดที่รวบรวมโดยพลังจิตของเขาพลันสลายไป และกลับกลายเป็นความคิดนับพัน กลายเป็นรูปร่างของสิ่งแปดเปื้อน จนในที่สุดทั้งหมดก็รวมตัวกันเป็นจุดสว่างอันริบหรี่

กระบวนการทั้งหมดดูเหมือนจะยาวนาน แต่ที่จริงแล้วตรงกันข้ามกับความคิด มันใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

ระบบ “เอาล่ะ โฮสต์ก็เห็นว่าโฮสต์ได้เรียนรู้วิธีนี้แล้ว ในตอนนี้สามารถฝึกฝนมันได้ตามวิธีการปฏิบัติด้วย แน่นอนว่าระบบจะไม่แนะนำให้โฮสต์เสียเวลาหรอก หันมาฝึกฝน ‘การแปลงร่างมังกร’ ต่อไปดีกว่า เพื่อเพิ่มความเร็ว ความแม่นยำ และพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากขึ้น”

ฟางหนิง “ระบบ แกนี่มันสุดยอดจริงๆ…”

หลังจากฝึกฝนได้สำเร็จ ฟางหนิงคงจะยุ่งอยู่กับการเล่นเกม ดังนั้นเขาจึงต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้บนเมนูเกม ปุ่มใหม่สำหรับ ‘การฝึกฝน’ ก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ แล้ว

เขารีบคลิกปุ่ม ‘การฝึกฝน’ เพื่อดูกล่องโต้ตอบใหม่ที่ปรากฏขึ้น

“ผู้เล่นที่เคารพ ก่อนที่คุณจะเริ่มฟังก์ชั่นใหม่ คุณต้องลงนามในข้อตกลงพิเศษด้วยตัวตนที่แท้จริงของคุณก่อน ข้อตกลงนี้สำคัญมากและมีผลทางกฎหมาย โปรดอย่าลากผ่านมัน โปรดอ่านทุกข้อ…”

………………………………………………