ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 217

ใบหน้าของใต้เท้าเหลียงบูดบึ้ง “ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าเป็นคนกระทำ แล้วทำไมถึงได้พูดว่าเจ้าไม่ผิด? จู่ ๆ เจ้าก็ทำร้ายแม่และน้องเจ้า ตามกฎหมายแล้วนั้นย่อมมีโทษ”

จื่ออันพูด “ใต้เท้าในเมื่อท่านถามข้าเยี่ยงนี้แล้ว ทำไมท่านถึงไม่ถามว่า ทำไมข้าถึงทำร้ายพวกนาง?”

ใต้เท้าเหลียงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ต่อให้ไม่ถามถึงเหตุผล เจ้าก็ไม่ควรลงมือทำร้ายคน ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่มารดาแท้ ๆ แต่ก็เป็นผู้อาวุโสของเจ้า เจ้าทำร้ายพวกนางอย่างหนัก สรุปได้ว่ากระทำผิดกฎหมาย ต่อหน้าขององค์รัชทายาทและองค์หญิง กลับพูดว่าเจ้าไม่ผิด หรือคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่จวนมหาเสนาบดี เจ้าจะกระทำอกตัญญู แล้วไม่รับผิดชอบงั้นหรือ?”

มู่หรงจ้วงจ้วงฟังคำใต้เท้าเหลียงแล้ว ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ไหนประโยคที่มีคำไต่สวนเหล่า? เรื่องราวยังไม่สอบถาม ดันกล่าวโทษถึงเรื่องคุณธรรม ดูท่าแล้วนางกับจื่ออันพูดถึงเรื่องตนเองกับอ๋องเจ็ดคงจะไม่มีผลอันใด เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว คงจะมีคนซื้อตัวก่อนหน้าแล้ว

นางกำลังคิดถึงคำพูดเพื่อช่วยเหลือ กลับได้ยินจื่ออันเปิดปาก “ใต้เท้า ท่านแม่ของข้าคือนายหญิงของจวนมหาเสนาบดี ถึงแม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์มีเสียง แต่ก็เป็นถึงภรรยาเอกของมหาเสนาบดี คือ ฮูหยินของมหาเสนาบดีใหญ่เซี่ย นางถูกคนลอบฆ่า ผลักตกรถม้า ใต้เท้าคิดว่าเรื่องนี้มีความร้ายแรงหรือไม่?”

ใต้เท้าเหลียงตกใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”

“ระหว่างทางที่ท่านแม่ของข้าออกจากวังเพื่อกลับจวน กลับโดนฮูหยินหลิงหลงและน้องสาวผลักตกรถม้าจนบาดเจ็บสาหัส ดวงตาทั้งคู่มองไม่เห็น ข้าในฐานะคุณหนูใหญ่จวนมหาเสนาบดี ขอถามใต้เท้า ในแง่ของกฎหมายและจริยธรรมของต้าโจวแล้ว มิใช่ว่าข้ามีสิทธิ์ที่จัดการกับคนที่ต้องการจะฆ่าท่านแม่ของข้าหรอกหรือ?”

ทุกคำพูดของจื่ออันล้วนมีพลังน้ำหนัก เริ่มต้นจากกฏหมาย แล้วต่อด้วยจริยธรรม ถึงแม้ว่าคำพูดจะดูกระชับแต่ก็ไม่มีตกหล่น โดยรวมแล้วทำให้ใต้เท้าเหลียงหมดคำโต้แย้ง

ใต้เท้าเหลียงได้แต่มองไปด้านฮูหยินหลิงหลง “เฉินซื่อ เซี่ยจื่ออานกล่าวโทษว่าเจ้าผลักนายหญิงตกรถม้า ทำให้บาดเจ็บจนดวงตามองไม่เห็น เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”

ฮูหยินหลิงหลงร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนว่าโดนใส่ร้าย “ใต้เท้า ข้าโดนใส่ร้าย ข้าจะทำเรื่องที่เลวร้ายอย่างนี้ได้เยี่ยงไร?”

“ตกลงเรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่? เจ้าจงพูดให้ข้าฟัง” ใต้เท้าเหลียงใบหน้าถอดสี น้ำเสียงก็อ่อนลง

ฮูหยินหลิงหลงพูดขึ้น “เรียนใต้เท้า เรื่องราวเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ เมื่อคืนวานตอนเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยง ตอนที่ออกจากวังก็เลยเวลาค่ำมืดมาแล้ว นายท่านส่งพวกข้าทั้งหลายออกจากวัง และบอกกับข้าว่าจะร่วมดื่มกับท่านราชครูสักจอก ให้ฮูหยินและข้าพาหว่านเอ๋อกลับจวนก่อน ตอนออกจากวังก็ยังดีอยู่ ฮูหยินบอกว่าเหนื่อยแล้ว ขอพักสักครู่ ห้ามข้ากับหว่านเอ๋อส่งเสียง แต่หว่านเอ๋อกลับไม่ระวังพูดถึงความกังวลเกี่ยวกับองค์รัชทายาท จู่ ๆ ฮูหยินก็โมโห ด่าทอคำหยาบคายมามาก กล่าวหาว่าหว่านเอ๋อราคาถูก น่าขายหน้า ไม่ควรไปขอร้ององค์รัชทายาท ข้าและหว่านเอ๋อเริ่มแรกยังไม่กล้าพูดสิ่งใด ปกตินางอยู่ในจวนก็โมโหร้ายเยี่ยงนี้ ไม่ว่านางต้องการระบายเยี่ยงไรก็ไม่เป็นไร แต่ใครจะรู้ว่านางยิ่งด่ายิ่งเกินไป ดูถูกสบประมาทข้ากับหว่านเอ๋อ ข้าทนไม่ไหว ตอบกลับไปไม่กี่คำ เพียงแค่ตอบไปถึงกับทนไม่ได้ ฮูหยินถึงกลับไล่ตีข้า ตบตีไปที่ใบหน้าข้า หว่านเอ๋อเลยดึงนางออกมา แยกตัวข้าออกจากนาง นางตีข้าไม่ได้ จึงเปิดม่านออกแล้วกระโดดลงไป ก่อนที่จะกระโดดลงไป นางยังคงพูดว่า จะทำให้ข้าได้ชื่อว่าเป็นคนทำร้ายนายหญิง”

ฮูหยินหลิงหลงพูดออกมาอย่างไหลลื่นเหมือนจริง แม้แต่การเคลื่อนไหวก็เพิ่มเข้ามา ความเศร้าโศกปิดบังไม่มิด ราวกับไม่ได้รับความธรรม

“หลังจากนั้น?” ใต้เท้าเหลียงเมื่อไม่เห็นจื่ออันมีข้อโต้แย้ง จึงไต่สวนต่อ

“นางกระโดดลงไปไม่นานก็มีรถม้าหยุดลงตรงหน้า เป็นองค์รักษ์ขององค์หญิง กล่าวว่าพวกเรามีส่วนร่วมในคดีทำร้ายคน ต้องการนำตัวพวกเราไปไต่สวน ระหว่างทางกลับก็พบกับองค์รัทายาท ฝ่าบาทได้ยินว่าพวกเรามีส่วนร่วมในคดีทำร้ายคน จึงทรงตามไปดู จนถึงโรงหมอ พวกเราจึงรู้ว่าองค์หญิงและเซี่ยจื่ออันได้ช่วยฮูหยินไว้แล้ว องค์หญิงสอบถามถึงสาเหตุ ข้ายังมิทันได้ตอบ เซี่ยจื่ออันกลับกระชากผมข้าจนกระแทกกับก้อนหิน เรี่ยวแรงของนางเยอะมาก เหมือนกับจะทำให้ข้าตาย แล้วก็ดึงผมข้าจนชนกับประตู ไม่ว่าข้าจะร้องขออย่างไรก็มิได้ปราณี หลังจากลากข้าจนชนกำแพงแล้ว นางยังไม่ยอมปล่อยข้าไป นำมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา แล้วตัดลงไปที่นิ้วมือของข้า หว่านเอ๋อเพื่อที่จะช่วยข้า กลับโดนมีดสั้นนั้นทำให้เสียโฉม เลือดบนในหน้าสาดกระเซ็น นางยังคงยิ้มเย็น”