บทที่ 1276 – พลัง การป้องปรามของชิงสุ่ย

 

ข้างนอกใกล้ๆกับนิกายบงกชเทวะ ชิงสุ่ยเริ่มแลกหมัดกับผู้นำนิกาย เขารู้สึกเดือดดาลต่อหญิงชราที่อาจจะนำพาปัญหามาให้  ในความเป็นจริงแล้วมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งจากนิกายบงกชเทวะพุ่งออกมาข้างหน้าเพื่อช่วยต่อสู้ด้วย อย่างไรก็ตามนางสั่งให้ทั้งหมดถอยกลับออกไป

 

“เหตุใดท่านถึงต้องปากแข็งเช่นนี้? ข้าไม่ได้กล่าวถามสิ่งที่ยากเกินไปเลย ข้าเพียงต้องการได้ผู้หญิงของข้าคืนมาก็เท่านั้น” ยิ่งระยะเวลาต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ ชิงสุ่ยยิ่งแสดงพลังออกมามากขึ้น ในฝั่งผู้นำนิกายเองเริ่มรู้สึกไม่ดียิ่งกว่าเดิม เมื่อการต่อสู้เริ่มดำเนินไปเรื่อยๆ ชิงสุ่ยเปรียบเสมือปลาที่แยกกันว่ายวนในแม่น้ำ ซึ่งนางมิอาจสามารถจับมันได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าฝันไปเถอะ! ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายเฉินเอ๋อเป็นอันขาด! นางยังเด็กนัก นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งใดถูกหรือผิด หากเจ้ายอมรามือแต่เพียงเท่านี้จะเป็นการดีที่สุด เห็นแก่เจ้าเป็นเพื่อนของเฉินเอ๋อข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป” หญิงชราได้ใช้พลังกว่าแปดในสิบส่วนของตนเองแล้ว และนางตระหนักดีว่านางไม่สามารถหยุดชิงสุ่ยได้

 

ฝ่ามือเมฆา!

 

เพลงหมัดตันเปียน!

 

ทุกๆหมัดที่เขาปล่อยออกไปล้วนไร้ข้อบกพร่อง ณ เวลานั้น เพลงหมัดของชิงสุ่ยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากได้รับพลังหนุนจากกระบี่ดารายุพฆาต แม้เขาจะใช้เพียงมือเปล่าแต่ในตอนนี้เขามีพลังเทียบเท่ากับตอนที่ใช้กระบี่ดารายุพฆาต

 

ลึกๆในใจของผู้นำนิกายบงกชเทวะรู้สึกไม่ดีเต็มที ด้วยอาวุธในมือของนางคงไม่เพียงพอแล้วที่จะหยุดชิงสุ่ยเอาไว้ ดวงไฟที่ไม่สามารถอธิบายได้เริ่มลุกลามแผดเผาใจนาง

 

เคล็ดวิชาบงกชเพลิง!

 

เคล็ดวิชาบงกชเพลิงแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของหญิงชรา กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาถูกเพิ่มให้รุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล อาวุธในมือของนางเปลี่ยนเป็นดอกบัวที่ปกคลุมไปด้วยสีแดงจางๆ และให้พลังที่เปี่ยมล้นออกมาราวกับว่ามีชีวิต

 

เคล็ดวิชาบงกชสำแดง!

 

หญิงชราตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับกวาดดอกบัวขึ้นเหนือศีรษะ ดอกบัวสีแดงเข้มปรากฏขึ้นออกมาทั่วทุกทิศ รูปร่างของมันมีขนาดใหญ่พร้อมพลังโหดร้ายที่แผ่ออกมา

 

ระเบิดดอกบัวบรรจบ!

 

ดอกบัวกว่าสิบดอกรอบๆตัวชิงสุ่ย พุ่งเข้าหาตัวเขาด้วยการรับรู้ทางวิญญาณที่เปี่ยมล้น ชิงสุ่ยรู้สึกหนาวขึ้นมาทั่วกระดูสันหลังเมื่อเขาตระหนักได้ว่าหญิงชราคนนั้นต้องการให้เขาตาย

 

อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยยังมีลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นการโจมตีพวกนี้เปรียบเสมือนการโจมตีด้วยพลังวิญญาณทั่วๆไปที่เขาสามารถป้องกันได้เท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เขาเร่งพลังวิญญาณของตนขึ้นพร้อมเรียกหุบเขาเก้าเทวาออกมาข้างหน้าและปัดป้องการโจมตีได้กว่าครึ่ง

 

ปัง!

 

หญิงชราปลดปล่อยรังสีของเคล็ดวิชาบงกชเพลิงออกและปะทะเข้ากับแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่ม!

 

ดูเหมือนว่าพลังของแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มจะอ่อนด้อยกว่าเคล็ดวิชาบงกชเพลิงของฝ่ายตรงข้ามอยู่หนึ่งขั้น ดังนั้นมันจึงเริ่มโดนหลอมละลาย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาเพื่อเปลี่ยนทิศทางของแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่ม

 

ปัง! ปัง!……

 

เสียงระเบิดที่เกิดจากการปะทะกันของพลังอันเต็มเปี่ยมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของชิงสุ่ยกำลังปรับตัวพร้อมดึงพลังที่เหลืออยู่ออกมา

 

ปัง!

 

ในครั้งนี้แส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มแสดงพลังออกอย่างเฉิดฉาย เขาสามารถทำให้หญิงชราถูกผลักถอยกลับไปได้ ชิงสุ่ยไม่ได้แปลกใจกับการได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในครั้งนี้ เขาวางแผนที่จะรักษาระยะห่างกับหญิงชราคนนี้ไว้อยู่แล้ว

 

ในเวลานี้ ชิงสุ่ยยังไม่ต้องการตัดสินผลเป็นตาย แต่ถึงอย่างนั้นหญิงชราต้องการเอาชีวิตของชิงสุ่ยให้ได้โดยที่นางไม่ได้ตระหนักเลยว่าชิงสุ่ยมีระดับที่เทียบเท่ากับตัวนางแล้ว

 

“ได้โปรดบอกมา ท่านต้องการอะไรถึงจะยอมเห็นด้วยกับข้อเสนอของข้า? ติ๊เฉินเป็นคนที่จะต้องอยู่กับข้าไปตลอดชีวิต ข้าเข้าใจในเรื่องที่ท่านวางแผนให้นางขึ้นเป็นผู้นำของนิกายบงกชเทวะแต่ขอให้มันไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้าและนาง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมา

 

“ให้ตายสิ เจ้าเด็กเหลือข้อ อย่าแม้แต่คิดถึงเรื่องนั้นเชียว!” หญิงชราปลดปล่อยพลังออกมาจากมือของนาง นางเป็นคนที่แน่วแน่ต่อความคิดอย่างแท้จริง

 

“ข้าเองก็ยังหนุ่มอยู่เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้าอาจเป็นประโยชน์ต่อนิกายบงกชเทวะได้ในภายภาคหน้า ท่านจะไม่พิจารณาถึงเรื่องนี้เลยหรือ? เช่นนั้นท่านคิดหรือว่าจะหยุดข้าได้? ท่านคิดหรือว่าผู้คนจากนิกายของท่านจะไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยความสมัครใจเลย? แม้แต่พวกอาวุโสต่างล้วนละเมิดกฎข้อนี้ทั้งสิ้น มีหรือที่ท่านจะไม่รับรู้ หรือท่านเพียงแต่หลอกลวงตัวเองไปวันๆ? คิดหรือว่ากฎพวกนี้จะบังคับใช้ได้กับทุกคนจริงๆ? ข้าคิดว่ามันถึงเวลาที่ควรได้รับการเปลี่ยนแปลงแล้ว” ในขณะที่เขากำลังพูด เขาค่อยๆขยับมือออกอย่างช้าๆ

 

หญิงชรารู้ถึงปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี เป็นอย่างที่ชิงสุ่ยกล่าวไว้ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเหล่าแม้ว่าจะมีกฎบังคับอยู่ก็ตาม นอกเหนือจากนั้นตัวของนางเองยังเคยสัมผัสกับมันมาแล้วนั่นทำให้ตัวนางเอกรู้สึกเจ็บปวดลึกๆข้างใน นางรู้ดีว่าถึงแม้นางฆ่าชิงสุ่ยได้ก็ไม่ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเลยกลับกันแล้วนางรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

 

นางลอบสังเกตุผู้ชายคนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้านาง เขายังหนุ่ม ทรงพลัง และมีเสน่ห์จริงๆ นางรู้สึกว่าต้องมีผู้หญิงมากมายที่ต้องมาหลงสเน่ห์ชายผู้นี้ ด้วยความจริงที่ว่าเขากล้ามาถึงที่นี่ด้วยตัวคนเดียวแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของติ๊เฉินที่มีต่อเขา นอกเหนือจากนี้จะมีหญิงสาวสักกี่คนที่สามาถเทียบเคียงกับติ๊เฉินได้? ไม่สำคัญว่าชายคนใดจะพยายามทำดีต่อนาง ก็มิอาจเทียบเท่ากับการพิสูจน์ออกมาอย่างแท้จริง

 

“เอาอย่างนี้แล้วกัน ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ทรงพลังมาก หากข้าสามารถเอาชนะท่านได้ ให้พวกเรามานั่งคุยกันดีๆ แบบนี้ฟังดูเข้าท่าหรือไม่?” แบบนั้นข้าจะสามารถช่วยเพิ่มพลังให้กับเฉินเอ๋อเพื่อไปยังจุดสุงสูดของทวีปในขณะที่เป็นผู้นำของนิกายบงกชเทวะ หรือท่านไม่อยากให้นิกายบงกชเทวะมีชื่อใน มหาทวีปมังกรอหังกาล มหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และมหาทวีปอุดรเทวา? อย่ากล่าวเลยว่าข้าไม่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้ ข้าเชื่อมั่นว่าข้าสามารถทำมันได้” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับก้าวถอยหลังออกมา

 

“เช่นนั้นเราจะพูดถึงเรื่องนี้กันหลังจากทีเจ้าเอาชนะข้าได้!” หญิงชราลังเลอยู่ชั่วครู่หลังจากได้ยินคำกล่าวของชิงสุ่ยถึงเรื่องที่จะทำให้ติ๊เฉินก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุดและให้นางได้เป็นผู้นำของนิกายบงกชเทวะไม่ใช่ตัวของเขาเอง นั่นทำให้ทราบได้ว่าชิงสุ่ยยังเป็นคนที่ยึดถือหลักการอยู่บ้าง หากชิงสุ่ยกล่าวสิ่งหลังนั้นออกมา นางคงปฏิเสธทุกอย่างเกียวกับเขาในทันที

 

ชิงสุ่ยพยักหน้า “เช่นนั้น เชิญท่านลงมือ”

 

หลังสิ้นสุดคำพูดของชิงสุ่ย เขาเรียกวิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา

 

วชิระสยบอสูร!

 

ผสานจิตไอยรา!

 

ภายใต้วิชาผสานจิตไอยรา ชิงสุ่ยสามารถได้รับพลังที่สูงขึ้น เขาสามารถใช้วิชาปราณกระบี่วชิระเพื่อลดความเร็วของหญิงชราลงอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเขาเรียกใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์

 

ในขณะที่ได้เห็นพลังโจมตีในปัจจุบันของชิงสุ่ยเทียบกับพลังของตัวนางเองนั้น หญิงชรารู้สึกตกใจอย่างขึดสุด ช่องว่างของพลังต่างกันเกินไป ชิงสุ่ยเพียงแต่หยิบตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออกมายังไม่ได้ลงมือใช้มัน เขาเกรงว่าหากถึงจังหวะที่ได้รับพลังขึ้นสองเท่ามันอาจจะสังหารหญิงชราลงได้

 

พลังโจมตีของวิหคเพลิงในตอนนี้เทียบเท่ากับหญิงชราเลยทีเดียว แน่นอนว่าพลังล้วนมาจากพลิงนรกภูมิ ในแง่ของการได้รับความเสียหาย การโจมตีจากหญิงชราจะถูกลดลงกว่าครึ่งโดยวิหคเพลิง พลังของเพลิงนรกภูมิช่างเลวร้ายเสียจริง

 

ชิงสุ่ยค่อยๆเก็บตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ

 

“ผู้อาวุโส ข้าเกรงว่าท่านคงทราบผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ ความจริงได้ปรากฎขึ้นแล้ว พลังโจมตีที่ข้าได้แสดงออกมามีอยู่ที่ราวๆหกพันสุริยา นอกเหนือจากนั้นข้ายังมีโอกาสหนึ่งในสิบส่วนที่จะได้รับพลังขึ้นเป็นสองเท่า ข้าเพียงใช้การโจมตีออกสิบครั้งเพื่อแสดงมันออกหนึ่งครั้ง ด้วยพลังปัจจุบันของท่านจะรับพลังกว่าหนึ่งหมื่นสุริยาไว้ได้หรือไม่?”

 

เพื่อให้หญิงชราเชื่อในคำพูด ชิงสุ่ยค่อยๆปลดปล่อยตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออก หลังจากนั้นเขาพูดประโยคเดิมขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยพลังอันเปี่ยมล้นของเขาในตอนนี้สามารถใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง เขาโชคดีอยู่พอสมควรที่สามารถปลดปล่อยพลังนั้นออกมาได้ภายในครั้งที่เจ็ด พลังที่ถูกเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าถูกแสดงออก ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นสีทองในครั้งนี้ มันปล่อยแสงสองสว่างเฉิดฉายออกมาราวกับว่าจะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้าแล้วพลังในครั้งนี้ถือว่าเหนือกว่าพลังเดิมอยู่หนึ่งเท่าตัว สำหรับหญิงชราเองแล้ว นางยังไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของชิงสุ่ย แต่พลังหกพันสุริยานั้นเทียบไม่ได้เลยกับแสงสีทองที่ถูกเปล่งออกมา.

 

ความจริงในข้อนี้อาจกล่าวได้ว่า เขาหยุดหญิงชราเอาไว้ได้แล้ว นางรู้สึกพ่ายแพ้ลึกๆในจิตใจ นางมองไปยังชิงสุ่ยเรากับว่าขาเป็นสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังเกรงว่าสิ่งที่เพิ่งจะได้เห็นอาจเป็นพลังที่สูงที่สุดใน มหาทวีปอู่เซียตะวันตก ดังนั้นนางจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจากพลังที่ชิงสุ่ยได้แสดงออก

 

ชิงสุ่ยเรียกวิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำกลับ หลังจากนั้นเขายืนอยู่กับที่ ผู้นำนิกายบงกชเทวะสูญเสียความรู้สึกที่เคยเหนือกว่าไป ก่อนหน้านี้นางคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงลูกศิษย์จากตระกูลชั้นสูงทั่วไปเท่านั้น เมื่อเทียบกับนิกายบงกชเทวะแล้วเขาเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ตัวตน อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นถึงพลังของชิงสุ่ยแล้ว กองกำลังใดๆก็ตามในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกล้วนย่อมพ่ายแพ้หากชิงสุ่ยได้ไปถึง เขามีพลังที่จะทำลายนิกายทิ้งได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเขามีรูปแบบการป้องกันขั้นสูงสุด

 

หากนิกายใดๆต้องการใช้รูปแบบการป้องกันขั้นสูงสุด พวกเขาจำต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากใช้รูปแบบการป้องกันขั้นสูงสุดแล้ว นิกายอาจถึงขั้นต้องสูญเสียนักรบชั้นสูง หากเป็นเช่นนั้นนิกายอาจเสียหายเป็นอย่างมากและอาจถูกรุกรานโดยคนอื่นต่อไป

 

“ท่านชิง!”

 

การแสดงออกของหญิงชราต่อชิงสุ่ยมีท่าทีเปลี่ยนไป ไม่ใช่ท่าทีของผู้ที่เดินทางข้ามผ่านทวีปควรจะได้รับ

 

“ข้าเป็นเพียงผู้น้อย ท่านเพียงเรียกข้าว่าชิงสุ่ยก็พอ อีกอย่างท่านเป็นอาจารย์ของเฉินเอ๋อ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“เช่นนั้น นั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน” หญิงชราสามารถรับรู้ได้ถึงความจริงใจของชิงสุ่ย นางชี้ไปยังศาลาหินใกล้ๆและกล่าว

 

ไม่มีใครสามารถหยุดชิงสุ่ยได้ถ้าหากเขาต้องการฉกตัวเฉินเอ๋อและจากไป เขาไม่ได้มีท่าทีหยิ่งยโสหลังจากได้รับชัยชนะในครั้งนี้ หญิงชรามักชื่นชมคนที่มีทัศนะคติดีเช่นชิงสุ่ย

 

หญิงชราไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะมีความกระหายในนิกายบงกชเทวะอีกต่อไป แต่ความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงกฏของ นิกายบงกชเทวะก็ถูกปฏิเสธไปเช่นกัน เมื่อพิจารณาถึงความชราของตนเองแล้วหากคนหนุ่มสาวต้องการทำเช่นนี้แม้แต่ตัวนางเองก็คงไม่สามารถหยุดยั้งได้

 

“ชิงสุ่ย หากเจ้าต้องการชิงตัวติ๊เฉินไปจริงๆ นิกายบงกชเทวะย่อมหยุดยั้งเจ้าไว้แน่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเรามาหาทางออกกันเสียดีกว่า บางทีเจ้าอาจคิดว่าข้าเป็นคนไม่มีเหตุผล หัวดื้อ หรือหญิงแก่ๆคนนึงเท่านั้น” หญิงชรานั่งลงอย่างช้าๆพร้อมชิงสุ่ยและติ๊เฉิน

 

ในใจของชิงสุ่ยเองคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่เขาแสดงออกด้วยการกล่าว “ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้น?”

 

“เจ้าไม่ต้องสุภาพแบบนี้ก็ได้ เจ้าต้องการสิ่งใดให้กล่าวออกมา” หญิงชรากล่าวพร้อมส่ายศีรษะ

 

“ผู้อาวุโส ข้าเข้าใจดีว่านิกายบงกชเทวะย่อมมีกฏของตน แต่นิกายใดๆไม่ควรยึดติดกับกฏเดิมๆตลอดไป กฏเป็นของตายแต่มนุษย์ล้วนมีชีวิต เหตุใดคนที่มีชีวิตอยู่จึงต้องทำตามผู้ที่ตายไปแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้นกฏพวกนี้เป็นสิ่งที่ตั้งขึ้นเมื่อนานมาแล้ว เวลาได้เปลี่ยนไปเช่นเดียวกับรูปแบบของทวีป ถ้าหากกฏของนิกายยังคงเดิมสุดท้ายแล้วอาจพบกับความหายนะ”

 

“ท่านเคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่? นิกายบงกชเทวะล้วนเต็มไปด้วยหญิงสาวที่สง่างาม ในตอนนี้ยังไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งเพราะท่านยังแข็งแกร่ง แต่ข้าได้ยินข่าวลือว่าสองอัจฉริยะจากนิกายปฐพีซ่อนเร้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว นอกเหนือจากนี้พวกเขายังวางแผนจะครอบครองทั้งมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ท่านลองคิดดูผู้คนจากนิกายพวกนั้นเป็นคนเช่นใด ถ้าหากพวกเขาปกครองทั้งมหาทวีปอู่เซียตะวันตกได้จริง ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนิกายบงกชเทวะ? แม้ว่านิกายปฐพีซ่อนเร้นอาจะไม่ลงมือทำอะไร แต่ยังมีนิกายอื่นๆที่ต้องลงมืออย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยหยุดลงชั่วครู่หลังกล่าวมาได้สักระยะ

 

หญิงชราไม่ได้ตอบอะไรอีก นางกำลังอยู่ในห้วงความคิด

 

“เทือกเขาปู๋โถวจากทะเลทางใต้เป็นเหมือนเช่นนิกายบงกชเทวะ แต่พวกเขาไม่ห้ามหากพวกลูกศิษย์ต้องการแต่งงาน เทือกเขาปู๋โถวจากทะเลทางใต้แทบจะเหมือนนิกายบงกชเทวะในทุกทาง เหล่าลูกศิษย์ที่ได้รับการแต่งงานล้วนไม่ใช่บุคคลธรรมดา ถึงแม้จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นบ้าง แต่มันก็เท่านั้น เทือกเขาปู๋โถวตั้งอยู่ในที่ตั้งที่เป็นเอกลักษณ์และไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งพวกเขา นั่นเป็นเพราะเครือข่ายที่พวกเขามีพัวพันกันเป็นขนาดใหญ่ ใครล่ะจะกล้าทำร้ายพวกเขา? ”

 

การแสดงออกของหญิงชราเริ่มผ่อนคลายลง นางกำลังคิดหาทางออก

 

“ความรักของชายหญิงเป็นสิ่งที่ขัดต่อกฏธรรมชาติ เจ้าไม่คิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้นิกายบงกชเทวะจะต้องตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้นหรือ?”