ตอนที่ 348-2 ท่านเจวี้ยนกำลังมา! หลานสาวของซุปตาร์ฉิน!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านเปิดผ้าม่าน ก่อนโยนผ้าขนหนูใส่เขา: “ใช้ได้นี่ท่านเจวี้ยน สูงขนาดนี้ก็ปีนขึ้นมาได้”

ห้องนอนของฉินซิวเฉินอยู่ชั้นสาม ไม่มีหน้าต่างกันขโมย

“ก็พอไหว” เฉิงเจวี้ยนดันมือข้างหนึ่งไว้ ก่อนกระโดดลงมาอย่างภาคภูมิใจกับการกระทำพิเรนทร์ของตน “ลุงที่เฝ้าประตูบอกว่าโรงแรมถูกเหมาหมดแล้ว ฉันจะมาดูหน้าคุณอาของเธอไม่ได้จะมาหาเรื่อง”

เมื่อเข้ามาแล้ว เขาก็หาที่เขี่ยบุหรี่ดับหัวบุหรี่

ผ้าขนหนูในมือกึ่งเปียกกึ่งแห้ง อุณหภูมิในห้องไม่สูงมาก เฉิงเจวี้ยนมองดูในห้องรอบหนึ่งเพื่อหารีโมทแอร์ ก่อนปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นสององศา จากนั้นโยนรีโมทแอร์ลงอีกข้าง ถึงหมุนตัวพิจารณาห้องนอนอย่างละเอียด

โรงแรมแถบชานเขามีขนาดเล็ก พื้นที่แค่สิบกว่าตารางเมตร พอสำหรับวางโต๊ะหนึ่งตัวเก้าอี้หนึ่งตัว

เพียงมีคนไม่กี่คนในห้องก็ทำให้รู้สึกอึดอัดแล้ว

ไม่ไกลจากตรงนั้นมีฮีทเตอร์ตัวหนึ่งวางอยู่

ตู้เสื้อผ้าทำจากไม้ทาสีขาว เมื่อใช้มือจับสีที่ทาก็ลอกออก

ข้าวของเครื่องใช้มีสภาพเก่ามาก ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มน่าจะเป็นคนในกองถ่ายเปลี่ยนกันเอง

“ห้องเล็กเกินไป ทั้งมีกลิ่นเหม็นอับ……” เมื่อมองดูรอบห้อง ท่านชายเฉิงก็เริ่มวิจารณ์สภาพความเป็นอยู่ภายในห้องตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่ง ถึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย: “ตอนเย็นนี้เธอกินอะไร?”

ฉินหร่านนั่งลงข้างโต๊ะ เริ่มอ่านเอกสารแผนการของวันพรุ่งนี้ที่ฉินซิวเฉินให้เธอ พลางก้มหน้าตอบว่า: “อาหารกล่องของทางกอง”

เพิ่งพลิกไปได้หน้าหนึ่ง

บนหัวก็ถูกคลุมสนิท

เฉิงเจวี้ยนหมุนตัวรอบหนึ่ง เข้าไปหยิบผ้าขนหนูสะอาดจากห้องน้ำ ก่อนสาวเท้าอย่างเอื่อยเฉื่อยเดินมาที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง นั่งลงข้างกับฉินหร่าน มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูมาคลุมหัวเธอไว้ พลางเช็ดน้ำที่ยังเปียกอยู่บนหัวอย่างไม่ชำนาญมือนัก

ท้ายที่สุด เขาก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “กองถ่ายของพวกเธอจนขนาดนี้เลยเหรอ”

คิ้วของฉินหร่านเลิกขึ้น “คุณคิดจะทำอะไร?”

“ฉันก็แค่” เฉิงเจวี้ยนก้มหัวลง คางของเขาเคาะอยู่บนหัวไหล่ของเธอ ขณะที่ศีรษะของเขาอยู่ข้างลำคอของเธอ ก่อนกดเสียงต่ำพูดว่า “ไปโรงแรมในเมือง ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับบนยอดเขา”

ฉินหร่าน: “……”

คนในกองเยอะขนาดนี้ ถ้ามีเฮลิคอปเตอร์เรียงเป็นแถวยาวทุกเช้า……

แน่ใจเหรอว่าผู้กำกับจะไม่หัวใจวายตายก่อน?

เธอดึงผ้าขนหนูบนหัวลงมาอย่างไร้อารมณ์ ก่อนวางบนหน้าเขาอีกครั้งหนึ่ง

**

วันรุ่งขึ้นเวลาเช้าตรู่

ฉินหร่านที่เพิ่งตื่นนอนแต่หกโมงเช้าก็ได้รับข้อความจากเฉิงมู่ เขาอยู่ข้างล่างทั้งยังนำอาหารเช้ามาให้เธอ

เธอไม่ได้สวมเสื้อโค้ต เพียงใส่เสื้อฮู้ดแขนยาวสีขาว และหมวกแก๊ป ก่อนเดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปเอากล่องอาหารกล่องใหญ่

ฉินหร่านไม่ได้ใส่แมสปิดปาก เพียงสวมหมวกแก๊ปปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ ตอนนี้ด้านนอกมีแฟนคลับอยู่จำนวนมาก เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แฟนคลับก็ไม่สนใจเดินกลับไป

กล่องข้าวที่เฉิงมู่นำมาส่งให้ฉินหร่านเป็นกล่องข้าวสามชั้นแบบเดียวกับที่ใช้เป็นประจำในโรงเรียนแพทย์

ด้านในแบ่งออกเป็นอาหารเช้าสามส่วน เธอไม่ได้เดินกลับเข้าห้อง แต่เดินไปเคาะประตูห้องฉินซิวเฉินแทน ก่อนหยิบอาหารเช้าสองกล่องให้พวกเขา แล้วเดินกลับห้องตัวเองไป

ฉินซิวเฉินถือกล่องข้าวกลับมาดูที่ห้อง เดิมเขาคิดว่าเป็นอาหารเช้าที่ซื้อมาจากตามตรอกเล็กๆ แต่เมื่อเปิดออกก็พบว่าด้านในเป็นขนมที่ทำอย่างประณีตและบรรจงมาก ราวกับเป็นอาหารที่ทำจากครัวห้าดาว ด้านในยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ที่ทั้งสดและใหม่

ฉินซิวเฉินมองดูกล่องอาหาร หัวคิ้วที่มุ่ยเข้าหากันมองไปยังประตูด้านนอกแวบหนึ่ง ก่อนเรียกปลุกฉินหลิง

ตอนนี้หกโมงครึ่งแล้ว กองถ่ายเริ่มถ่ายทำแล้ว

หนึ่งฉากมีแขกรับเชิญทั้งหมดสามคน ฉินซิวเฉินเป็นดาราหลัก และยังมีนักแสดงหน้าใหม่หนึ่งคน นักแสดงเปิดรายการรวมเป็นสามคน ช่วงสุดท้ายอาจจะเพิ่มดาราที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากในฐานะแขกรับเชิญ

ในระหว่างสามคนนี้ชื่อเสียงของฉินซิวเฉินมีมากกว่าครึ่งหนึ่ง

เบื้องหลังของแต่ละคนจะมีช่างกล้องและผู้ช่วยถ่ายภาพที่ถูกจัดแบ่งไว้จำนวนหนึ่ง

บันทึกที่เขียนไว้ในกำหนดการทำงานวันนี้คือ กองรายการต้องถ่ายตอนที่นักแสดงแต่ละคนและญาติของพวกเขากำลังตื่นนอน

ก่อนหน้าการถ่ายทำ ผู้กำกับกองรายการไปหากลุ่มช่างกล้องที่ติดตามซุปตาร์ฉินพร้อมสั่งการไปว่า “เดี๋ยวถ่ายแค่ซุปตาร์ฉินก็พอ ไม่ต้องถ่ายตอนพาร์ทเนอร์ของเขาลุกจากเตียง”

ช่างภาพชะงักไป “ไม่ต้องถ่ายเหรอครับ?”

“ใช่ ขั้นตอนหลังจากนี้ ถ่ายพาร์ทเนอร์ของซุปตาร์ฉินนิดเดียว แต่ถ่ายให้เห็นหน้าของซุปตาร์ฉินคนเดียวเยอะหน่อยก็พอ”เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปัญหากับซุปตาร์ฉิน ผู้กำกับยังคงตัดสินใจตัดภาพญาติของเขาให้น้อยลง “พาร์ทเนอร์ของซุปตาร์ฉินคือหลานสาวของเขา ไม่ใช่คนในวงการคงมีเรื่องที่ไม่รู้อะไรอีกเยอะ ถึงเวลานั้นเกิดถ่ายออกมาแล้วเจอเรื่องผิดพลาดก็พยายามไม่ต้องถ่าย”

จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เรื่องว่าหลานสาวของซุปตาร์ฉินมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แม้ผู้จัดการของฉินซิวเฉินจะบอกว่าหน้าตาพอใช้ได้ทั้งยังขึ้นกล้อง ทว่าผู้กำกับไม่ไว้ใจแม้แต่น้อย

มีคนมากมายในวงการบันเทิงที่มีรูปร่างหน้าตาดี

เขาคิดดูแล้วไม่กี่วันหลังจากนี้เขาคงรู้สึกลำบากใจไม่น้อย

เมื่อช่างกล้องได้ฟัง ก็พยักหน้า เขาคิด: “ผมทราบแล้วครับ แต่ว่าช่างกล้องที่ติดตามไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ยังมีคนอื่นที่ต้องถ่ายด้วย”

แน่นอนว่าผู้กำกับไม่สามารถบอกกล่าวกับช่างกล้องทุกคนได้ ถ้าหนึ่งในนั้นมีช่างกล้องนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่ ไม่รู้ว่าชาวเน็ตจะมีความคิดเห็นอย่างไร

“ดูสถานการณ์เถอะ” ผู้กำกับนวดขมับด้วยความปวดหัว ก่อนโบกมือให้ช่างกล้องรีบไปถ่ายที่ห้องของซุปตาร์ฉิน

**

ในเวลาเดียวกัน

ชั้นสอง

ในห้องนอนของดาราตัวแม่ชื่อดังอย่างจิ่งเหวิน ผู้จัดการของเธอรู้ข่าวเรื่องซุปตาร์ฉินเปลี่ยนตัวแขกรับเชิญคนใหม่

“จิ่งเหวิน หลานสาวของซุปตาร์ฉินคนนั้น เป็นคนที่ซุปตาร์ฉินโปรดปรานมาก ๆ” ผู้จัดการหยิบเรื่องนี้มาพูดกับจิ่งเหวินเพื่อเตือนล่วงหน้าไว้ก่อน “เธอไม่ได้เป็นคนในวงการ เมื่ออยู่หน้ากล้องอาจจะแสดงออกมาได้ไม่ดีนักไม่ต่างอะไรกับเสี่ยวหลิงมาก ยังไงก็ช่วยบังให้เธอไว้ด้วย”

“เขายังมีหลานสาวอีกเหรอ?” ปีนี้จิ่งเหวินอายุสามสิบเอ็ดปีแล้ว แต่หน้าตายังงดงามไร้ที่ติ มีความรู้สึกที่ว่องไว ได้รับรางวัลใหญ่ในประเทศมามากมายนับไม่ถ้วน น้อยมากที่ในวงการจะมีทั้งหน้าตาและทักษะการแสดงหลงเหลืออยู่ และเป็นเพื่อนที่ดีต่อฉินซิวเฉินมาหลายปี “ไม่เห็นเขาเคยพูดเลย”

“ได้ยินว่าหลานสาวของเขาพลัดพรากจากบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งเจอกันไม่กี่วันก่อนนี้เอง ผู้จัดการของเขาจึงมาไหว้วานผมถึงที่นี่” ขณะนั้นเสียงเคาะประตูจากช่างกล้องก็ดังขึ้น ผู้จัดการกำชับเธออีกประโยคว่า “ไม่รู้จริงๆ ว่าแบบนี้จะถ่ายรายการออกมาได้ดีไหม ไม่รู้ว่าซุปตาร์ฉินกำลังคิดอะไรอยู่……”

เขาพูดไป พลางเดินไปเปิดประตู ก่อนเดินถอยหลังออกจากเลนส์กล้อง ใช้สายตาส่งสัญญาณให้จิ่งเหวิน

จิ่งเหวินรับการ์ดภารกิจจากทางทีมงานมาด้วยท่าทีเงียบสงบ “ให้ลงเขาไปรวมตัวกันก่อนเหรอคะ? ทางทีมผู้กำกับเองต้องวุ่นวายอีกแล้วแน่เลย งั้นฉันไปหาสหายเก่าเพื่อไปปรึกษากันก่อนนะคะ วันนี้จะโดนทีมผู้กำกับของพวกคุณแกล้งอีกไม่ได้แล้ว”

เธอเดินไปถึงชั้นสาม ฉินซิวเฉินก็เพิ่งออกมาจากประตู ในมือก็ถือการ์ดภารกิจอยู่ใบหนึ่ง

“ซุปตาร์ฉิน” จิ่นเหวินกำมือคารวะซุปตาร์ฉิน พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่ง: “วันนี้พวกเราจะร่วมมือกันใช่ไหมคะ?”

“น้องชายของคุณเห็นด้วยแล้วเหรอครับ?” ซุปตาร์ฉินตบแขนเสื้ออย่างใจเย็น

พาร์ทเนอร์ของจิ่งเหวินคือญาติผู้น้องของเธอ เธอตอบอย่างไม่คิดมากว่า: “เขารังเกียจที่ฉันแต่งหน้าช้า เลยลงเขาไปพร้อมกับตากล้องของฉันแล้ว คุณเป็นไอดอลของเขา แน่นอนว่าเขาย่อมตกลง”

ฉินหลิงเดินเขย่งจากห้องพลางยื่นหน้าออกมา: “พี่จิ่งเหวินครับ พี่มาแย่งเข้ากล้องอาผมเหรอ?”

“……” จิ่งเหวินจี้ไปที่เท้าของฉินหลิง ก่อนพูดว่า: “ธรรมชาติลงโทษแล้วน้องชาย”

ผู้กำกับที่อยู่ในกอง: “……”

ท่าทีโต้ตอบแบบนี้คืออะไรกัน? ?

“แล้วคุณอยากร่วมมือกับฉันไหม?” จิ่งเหวินหันไปถามฉินซิวเฉินอีกครั้งหนึ่ง พยายามสร้างมิตรภาพอันแรงกล้าให้ถึงที่สุด

ฉินซิวเฉินไม่ตอบ กลับเดินไปที่หน้าห้องของฉินหร่าน ก่อนพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า: “รอสักครู่นะครับ ผมถามหลานสาวผมก่อน”

ขณะนั้นเลนส์กล้องจ่ออยู่ที่หน้าประตูห้องของฉินหร่าน

ผู้กำกับได้วางแผนไว้แล้วว่าให้ฉินหร่านออกกล้องให้น้อยที่สุด ทีมงานก็รู้โดยทั่วกัน คาดไม่ถึงว่าในตอนนี้ซุปตาร์ฉินไม่ยอมทำตามแผนการที่วางไว้ ตอนนี้ปล่อยให้ฉินหร่านปรากฏตัวกะทันหัน ทีมงานและผู้กำกับต่างทำปากกระหมุบกระหมิบกัน: “ตอนนี้จะทำยังไงดี?”

หลานสาวของซุปตาร์ฉินไม่เคยเล่นละครและไม่เคยออกกล้องมาก่อน เดิมทีผู้กำกับคิดว่าจะรอให้เจอเธอก่อนค่อยพูดเป็นการส่วนตัวกับเธออีกทีเรื่องการออกรายการ

เขารีบใช้ภาษามือทำท่าทางให้ซุปตาร์ฉินว่าอย่าเคาะประตู สุดท้ายแล้วยังเขียนตัวอักษรหนาสีดำสองคำติดป้ายไว้ว่า “ลงไป”

ทว่าดูเหมือนฉินซิวเฉินจะมองไม่เห็น ก่อนยื่นมือเคาะประตูห้องฉินหร่าน

เห็นชัดได้ว่าฉินซิวเฉินไม่ให้ความร่วมมือ ท่าทางเช่นนี้คงอยากให้หลานสาวของตัวเองได้ออกกล้องเยอะหน่อย ผู้กำกับขมวดคิ้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่ากล้องจะจับเยอะแค่ไหนเขาก็ไม่ขัดแล้ว ทำได้แค่เอาไว้ตัดออกคราวหลัง

ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ว่าคนผู้นี้เป็นหลานสาวของซุปตาร์ฉิน ต่างมองซุปตาร์ฉินที่อยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าหลานสาวของเขาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

ประตูห้องของฉินหร่านเปิดออกด้านในมีร่างสูงเพรียวสวมเสื้อสีขาวของคนผู้หนึ่งเดินออกมา