ผู้กำกับเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการบันเทิง เมื่อได้ยินผู้จัดการพูดเช่นนั้น ก็รับรู้ถึงปัญหาทั้งหมด
“ซุปตาร์ฉินก็กล้ามาก วงการบันเทิงก็เหมือนแว่นขยาย จุดด่างพร้อยของคนเหล่านี้ถูกนำมาเล่นงานได้ตลอด ยังดีที่รายการของพวกเราไม่ใช่รายการถ่ายทอดสด ถึงตอนนั้นคงทำได้แต่ตัดต่อวิดีโอเอา” ผู้กำกับเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองผู้จัดการ “ทำไมไม่พามือสมัครเล่นมา? คุณไม่ได้โน้มน้าวซุปตาร์ฉินเหรอ?”
เมื่อเขาได้ยินผู้จัดการผู้เช่นนี้ ก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงกับการถ่ายรายการพรุ่งนี้ ทว่าอีกฝ่ายคือคนของซุปตาร์ฉิน แม้ผู้กำกับไม่ได้คาดหวัง แต่ก็ไม่มีทางขัดฉินซิวเฉินได้
ใครจะปล่อยให้ความสนุกของรายการหลุดลอยไปเล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ซุปตาร์ฉินเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเพราะชื่อเสียงของเขาทั้งนั้น
“ความจริงการที่เสี่ยวหลิงมาร่วมถ่ายรายการด้วยเป็นเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย นี่อาจส่งผลเสียต่อการเติบโตของเด็ก ตอนนี้โลกโซเชียลค่อนข้างรุนแรง เพียงแค่แอร์ไทม์แสดงออกมาไม่ดีฉากนึงก็อาจถูกชาวเน็ตวิจารณ์ยับได้” ผู้จัดการดื่มเบียร์อีกหนึ่งอึก ก่อนถอนหายใจ “ดีหน่อยที่หลานสาวของเขามาอยู่ไม่กี่วัน รอให้เท้าของเสี่ยวหลิงหายแพลงแล้วพวกเราค่อยเปลี่ยนคน”
ผู้จัดการพูดพลางวางขวดกระป๋องเบียร์เปล่าลง ซุปตาร์ฉินไม่มั่นใจในตัวหลานสาวที่ทั้งยิ่งผยองและไม่เป็นมิตรกับคนอื่น สถานการณ์แบบนี้ทำไมถึงเปลี่ยนใจได้?
ให้เขาเป็นคนถอยก่อนเพื่อเปลี่ยนคนหรือ ไม่มีทาง
แววตาของเขาไหววูบหนึ่ง สัมผัสได้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครชื่นชอบในตัวหลานสาวของเขาได้
นิ้วมือของผู้กำกับเคาะอยู่บนโต๊ะ พลางค่อยๆ หรี่ตาลง ท้ายที่ได้ข้อสรุปว่า: “ถ่ายแบบนี้ไปก่อนละกัน ไม่กี่วันหลังจากนี้พวกเราค่อยมาเซ็นสัญญากันใหม่”
รอให้ผ่านพ้นไปก่อน หากถ่ายออกมาแล้วได้ผลงานที่ไม่ดีจริงๆ ค่อยเชิญมือสมัครเล่นมาถ่ายใหม่ เมื่อถึงตอนนั้นซุปตาร์ฉินก็ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว
เมื่อถึงเวลาต่อให้เป็นซุปตาร์ฉินไม่สนใจ แต่เขาเองก็ต้องคิดเผื่อหลานสาวเอาไว้ด้วย
เมื่อผู้จัดการตกลงกับผู้กำกับเรียบร้อยแล้ว ก็ถือสัญญาเดินออกไป พลางยกมือนวดคิ้วของตัวเอง เดินกลับห้องอย่างกังวลใจ ฉินหร่านกับซุปตาร์ฉินเป็นการจับคู่ที่พิลึกพิลั่น……เขามั่นใจว่ารายการถ่ายออกมาได้ห่วยแตกแน่นอน
หลังจากผู้จัดการเดินออกไปแล้ว ผู้กำกับก็ดื่มเบียร์ที่เหลือจนหมด ก่อนไปหากลุ่มทีมงานอื่นเพื่อปรึกษากัน
เนื่องจากเรื่องของฉินหลิง ผู้ช่วยผู้กำกับจึงเพิ่งได้เข้านอน ก่อนที่จะถูกผู้กำกับปลุกให้ตื่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้กำกับเล่า เขาก็พรวดพราดลุกนั่งขึ้นมา “หลานสาวของเขาเหรอครับ? กำลังเรียนมหา’ลัย? ไม่ใช่เพราะว่าฉินหลิงยังเด็กมาก พวกชาวเน็ตที่วิจารณ์ด้านลบเกี่ยวกับเด็กก็มีไม่น้อย อย่าว่าแต่พวกที่โตกว่านี้เลย นี่ซุปตาร์ฉินกำลังคิดอะไรอยู่?”
ผู้ช่วยผู้กำกับขมวดปมคิ้ว เห็นผู้กำกับมีท่าทีระมัดระวังเช่นนี้ ดูแล้วเรื่องหลานสาวของซุปตาร์ฉินทำให้สร้างความลำบากแก่ทีมงานรายการไม่น้อย
เดิมทีเขาคิดว่าการที่ซุปตาร์ฉินเข้าร่วมรายการครั้งนี้จะทำให้เรตติ้งของรายการเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากกว่าเดิม
“ผู้จัดการของซุปตาร์ฉินเพิ่งมาหาผมเพื่อคุยเรื่องนี้” ผู้กำกับเงียบไปพักหนึ่ง “ผมจะถ่ายรายการพรุ่งนี้ คุณก็ระวังเรื่องการถ่ายแอร์ไทม์ด้วย หากถ่ายติดตอนที่ไม่ดีขึ้นมา ก็คงต้องตัดออกอย่างเดียว”
“แล้วก็ ซุปตาร์ฉินให้ความสำคัญกับหลานสาวเขามาก อย่าใช้ภาพลักษณ์ด้านลบของเธอเพื่อเพิ่มเรตติ้งรายการเด็ดขาด” ไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้ามีปัญหากับฉินซิวเฉิน
ผู้ช่วยตอบกลับอย่างปวดหัว: “ผมทราบแล้วครับ”
เป็นเรื่องที่ลำบากจริงๆ
**
ที่พักแห่งหนึ่งในเมืองเล็กบริเวณล่างเขา
เฉิงมู่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ตอนนี้การรับรู้ความรู้สึกของเขาว่องไวมาก ขณะกำลังเปิดประตูห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์อยู่ด้านบน
เฉิงมู่ยังไม่ได้เช็ดผม พลันหยิบเสื้อโค้ตเดินไปที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ เมื่อมาถึง ก็เห็นเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่บนลานจอดขนาดใหญ่
ประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออก ร่างเงาดำร่างหนึ่งโดดลงมาอย่างกระฉับกระเฉง มือของเค้าพาดออกมาจากปกเสื้อ ก่อนเหลือบมองเฉิงมู่แวบหนึ่ง ขณะที่ขนตาพลันตกลงเล็กน้อย ถามขึ้นอย่างราบเรียบว่า“ทำไมเป็นนาย?”
เฉิงมู่ที่ได้ยินน้ำเสียงเอือมระอานั้น: “……”
ผู้ที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์คือเฉิงเจวี้ยนจริงๆ เฉิงเจวี้ยนไม่มองเขาอีก ก่อนเดินไปที่ห้อง ด้านบนมีห้องหนึ่งที่เปิดไฟสว่างไว้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย: “คุณหนูฉินนอนแล้วเหรอ?”
เขาถามเฉิงมู่
เฉิงมู่กำลังมองดูเฮลิคอปเตอร์ที่จอดนิ่งสนิทบนลานกว้าง นับรวมครั้งนี้ เป็นครั้งที่nแล้วที่เห็นเฮลิคอปเตอร์ของท่านเจวี้ยน ทว่าครั้งนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าอวิ๋นเฉิงกับเมือง C ไม่มีคำสั่งห้ามบินหรืออย่างไรกัน?
เขากับฉินหร่านลงเครื่องบินลำเดียวกัน ก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขามารับแล้ว
มิเช่นนั้นเส้นทางบนเขายากลำบากขนาดนั้น เขากับฉินหร่านไม่มีทางใช้เวลาเพียงสั้นๆ ถึงสามารถถึงที่หมายได้อย่างรวดเร็ว
“อ้อ เปล่าครับ” เฉิงมู่ที่ไม่อยากรายงานเรื่องนี้ เมื่อได้ยินเฉิงเจวี้ยนถามขึ้น เขาถึงตอบคำถามเฉิงเจวี้ยนอย่างสุภาพ: “เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนคุณหนูฉินส่งข้อความมาหา เธอบอกว่าจะพักอยู่กับคุณอา ดูเหมือนจะช่วยน้องชายของเธอถ่ายรายการด้วยครับ”
เดิมเฉิงเจวี้ยนที่มีท่าทีเอื่อยเฉื่อย ดูสงบเงียบยิ่ง เท้าของเขากลับหยุดนิ่งกะทันหัน
เฉิงมู่ที่เดินตามหลังก็รีบหยุดเดินทันที สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติ จึงปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอะไรกับเขาอีก
“พูดต่อ” เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พลางหยิบบุหรี่มวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าช้าๆ ควันบุหรี่จางๆ ลอยขึ้นกลางอากาศ พูดอย่างใจเย็นดั่งสายลมพัดก้อนเมฆ
เฉิงมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง “พูดอะไรครับ?”
เฉิงเจวี้ยนหรี่ตาอย่างเกียจคร้าน “อาของเธออยู่ไหน?”
ตอนนี้เฉิงมู่ถึงมีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาร้อง “อา”ออกมาคำหนึ่ง จากนั้นรีบหยิบโทรศัพท์ เปิดวีแชทของฉินหร่านส่งให้เฉิงเจวี้ยนที่ยืนอยู่ด้านบน
เฉิงเจวี้ยนรับโทรศัพท์มา ก่อนเดินออกจากประตูไป ทั้งไม่หันมามองเฉิงมู่อีก
“ท่านเจวี้ยน———“
ทั้งตัวของเฉิงมู่แข็งทื่ออยู่ที่เดิม ประโยคที่เหลือของเขาหายไปกับสายลม: “คุณยังไม่ได้คืนโทรศัพท์ผมเลย……”
ณ โรงแรมบริเวณตีนเขา
หลังจากฉินหลิงอาบน้ำเข้านอนแล้ว ฉินซิวเฉินถึงหยิบสัญญาก่อนเคาะประตูห้องฉินหร่าน
ห้องด้านใน ฉินหร่านสวมชุดนอน พลางสยายผม ไม่ได้เช็ดให้แห้ง ก่อนหมุนตัวไปเปิดประตู พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “เข้ามา”
เนื่องจากดึกเกินไป ฉินซิวเฉินจึงไม่เข้ามา เขายืนอยู่หน้าประตู พูดด้วยน้ำเสียงอันเบา: “เสี่ยวหลิงบอกว่าเธอจะเข้าร่วมการถ่ายรายการด้วย…..”
“ถือว่ามาเที่ยวละกัน หลังจากนี้ต้องรบกวนคุณดูแลเขาด้วย” เขาไม่ได้เข้าไปแต่ฉินหร่านก็ไม่ว่าอะไร เพียงมองเขาจากด้านในแวบหนึ่ง พลางเช็ดผมต่ออย่างไม่รีบร้อน
“การได้ดูแลเขาจะเป็นเรื่องลำบากได้ยังไง” ฉินซิวเฉินส่งเอกสารฉบับหนึ่งให้เธอ ราวกับว่ายกภูเขาออกจากอก น้ำเสียงฟังดูสบายใจขึ้นมาก “นี่เป็นแผนการเตรียมตัวของรายการวันพรุ่งนี้ ไม่มีสคริปต์ ไม่ต้องซักซ้อม แค่แสดงความสามารถให้เต็มที่ ถึงตอนนั้นยังมีนักแสดงคนอื่นเข้าร่วมด้วย พรุ่งนี้ฉันค่อยแนะนำให้เธอรู้จักอีกที”
มือข้างหนึ่งของฉินหร่านกำลังถือผ้าขนหนูเช็ดผมอยู่ อีกข้างรับเอกสารนั้นไว้ก่อนตอบเขาอย่างสุภาพ: “ค่ะ”
ฉินซิวเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร ก็โทรศัพท์หาฉันนะ ได้ออกรายการครั้งแรกเธอคงรู้สึกแปลกๆ บ้าง……”
“เที่ยงคืนแล้ว เธอนอนเร็วหน่อยนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า” เขายืนอยู่หน้าประตู ก่อนพูดเตือนฉินหร่านอย่างละเอียดไม่กี่ประโยคแล้วเดินจากไป
เมื่อฉินหร่านเห็นเขาเดินไปแล้วจึงปิดประตู เดินกลับเข้าห้อง ก่อนโยนเอกสารในมือลงโต๊ะ ไม่ได้กลับไปเป่าผมที่ห้องน้ำ แต่เดินไปที่หน้าต่างแทน พลางเปิดผ้าม่านออก
ขอบหน้าต่างมีความกว้างประมาณยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร มีร่างของบุคคลหนึ่งกำลังนั่งอย่างเกียจคร้านอยู่ริมขอบหน้าต่าง มือทั้งสองข้างจับขอบหน้าต่างไว้ ในปากคาบบุหรี่ที่ถูกจุดไฟ แววตาสีดำทะมึนพลันเกิดประกายวาว ส่วนเท้าก็ห้อยไปมาอย่างช้า ๆ