บทที่ 348 : หัวเราะทีหลังดังกว่า (6)

“หลิงหยุน.. ข้ายอมรับว่าไข่มุกราตรีของเจ้านั้นเป็นสมบัติล้ำค่าจริง แต่มันก็คือไข่มุกราตรี ไม่ใช่โสม.. แต่เจ้ากล้าพูดว่าโสมของข้าไม่..”

หลังจากที่ฮู๋เซ่าป๋ายเห็นไขมุกราตรีเม็ดใหญ่ทั้งสิบแปดเม็ดแล้ว เขาก็ตกใจสุดขีด และถึงกับอึ้งไปนาน ใบหน้าที่บิดเบี้ยวน่าเกลียดเพราะความโกรธนั้น เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนเปลี่ยนเป็นสีม่วงในที่สุด แต่มาถึงขั้นนี้เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

จากที่ทุกคนเคยจับตามองฮู๋เซ่าป๋าย ตอนนี้สายตาทุกคู่กลับไปจับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนแทน

“มาถึงขึ้นนี้แล้ว เจ้ายังจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีกรึ! ใครๆในที่นี้ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า โสมของเจ้าไม่อาจเทียบกับไข่มุกราตรีล้ำค่าทั้งสิบแปดเม็ดนั้นได้ เจ้ายอมรับซะเถิดว่ามันเหนือกว่าโสมของเจ้ามากมายนัก!

“ยอมรับความพ่ายแพ้เถอะ.. อย่าพยายามอีกเลยพ่อหนุ่ม!”

ตอนนี้เหตุการณ์กลับตาลปัตร.. เพราะทุกเสียงเปลี่ยนมาเข้าข้างหลิงหยุนกันหมด!

หลิงหยุนมองฮู๋เซ่าป๋ายด้วยสายตาเฉยเมยพร้อมกับยิ้มอย่างสบายอกสบายใจ “ของขวัญของข้ายังไม่หมด.. นั่นน่ะแค่เรียกน้ำย่อย เจ้าจะรีบร้อนแก้ตัวไปทำไม?!”

“โสมแค่เก้าร้อยปีของเจ้าจะมีค่าอะไรกันนักเชียว? ข้าจะให้เจ้าดูเป็นขวัญตาว่าราชาแห่งโสมของจริงนั้นเป็นยังไง?”

พูดจบหลิงหยุนก็ล้วงมือเข้าไปในถุงพลาสติคสีดำ และหยิบโสมต้นใหญ่ออกมา..

พลังชีวิตในห้องรับแขกพุ่งขึ้นมาทันที และแน่นอนว่าท่าหมอเสี่ยวที่อยู่ในขั้นเซียงเทียนย่อมสัมผัสได้อย่างแน่นอน

“โอ้นั่น..! โสมนั่นต้นใหญ่เหลือเกิน?!”

“ไม่น่าเชื่อ.. ทำไมโสมถึงได้ต้นใหญ่ถึงเพียงนั้น? ไม่ธรรมดา.. ไม่ธรรมดาจริงๆ”

ครั้งนี้.. กลับกลายเป็นว่าผู้ชายทุกวัยต่างก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างตกอกตกใจ!

บางคนมองเห็นเหมือนหลิงหยุนกำลังหิ้วเด็กทารากแรกคลอดไว้ในมือ บางคนมองว่าเป็นใบหน้าของชายชราที่มีเครา มีจมูก มีคิ้ว และกำลังห้อยหัวลงมา แต่ที่เหมือนกันคือ.. ทุกคนต่างก็ชื่นชอบอย่างมาก!

“โอ้.. โสมนั่นต้นใหญ่มากๆ ฉันว่ามันน่าจะหนักราวสามหรือสี่กิโลได้! ทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น?”

“หลิงหยุน.. เจ้าวางลงก่อนจะดีไม๊ อย่าทำมันหักล่ะ!”

บางคนเห็นหลิงหยุนคว้าโสมต้นใหญ่ขนาดนั้นออกมา ก็ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวว่าหลิงหยุนจะทำหลุดมือและหล่นลงบนพื้นเสียหาย

ท่านเสี่ยวหมอเทวดาไม่สามารถอดรนทนได้อีกต่อไป เขาเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน พร้อมกับเอื้อมมือที่สั่นมาหยิบโสมไปพิจารณา และเขาก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าโสมต้นนี้มีอายุมากกว่าสองพันปีได้

“เร็วเข้า.. ตามเฒ่าเสี่ยวไปดูกัน!” ชายชราอารมณ์ดีไม่สนใจอะไรอีก เขารีบเดินตามท่านหมอเสี่ยวออกไปทันที

ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างก็เดินตามมาด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างก็ต้องการยลโมโสมต้นใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์!

“โสมต้นนี้น่าจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยปี เพราะดูเหมือนมันจะโตเต็มที่แล้ว หากปล่อยไว้โตกว่านี้ มันคงวิ่งได้แล้ว..”

“หลิงหยุน.. เจ้าไปเอามาจากใหน?” ท่านหมอเสี่ยวถึงกับยืนตัวสั่น และร้องถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ!

“นี่เฒ่าเสี่ยว.. ท่านถือให้แน่นๆหน่อย สั่นแบบนั้นเดี๋ยวก็ตกหรอก!”

ชายชราอีกคนร้องบอกท่านหมอเสี่ยวที่กำลังมือสั่น และรีบยื่นมือออกไปช่วยจับโสมไว้อย่างระมัดระวัง..

หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม แล้วล้วงมือลงไปในถุงพลาสติหยิบโสมขึ้นมาอีกต้น แล้วเดินเข้าไปหาชายชราอารมณ์ดีพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“อาวุโส.. ท่านไม่ต้องกังวลไป ผมยังมีอีกต้นครับ!?”

ปรากฏว่าโสมต้นนี้กลับใหญ่กว่า หนักกว่า และเป็นรูปร่างที่ชัดเจนกว่าโสมต้นแรก และดูไม่แตกต่างจากคนแก่เลยแม้แต่น้อย!

“โอ้.. นี่มันอะไรกันพ่อหนุ่ม! เจ้ามีราชาโสมถึงสองต้นเชียวรึ?!”

ชายชราอารมณ์ดีถึงกับมือสั่น และเกือบจะเป็นลมล้มลงไปที่พื้น แต่โชคดีที่ตลอดหลายปีมานี้เขาฝึกมวยไทเก๊กอยู่เป็นประจำ จึงยังสามารถทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว  เขาจ้องมองโสมที่อยู่ในมือจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า!

ไม่เพียงแค่ชายชราอารมณ์ดีที่มีอาการเช่นนั้น แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องรับแขก รวมทั้งฮู๋เซ่าป๋ายที่กำลังมีปัญหากับหลิงหยุน และคนอื่นๆก็ถึงกับมีอาการจุก!

‘หลิงหยุนมันมีถึงสองต้น?! เป็นไปได้ยังไงกัน?’ ฮู๋เซ่าป๋ายตกใจจนแทบช็อค เขาเป็นถึงคุณชายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะ เขาย่อมรู้ดีว่าราชาโสมต้นที่ชายชราถือยอยู่นั้น มีอายุเกือบสามพันปีเลยทีเดียว!

ฮู๋เซ่าป๋ายรับรู้ถึงความพ่ายแพ้ได้ทันที!

ในเวลานั้นเอง บางคนก็กำลังโต้เถียงกันเกี่ยวกับราชาโสมทั้งสองต้น และหลายคนก็ละสายตาจากต้นโสม และหันไปจ้องหน้าหลิงหยุนแทน!

ในที่สุด.. ทุกคนในห้องต่างก็ยอมรับในความน่าทึ่งและอัศจรรย์ของเด็กหนุ่มคนนี้ และต่างก็คิดตรงกันว่าหลิงหยุนนั้นมีค่ามากพอที่ท่านหมอเสี่ยวจะเปิดทางให้คบหาดูใจกับเสี่ยวเม่ยหนิง

ครั้งแรกที่อาวุโสทั้งหลายได้เห็นหลิงหยุนนั้น ทุกคนต่างคิดว่านอกเหนือจากหน้าตาที่หล่อเหลา เขาก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นสถานะทางครอบครัว การแต่งเนื้อแต่งตัวที่ดูปอนๆ ทางบ้านก็ไม่มีธุรกิจอะไร อีกทั้งมาถึงก็เอาแต่กินไม่สนใจอะไร ทุกคนได้แต่รู้สึกผิดหวังและไม่พอใจอยู่เงียบๆ

แต่ในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าดูถูกหลิงหยุนอีก.. พวกเขาต่างก็คิดว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดภายในห้องนั่งเล่นแห่งนี้ ไม่ใช่ไข่มุกราตรีทั้งสิบแปดเม็ด แล้วก็ไม่ใช่ราชาโสมทั้งสองต้นนี้ แต่เป็นเด็กหนุ่มที่นำของเหล่านี้มาต่างหาก!

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้ดีแก่ใจว่า.. นี่เป็นเรื่องที่เหนือกว่าเงินทอง เพราะไม่ว่าจะมีเงินทองมากสักเพียงใหน ก็ใช่ว่าจะหาซื้อสิ่งเหล่านี้ได้ เพราะทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้!

เสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนเอง ก็ตกใจจนแทบช็อคเช่นกัน! ก่อนหน้านี้เสี่ยวเม่ยหนิงโทรหาพวกเขาทุกวัน วันละสามเวลา เพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องการเตรียมงานวันเกิด เพราะปีนี้เธอบอกว่าแฟนของเธอจะมาร่วมงานด้วย ทั้งคู่ต่างก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรมาก แต่ดูตอนนี้สิ..

ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาประเมินทุกอย่างผิดไปมาก!

ส่วนเสี่ยวเม่ยหนิงนั้น.. ยังคงนั่งประคองไข่มุกราตรีไว้ในมือ เธอมีความสุขอย่างล้นหลามจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ หลิงหยุนไม่เพียงนำของขวัญวันเกิดมาให้กับเธอ แต่เรียกได้ว่าหลิงหยุนให้ทุกอย่างที่มีกับเธอจนหมด ดังนั้น.. ในเวลาปลาบปลื้มใจเช่นนี้ ไม่ว่าหญิงสาวคนใหนก็คงรู้สึกอยากจะร้องไห้ เธอเองก็เช่นกัน!

“หลิงหยุน.. ที่เธอหายไปนานหลายวัน ก็เพื่อไปหาของขวัญวันเกิดพวกนี้ให้หนิงน้อยงั้นรึ? นี่.. ของขวัญวันเกิดพวกนี้มันช่าง..”

ท่านหมอเสี่ยวถึงกับจุกอยู่ในลำคอจนพูดอะไรไม่ออก เขามองราชาโสมในมือ พร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกใจ!

ราชาโสมต้นใหญ่ขนาดนี้ เขาเองก็เพิ่งจะเห็นกับตาเป็นครั้งแรกในชีวิตเช่นกัน!

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับล้วงเข้าไปในถุงพลาสติกอีกครั้ง และทุกคนในห้องต่างก็ใจเต้นตุบตับ เพราะกำลังลุ้นว่าครั้งนี้หลิงหยุนจะหยิบอะไรออกมา!

ครั้งนี้เขาจะหยิบอะไรออกมาอีก?!

หลิงหยุนหยิบสมุนไพรเหอโชวูอายุสองพันปีออกมา และก็มีหลายคนที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงได้แต่รอคอยให้หลิงหยุนพูดออกมา..

ท่านหมอเสี่ยวมองสมุนไพรในมือหลิงหยุนด้วยความตกใจพร้อมกับงุนงง.. เขาถือราชาโสมไว้ในมือข้างหนึ่ง และเอื้อมมืออีกข้างหนึ่งไปหยิบสมุนไพรเหอโชวูขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะร้องเสียงดังว่า

“นี่มันสมุนไพรเหอโชวูที่มีอายุนานกว่าสองพันปี! มันเป็นสมุนไพรที่มีพลังชีวิตเข้มข้น สามารถเปลี่ยนผมสีขาวของคนแก่ให้กลายเป็นสีดำได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถใช้รักษาโรคต่างๆได้มากมาย อีกทั้งยังเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย หลิงหยุน.. นี่เธอไปได้มาจากใหน?”

และเมื่อทุกคนได้ยินท่านหมอเสี่ยวอธิบายถึงสรรพคุณของมัน ทุกคนต่างก็ส่งเสียงดังอื้ออึง!

หลิงหยุนประคองหนิงน้อยไว้พร้อมกับตอบไปว่า “อาวุโสครับ.. นี่ไม่ใช่ของหนิงน้อย ผมนึกหาโอกาสที่จะตอบแทนบุญคุณของอาวุโสมาตลอด กรุณารับของขวัญที่ผมนำมาให้ไว้ด้วยครับ”

ทุกคนที่ได้ฟังคำพูดของหลิงหยุน ต่างก็พากันนึกชื่นชมเขาอย่างจริงใจ หลิงหยุนไม่เพียงมีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่จิตใจของเขายังงดงามด้วยเช่นกัน จึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้คนจะไม่นึกชื่นชมเด็กคนนี้!

เด็กหนุ่มคนอื่นๆที่นำของขวัญวันเกิดมานั้น ต่างก็นึกถึงแต่ความสุขของเสี่ยวเม่ยหนิง แต่หลิงหยุนไม่เพียงแค่นำของล้ำค่ามาให้เสี่ยวเม่ยหนิง แต่ยังเตรียมของขวัญมาให้กับท่านหมอเสี่ยวด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความกตัญญูที่หลิงหยุนมี!

ในช่วงเวลานั้น ทุกคนต่างก็ช็อคแล้วช็อคอีกจนจิตใจด้านชาไปหมด เพราะหากยังคงตื่นเต้นไม่หยุด หัวใจของพวกเขาอาจจะไม่สามารถทานทนได้!

เสี่ยวเฉิงเยี่วยและจางเม่ยหยิวนได้นำไข่มุกราตรีไปเก็บแล้ว พวกเขาต่างก็มองหลิงหยุนด้วยความปลื้มปิติ หลิงหยุนดูสง่างามไม่ต่างจากราชสีห์!

อาจพูดได้ว่า.. หากหลิงหยุนเอ่ยปากขอหนิงน้อยในตอนนี้ ทุกคนในครอบครัวคงจะยินดีและเต็มใจอย่างมาก ส่วนหนิงน้อยเองนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เธอคงจะดีใจอย่างมาก!

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า หากคืนนี้ฮู๋เซ่าป๋ายและหลงเทียนยู่ไม่หยิ่งจองหองจนเข้าขั้นก้าวร้าว เขาคงจะไม่ทำแบบนี้ เพราะเขาตั้งใจจะแอบเอาของเหล่านี้ไปมอบให้กับท่านหมอเสี่ยวและหนิงน้อยอย่างเงียบๆอยู่แล้ว

ท่านหมอเสี่ยวได้ฟังก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “สมุนไพรเหอโชวูดูเหมือนจะไม่เหมาะกับฉัน.. น่าจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่า!”

ท่านหมอเสี่ยวพูดพร้อมกับมองตาหลิงหยุน และหลิงหยุนก็เข้าใจความหมายของท่านหมอเสี่ยวได้ทันทีว่า ท่านหมอเสี่ยวต้องการให้เขานำไปให้แม่ของหนิงน้อยแทนเพื่อเป็นการผูกสัมพันธ์..

แต่หลิงหยุนเองก็ได้เตรียมมาพร้อมแล้วเช่นกัน เขาล้วงเข้าไปหยิบสมุนไพรเหอโชวูที่มีขนาดใหญ่ออกมาจากถุงพลาสติก จากนั้นก็วางลงในมือของจางเม่ยหยิวนพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ท่านป้าครับ.. นี่เป็นการคาราวะท่านป้าครับ!”

‘อะไรนะ?! ของฉันก็มีเหรอ? เด็กคนนี้ช่าง..’

จางเม่ยหยิวนรู้สึกกระอักระอ่วน เมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตา!

ความจริงแล้วการมอบของให้กับตระกูลเสี่ยวก็เท่ากับมอบให้ทุกคนอยู่แล้ว แต่เมื่อมีคนจำนวนมากกำลังจ้องมองดู ทำให้จางเม่ยหยิวนได้หน้า และมีความสุขอย่างมาก!

เธอรู้สึกว่าเธอช่างเป็นแม่ยายที่มีความสุขมากที่สุดในโลก!

เสี่ยวเม่ยหนิงพูดพร้อมกับกอดแขนหลิงหยุนไว้แน่นอย่างรักใคร่ แล้วพูดขึ้นว่า “พี่หลิงหยุน.. พี่เอาของขวัญวันเกิดมาให้ฉันมากมายขนาดนี้ ฉันไม่กล้า..”

หลิงหยุนหัวเราะ “หนิงน้อย.. ก่อนหน้านี้คุณพูดเองว่า ไม่ว่าผมให้อะไรคุณก็ชอบหมด!”.

เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น.. ดังแล้วดังอีกอยู่เป็นานสองนาน!!