ตอนที่ 149.1 ไข่แมลงห้าลัง (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เหอมอมอลังเลไปอีกสักครู่แล้วกล่าว “เอ่อ…คุณหนูบอกว่าจะลดความอ้วนเพคะ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชะงักไปสักครู่ “นางไปเบิกเนตรมาจากที่ใด ทำไมตรัสรู้ได้กะทันหันเช่นนี้” 

 

 

ครั้งนี้เหอมอมอไม่พูดอะไร ก้มหน้าต่ำ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกว่าแปลกยิ่งนัก “หลายวันมานี้นางทำอะไรบ้าง” 

 

 

เหอมอมออ้ำอึ้ง “ก็ไม่ได้ทำอะไรเพคะ ก็เหมือนเมื่อก่อน จะออกจวนไปวันเว้นวัน แต่ว่าพระชายาไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ ก่อนออกไปองค์หญิงจะบอกกับเกาจ๋างสื่อเอาไว้ทุกครั้งเพคะ” 

 

 

อนุญาตให้ชุยอินหลัวออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้ นางเป็นคนรับปากเอง ไม่ได้มีอะไร แล้วถามต่อ “ไปที่ใด” 

 

 

เหอมอมอส่ายหน้า “คุณหนูพาหยางเหมยกับหวงเถาออกไปด้วย ไม่ได้พาบ่าวไปเพคะ” 

 

 

ถึงจะบอกว่าไม่ได้พาเหอมอมอไปด้วย แต่ดูท่าทางเหอมอมอแล้ว เห็นได้ชัดว่ารู้ว่านางไปไหน อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังจะถามต่อ แต่กลับได้ยินเกาจ๋างสื่อมารายงานอยู่นอกม่าน “พระชายา องค์ชายแปดแห่งหลี่ฝานย่วนส่งคนมา แจ้งว่าท่านทูตต้าสือบอกมาว่า ตรวจสินค้าส่งออกนั้นแล้ว พบว่ามีปัญหาเล็กน้อย เชิญพระชายาไปหลี่ฝานย่วนขอรับ” 

 

 

เมื่อได้ยินว่าสินค้ามีปัญหา อวิ๋นหว่านชิ่นก็นั่งไม่ติด เรียกให้เหอมอมอกลับไป แล้วลุกขึ้นกล่าว “เกาจ๋างสื่อ ให้คนของหลี่พานหยวนนั่งรอที่โถงรับรองในสวนดอกไม้สักครู่ ยกน้ำชารับรอง ข้าจะรีบออกมาแล้วไปกับพวกเขา” 

 

 

เกาจ๋างสื่อสีหน้าลำบากใจ ไม่ได้ย่างเท้าออกไป 

 

 

“ทำไมหรือ” อวิ๋นหว่านชิ่นสังเกตเห็น 

 

 

เกาจ๋างสื่อหลายวันก่อนเห็นว่าพระชายาหลังจากเข้าวังกลับมาก็รับเรื่องการค้าไว้ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่หรือดีใจดั่งคนอื่นๆ ในจวนนัก คนทั้งจวนต่างก็แอบถกเถียงกันในเรื่องนี้ ต้าเซวียนเปิดประเทศมาหนึ่งร้อยปี ไม่เคยมีพระชายาพระองค์ใดได้รับเกียรติเช่นนี้ แต่เขากลับกระวนกระวายใจ องค์ชายสามได้กำชับกับตนไว้ก่อนรับตำแหน่งว่า ช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่นั้น ให้พระชายาจัดการเรื่องในจวนก็พอ อีกอย่างคือตอนเข้าวังเข้าเฝ้าจะต้องให้ทหารกล้าตายตามติดเอาไว้ พยายามอย่าให้รับงานนอก กลัวว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น 

 

 

ตอนนั้นเกาจ๋างสื่อยังยิ้มพลางปลอบองค์ชายสามว่า พระชายาไม่ใช่เด็กสามขวบ ถึงแม้จะเกิดประสบเรื่องอะไรก็ไม่ใช่คนที่จะนั่งรอให้ตนถูกตี อยู่ดีๆ จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้อย่างไร แต่กลับได้ยินองค์ชายสามพูดออกมาเงียบๆ คำเดียวว่า “ล่อสายตาคน” 

 

 

ก่อนหน้านี้เกาจ๋างสื่อไม่ค่อยเข้าใจนัก ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วในที่สุด 

 

 

นั่นสิ พระชายาช่างล่อสายตาคนนัก! องค์ชายสามยังกำชับว่าไม่ให้พระชายารับงานนอก คราวนี้เป็นอย่างไร เข้าวังครั้งหนึ่ง ได้รับแค่งานนอกที่ไหนกัน ทูตต่างเมืองก็ได้มาแล้วเช่นกัน 

 

 

จัดการบัญชาในจวนอ๋องไม่ว่า ครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าจะไปจวนทางการด้วยตนเองอีก เกาจ๋างสื่อเริ่มไม่ยอมเสียแล้ว ทำหน้าอมทุกข์แล้วกล่าวตรงๆ “พระชายา เรื่องเจรจาการค้าเป็นหน้าที่ของขุนนาง ตกมาถึงตัวพระชายาเดิมทีก็ไร้เหตุผลอยู่แล้ว ก็ได้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ คนต้าสือชอบในฝีมือของพระชายา แต่พระชายาส่งคนไปก็พอแล้ว จะต้องไปเองทำไมกัน ที่หลี่ฝานย่วนนั้นล้วนมีแต่ชายหนุ่มทั้งนั้น อย่างไรเสียท่านก็เป็นพระชายาองค์ชาย ไม่สะดวกสักเท่าไร เกรงว่าจะถูกเหล่าราชนิกูลหัวเราะเยาะเอาได้นะขอรับ…” 

 

 

เกาจ๋างสื่อเป็นพ่อบ้านใหญ่ในจวนอ๋อง ได้รับการฝึกฝนกฎชาววังดั้งเดิมมา เป็นคนหัวเก่าหัวโบราณก็เป็นเรื่องปกติ อวิ๋นหว่านชิ่นยักคิ้ว “ข้าได้ยินว่าราชวงศ์ก่อนนั้นมีตระกูลแม่ทัพที่ผู้ชายตายกันหมด เหล่าผู้หญิงในบ้านตั้งแต่แม่ย่า จนถึงลูกสะใภ้ รวมไปถึงสาวใช้จุดไฟในบ้านนั้น ต่างก็ออกสนามรบสังหารศัตรูแทนชายในบ้าน เรื่องของข้าเล็กน้อยนัก ตอนนี้ที่เมืองตะวันตกนั้นดูถูกต้าเซวียน ก็เพราะหญิงสาวต่างก็นุ่มนิ่มอ่อนแอ นอกจากกำเนิดลูกแล้ว ก็มีเพียงเลี้ยงดูลูกเท่านั้น ตอนเปิดประเทศยังดี ยังมีแม่ทัพหญิงอยู่หลายคน ยิ่งมาถึงยุคหลังแล้ว ก็ยิ่งมีพันธนาการ ครั้งนี้แม้แต่ฮ่องเต้และไทเฮาก็ยกเว้นให้แล้ว โอกาสฟ้าประทานเช่นนี้ คนรอบข้างจะกล้าหัวเราะเยาะอะไรกัน” 

 

 

เกาจ๋างสื่อถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก เรื่องการเจรจาจะสู้พระชายาได้อย่างไร กว่าจะเรียบเรียงคำพูดกำลังเตรียมจะถกเถียง ชูซย่าก็ออกมา ยิ้มพลางผลักเขาออกไป “เอาล่ะเอาล่ะ พ่อบ้าน พระชายาจะเปลี่ยนชุดแล้ว ออกไปต้อนรับคนของหลี่ฝานย่วนก่อนเถิด” 

 

 

เกาจ๋างสื่อจนปัญญา จึงได้แต่สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปก่อน 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเรียบง่าย แล้วออกไปโถงรับรองในสวนดอกไม้กับชูซย่า 

 

 

ขุนนางสองคนที่เยี่ยนอ๋องซื่อหนิงส่งมารายงานข่าวนั้นเป็นผู้ดูแลสำนักของหลี่ฝานย่วน รีบลุกขึ้นคำนับ “พระชายาฉินอ๋อง” 

 

 

“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี” อวิ๋นหว่านชิ่นพูดเข้าประเด็น “สินค้านั่นก่อนหน้านี้ได้ส่งไปที่จวนหลี่ฝานย่วนแล้ว เยี่ยนอ๋องก็ได้ฝากคนมารายงานว่าได้ส่งไปที่พักคนต้าสือแล้ว เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือ” 

 

 

ผู้ดูแลสำนักทั้งสองมองตากันแล้วกล่าว “พระชายาไปถึงแล้วค่อยว่ากันเถิด” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินดังนั้น เหมือนว่าไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อย ขมวดคิ้วทันใด “ชูซย่า ไปกัน” 

 

 

นอกจวนนั้น เกาจ๋างสื่อได้เตรียมเกี้ยวไว้เรียบร้อยแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม เดินตามหลังพระชายาไป มองดูพระชายาขึ้นเกี้ยว มีขุนนางสองคนนำทาง มุ่งไปทางจวนหลี่ฝานย่วนทางตะวันออกของเมืองแล้ว จึงได้ถอนหายใจ แล้วหันหลังกลับ 

 

 

อาหู่ที่เฝ้าประตูนั้นจ้องหลังนายจากไปอย่างเหม่อลอยแล้วครุ่นคิด “ทำไมบ่าวเห็นพระชายายุ่งกว่าตอนองค์ชายสามยังอยู่อีกกันเล่า” 

 

 

เกาจ๋างสื่อได้ยินดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวอีกครั้งหนึ่งจึงได้ก้าวข้ามธรณีประตูไป 

 

 

ณ หลี่ฝานย่วน ทางตะวันออกของเมือง  

 

 

สิ่งก่อสร้างทรงเจดีย์ตึกอิฐสีแดงห้าชั้นนั้นน่าเกรงขามยิ่งนัก กลิ่นอายโบราณ ตั้งอยู่หน้าต้นไม้ใบหญ้าที่ตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ คือหน่วยงานที่มีอำนาจในการดูแลจัดการงานต่างประเทศของต้าเซวียน 

 

 

หลี่ฝานย่วนแบ่งเป็นสิบสองแผนก คือ ยศบรรดาศักดิ์และเงินรายเดือน เครื่องราชบรรณาการ การติดต่อค้าขาย การแบ่งเขตแดน ระบบขุนนาง ระเบียนราษฎร์ บทลงโทษทางทหาร การเกษตรและปศุสัตว์ ภาษีอากร สถานีส่งสาร อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกรมธรรมการ แต่ก็เป็นหน่วยงานเอกเทศ 

 

 

ส่วนการส่งออกสินค้าไปยังต้าสือในครั้งนี้ ก็เกี่ยวเนื่องกับงานด้านการค้านี้พอดี 

 

 

ประตูของสถานที่ราชการนี้เปิดอ้าออก ข้าราชการหน้าประตูนั้นได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ต้อนรับพระชายาฉินอ๋อง ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป 

 

 

ข้าราชการนั้นเห็นหญิงสาวสวมหมวกคลุมหน้าพร้อมสาวใช้ลงจากเกี้ยว รู้ว่าเป็นพระชายาจวนฉินอ๋อง และเป็นคนจัดการสินค้าส่งออกให้เมืองต้าสือ ก็กล่าวรายงาน “องค์ชายแปดเยี่ยนอ๋องรอพระชายาอยู่ในห้องโถงแล้วพะยะค่ะ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเหยียบย่างเข้าหลี่ฝานย่วน เดินอ้อมชานเรือนตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ 

 

 

ที่ทำการของหลี่ฝานย่วนแบ่งเป็นสิ่งก่อสร้างตำแหน่งแกนกลาง แกนรองด้านตะวันออก และตะวันตกสามกลุ่ม ประตูข้าง ระเบียงทางเดิน ห้องระเบียง หอส่องจันทร์ ห้องโถงใหญ่ ห้องข้างทางทิศตะวันออกและตก ห้องขนาบข้าง ต่างก็ครบถ้วนสมบูรณ์ 

 

 

เมื่อถึงห้องโถง ด้านบนมีป้ายแขวนอยู่ ตราประทับสาส์นถวายฮ่องเต้องค์ก่อน หน้าประตูมีฉากกั้นบานใหญ่ บนนั้นเป็นภาพภูเขาลำธารแสงแดดยามเช้า มีนัยยะว่าขุนนางนั้นสว่างดั่งสุริยะและจันทรา ใสสะอาดดั่งวารีในทะเล 

 

 

เพดานในห้องโถงสลักภาพนกกระเรียนสามสิบหกตัวหันหน้าส่องดวงอาทิตย์ เป็นนัยยะว่าอำนาจราชสำนักเป็นหนึ่งเดียว ทุกสารทิศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 

 

 

ในห้องโอ่อ่าน่าเกรงขาม 

 

 

เดินผ่านฉากกั้นไป เยี่ยนอ๋องซื่อหนิงพอได้ยินรายงาน ก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ขุนนาง “ซ้อสามมาแล้วหรือ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นคำนับแล้วเอ่ยถามตรงๆ “องค์ชายแปด สินค้ามีปัญหาอะไรหรือเพคะ ส่งไปที่พักของคนต้าสือแล้วมิใช่หรือ” 

 

 

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองอวิ๋นหว่านชิ่น “เมื่อเช้ามีคนจากที่พักคนต้าสือมา บอกว่าเมื่อคืนได้สะเดาะกลอน เปิดออกดูลังหนึ่ง พบของบางอย่างในสินค้านั้น จึงรีบเปิดลังสินค้าลังอื่นๆ พบว่ามีปัญหาทั้งห้าลัง ภริยาทูตโกรธยิ่งนัก เดิมทีจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาโดยตรง โชคดีที่คนอื่นๆ ข้างกายรีบห้ามเอาไว้ จึงได้เอามาให้พวกเราดูก่อน”