บทที่ 349 : สิ้นสุดงานเลี้ยง
เสียงปรบมือดังสนั่นหวั่นไหวอยู่นานราวสองนาที หลิงหยุนโค้งศรีษะลงน้อมรับการปรบมือจากทุกคน เสี่ยวเม่ยหนิงทิ้งตัวลงในอ้อมแขนของหลิงหยุนอย่างมีความสุข
เสียงปรบมือที่ดังอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ได้เกิดจากความชื่นชมที่หลิงหยุนนำของขวัญมีค่ามากมายมาในวันนี้ แต่เพราะทุกคนต่างทึ่งในตัวหลิงหยุน และประทับใจในการวางตัวที่สบายๆ สงบเสงี่ยม แต่เต็มไปด้วยความเอื้ออาทร และความกตัญญูของหลิงหยุนที่ค่อยๆแสดงออกมาให้เห็นอย่างจริงใจนั่นเอง
ในขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังชื่นชมหลิงหยุนกันด้วยความจริงใจ มีหนึ่งคนที่กำลังยืนยิ้มอย่างกระอักระอ่วนใจอยู่
เพราะหลังจากที่ทุกคนได้เห็นของขวัญล้ำค่าที่หลิงหยุนนำมาทั้งหมดแล้ว ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนเป็นของที่หาได้ยากยิ่งบนโลกใบนี้ ทำให้โสมเก้าร้อยปีของฮู๋เซ่าป๋ายนั้นแทบจะกลายเป็นของที่ไร้ราคาไปทันที
แม้โสมเก้าร้อยปีจะเป็นของชั้นยอด และหาได้ยากมากบนโลกใบนี้ แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับราชาโสมที่หลิงหยุนนำมาได้แม้แต่น้อย ไม่เพียงราชาโสมสองต้น แต่หลิงหยุนยังได้นำสมุนไพรเหอโชวูมามอบให้อีกถึงสองต้น
ตอนนี้หลายคนได้ทยอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนเอง ทำให้มีพื้นที่ว่างมากพอที่ทุกคนจะต้องตกตะลึง และอัศจรรย์ในตัวหลิงหยุนกันอีกครั้ง
ระหว่างที่หลิงหยุนกำลังนั่งยองๆ มองดูเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น ฮู๋เซ่าป๋าย-คุณชายแห่งสำนักหมอหุบเขาเทวะก็หันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“หลิงหยุน.. ในเมื่อเจ้านำของขวัญออกมาจนหมดแล้ว จะคืนกล่องหยกให้ข้าได้หรือยัง? จุดประสงค์ของข้าที่มาในวันนี้ คือการนำของขวัญวันเกิดมาให้กับหนิงน้อย ถึงเวลาที่ข้าต้องมอบของขวัญให้กับนางแล้ว!”
เสี่ยวหนิงยิ้มหวานและกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่เสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นมาข้างหูของเธอ “ตอนนี้รับได้แล้ว!”
โสมเก้าร้อยปีนั้น นับว่าเป็นโสมชั้นยอดที่หาได้ยากเช่นกัน แน่นอนว่าถึงตอนนี้หลิงหยุนก็ไม่ต้องการให้หนิงน้อยปฏิเสธ! เพราะเขาได้จัดการกำราบความยะโสโอหังของฮู๋เซ่าป่ายลงแล้ว และหากฮู๋เซ่าป๋ายต้องการจะโอ้อวดอะไรอีก ก็คงต้องใคร่ครวญอย่างหนักเสียก่อน!
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุน เสี่ยวเม่ยหนิงจึงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้กับฮู๋เซ่าป๋าย เป็นการยอมรับของขวัญวันเกิดที่เขานำมาให้
แต่จู่ๆ หลิงหยุนก็เกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่.. ข้าได้นำกล่องหยกของเจ้าไปใส่อะไรบางอย่างให้เป็นของขวัญวันเกิดอีกชิ้นของหนิงน้อย!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ปล่อยมือที่โอบเสี่ยวเม่ยหนิง และก้มลงหยิบกล่องหยกในถุงพลาสติคสีดำออกมา และนำมันไปวางไว้บนโต๊ะ
กล่องหยกของฮู๋เซ่าป๋ายนั้นเป็นกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยาวสี่สิบเซ็นติเมตร และกว้างยี่สิบเซ็นติเมตร และด้านในนั้นหลิงหยุนได้บรรจุน้ำลายมังกรเอาไว้..
“ยังมีอะไรที่ล้ำค่ากว่าไข่มุกราตรีกับราชาโสมอีกเหรอ? ไม่อย่างนั้นหลิงหยุนคงไม่เลือกที่จะนำออกมาให้เป็นชิ้นสุดท้ายอย่างแน่นอน! ของขวัญชิ้นนี้น่าจะเป็นของล้ำค่าที่น่าประทับใจกว่าชิ้นอื่นๆแน่ๆ!”
ตอนนี้หลายคนก็ได้กลับไปนั่งที่โต๊ะกันเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงกลุ่มของผู้อาวุโสที่ยังคงยืนห้อมล้อมหลิงหยุนอยู่
“พ่อหนุ่มหลิงหยุน.. ข้างในมีอะไรงั้นรึ?!” ชายชราอารมณ์ดีไม่สามารถอดทนรอจนหลิงหยุนเปิดฝากล่องได้ จึงได้ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น!
“อาวุโสครับ.. อย่ารีบร้อนไป ถึงผมเปิดให้ดูตอนนี้อาวุโสก็คงจะไม่รู้จัก!” หลิงหยุนตอบพร้อมกับยิ้มให้อย่างสดใส
สำหรับน้ำลายมังกรแล้ว.. ต่อให้เป็นไข่มุกราตรี ราชาโสม หรือสมุนไพรเหอโชวู ก็ล้วนแล้วแต่ไม่อาจเทียบกับมันได้!
ทุกคนจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจในขณะที่หลิงหยุนค่อยๆเปิดกล่องหยกออก..
“มันคืออะไรกัน? ทำไมถึงได้มีกลิ่นหอมหวลแบบนี้?!”
คนที่ไม่รู้จักถึงกับร้องถามออกมาด้วยความสงสัย ในขณะที่หลายคนก็กำลังสูดดมกลิ่นหอมของน้ำลายมังกรที่อบอวลไปทั่วทั้งห้องกันจนเต็มปอด และตอนนี้พลังชีวิตของน้ำลายมังกรแผ่กระจายออกมาเต็มไปหมด
ไม่เพียงแค่ทุกคนจะประหลาดใจ แม้แต่หลิงหยุนเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน เพราะโดยปกติแล้ว น้ำลายมังกรสีขาวคล้ายนมนั้น จะไร้รสไร้กลิ่น แต่เพราะเหตุใดตอนนี้มันจึงได้ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้องเช่นนี้?
หลิงหยุนเองก็แอบดูดซับพลังชีวิตที่กระจายออกมาจากน้ำลายมังกรอยู่เงียบๆ และหลังจากนึกเปรียบกับเมื่อครั้งที่อยู่ในค่ายกลมังกรหยินหยาง ก็พบว่าคุณภาพและคุณสมับติของมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
‘แต่ไม่สิ.. ครั้งนี้ดูเหมือนน้ำลายมังกรจะมีพลังชีวิตที่บริสุทธิ์มากกว่า..’ หลิงหยุนครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วก็นึกไปถึงน้ำเต้าที่บรรจุน้ำลายมังกรมา
‘หรือจะเป็นเพราะน้ำเต้าลูกนั้น?! ช่างน่าประหลาดนัก?!’
‘ใช่แล้ว.. ต้องเป็นเพราะน้ำเต้าลูกนั้นแน่ๆ!!’ หลิงหยุนตื่นเต้นดีใจอย่างมาก แต่ก็ยังคงรักษาใบหน้าและท่าทางที่สงบนิ่งไว้ได้
ทุกคนในห้องต่างก็พากันสูดดมกลิ่นหอมหวลกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร และต่างก็กำลังรอคำตอบจากหลิงหยุน
มีเพียงท่านหมอเสี่ยว ฮู๋เซ่าป๋าย และหลงเทียนยู่ที่ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่ ทั้งสามคนต่างก็พุ่งมาด้านหน้า และตรงไปที่กล่องหยกใส่น้ำลายมังกรทันที ทั้งสามคนได้แต่อึ้งและพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว…
ขณะที่หลิงหยุนหัวเราะ และกำลังจะเอ่ยปากอธิบายนั้น เขาก็สังเกตุเห็นว่าดูเหมือนทั้งทั้งสามคนจะรู้จักน้ำลายมังกร การที่ท่านหมอเสี่ยวและฮู๋เซ่าป๋ายรู้จักนั้น หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แต่การที่หลงเทียนยู่ที่อายุยังน้อย กลับรู้จักน้ำลายมังกรเช่นกัน ทำให้หลิงหยุนนึกแปลกใจไม่น้อยทีเดียว!
ท่านหมอเสี่ยว ฮู๋เซ่าป๋าย และหลงเทียนยู่ ต่างก็มองตากัน แล้วริมฝีปากของท่านหมอเสี่ยวก็ขยับเล็กน้อยคล้ายกับกำลังพูดอะไรบางอย่างกับสองคนนั่น จากนั้นทั้งคู่ก็พยักหน้า..
หลิงหยุนรู้ได้ทันทีว่าท่านหมอเสี่ยวได้ใช้กระแสจิตคุยกับฮู๋เซ่าป๋ายและหลงเทียนยู่!
ท่านหมอเสี่ยวยกมือขึ้นป้องปากแล้วทำเสียงกระแอมก่อนจะพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. นี่เป็นน้ำลายมังกรใช่ไม๊?”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า แต่เขาไม่ได้บอกว่าตนเองยังมีน้ำลายมังกรอยู่อีกจำนวนมากแค่ใหน..!
ร่างของท่านหมอเสี่ยวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง และโอนเอนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อทรงตัวได้เขาก็หันไปพูดอะไรบางอย่างกับทั้งสองคน แล้วลงมือปิดกล่องหยก และนำมันกลับไปเก็บที่ห้องลับของตนเอง
ทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่าของขวัญที่หลิงหยุนนำมาในครั้งนี้ ช่างเป็นสมบัติที่ล้ำเลิศ และเป็นสิ่งที่คู่ควรกับท่านหมอเสี่ยวอย่างมาก?!
แม้ท่านหมอเสี่ยวจะลับตาไปแล้ว แต่กลิ่นหอมก็ยังคงอบอวลอยู่ภายในห้อง..
ฮู๋เซ่าป๋ายและหลงเทียนยู่ต่างก็มองท่านหมอเสี่ยวที่ถือกล่องหยกออกไปด้วยความอิจฉา ทันทีที่ท่านหมอเสี่ยวลับสายตาไป ทั้งคู่ก็หันกลับมามองหลิงหยุนเกือบจะพร้อมกัน!
กำลังภายในของหลงเทียนยู่นั้นอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-8!
“พี่หลิงหยุน.. นั่นมันคืออะไรคะ? ทำไมถึงได้มีกลิ่นหอมจัง!?” เสี่ยวเม่ยหนิงกระซิบถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงหยุนใช้กระแสจิตอธิบายให้เธอฟังว่า มันเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มระดับกำลังภายในให้กับผู้ฝึกฝนวิทยายุทธได้
เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้ร้องอุทานออกมาเสียงดัง เพราะเธอเองก็มีภูมิคุ้มกันในเรื่องแปลกประหลาดของหลิงหยุนตั้งแต่ครั้งที่เห็นมังกรบินวนรอบตัวของเขามาแล้ว..
ท่านหมอเสี่ยวหายไปเกือบยี่สิบนาทีจึงได้เดินออกมา เขาสั่งให้เสี่ยวเฉิงเยี่วยนำไข่มุกราตรี โสม และสมุนไพรเหอโชวูที่หลิงหยุนมอบให้ไปเก็บไว้อย่างดี จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกับร้องบอกทุกคนว่า
“ทุกท่าน..! พวกเรามาดื่มฉลองกันได้แล้ว!”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่.. แขกเหรื่อต่างก็พากันทยอยลุกขึ้นขอตัวกลับ ก่อนกลับทุกคนก็เดินร่ำลาเสี่ยวเม่ยหนิง และอวยพรให้กับเธอ แต่ความจริงน่าจะเรียกได้ว่า ทุกคนไปร่ำลาหนิงน้อย และกล่าวชื่นชมหลิงหยุนน่าจะถูกกว่า!
“พี่หลิงหยุน.. คืนนี้พี่ทำได้ยอดเยี่ยมมากเลย! พี่ทำให้ทุกคนในงานช็อคได้!” เสี่ยวเม่ยหนิงกระซิบข้างหูหลิงหยุน
ในที่สุด หลี่ยั่วหมิ ฮู๋เซ่าป๋าย และหลงเทียนยู่ก็มาร่ำลาเสี่ยวเม่ยหนิง ระหว่างที่เดินออกไปนั้น หลงเทียนยู่ก็จ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มให้อย่างเปิดเผย
“หลิงหยุน.. ถ้านายไปเมืองหลวงเมื่อไหร่ อย่าลืมแวะไปหาฉันที่บ้านตระกูลหลงด้วยนะ! บอกเขาว่ามาหาหลงเทียนยู่ ใครๆก็รู้จัก!”
“ได้สิ!” หลิงหยุนตอบกลับอย่างจริงใจเช่นกัน และพยักรับคำเชิญของหลงเทียนยู่
ความจริงแล้ว หลิงหยุนเองก็ต้องการจะบอกหลงเทียนยู่ว่า ให้ระวังตระกูลเฉินไว้ให้ดี! แต่หลังจากใคร่ครวญดูแล้ว เรื่องของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยในเวลานี้ เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจ!
หลี่ยั่วหมิงเองก็เอ่ยชวนหลิงหยุนอย่างสุภาพเช่นกัน “หลิงหยุน.. ถ้านายไปเมืองหลวง ก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมฉันที่ตระกูลหลี่ด้วยล่ะ! พวกเรายินดีต้อนรับนายอย่างมาก!”
หลิงหยุนพยักหน้ารับคำเชิญเช่นกัน!
ในที่สุดก็ถึงคราวของฮู๋เซ่าป๋าย เขามองหลิงหยุนและเสี่ยวเม่ยหนิงอยู่นาน ในที่สุดก็ได้แต่ถอนหายใจ! เพราะแผนการณ์ของพ่อเขา – ฮู๋ชิงซาน เจ้าสำนักหมอหุบเขาเทวะ ได้ล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่า..
ท่านหมอเสี่ยวคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่า ฮู๋ชิงซานนั้นต้องการที่จะรวมตระกูลฮู๋และตระกูลเสี่ยวเข้าไว้ด้วยกัน เพราะหากทำได้สำเร็จ เขาไม่เพียงจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่ยังจะสามารถเพิ่มอำนาจและอิทธิพลให้กับสำนักหมอหุบเขาเทวะได้อีกด้วย
แต่ตอนนี้มีหลิงหยุนเข้ามาข้องเกี่ยวกับตระกูลเสี่ยว ถ้าไม่โง่จนเกินไปนัก ก็ต้องดูออกว่าถนนเส้นนี้ได้มีอุปสรรค์เสียแล้ว!
“หลิงหยุน.. บอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังภายในของเจ้าอยู่ขั้นใหน?” ฮู๋เซ่าป๋ายส่งกระแสจิตถามหลิงหยุน
ฮู๋เซ่าป๋ายไม่ใช่คนโง่ หากหลิงหยุนเป็นคนธรรมดา เขาจะมีปัญญานำสมบัติล้ำค่าที่ทั้งชีวิตของคนธรรมดาก็ไม่มีวันได้เห็นเหล่านี้มาได้ยังไง?
แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ฮู๋เซ่าป๋ายก็ไม่สามารถมองเห็นกำลังภายในของหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย เขาจึงเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ
ฮู๋เซ่าป๋ายยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากหลิงหยุน จึงรู้ว่าหลิงหยุนไม่ต้องการเปิดเผยความแข็งแกร่งของตนเอง เขาจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป..
แขกเหรื่อภายในห้องต่างพากันทยอยกลับ เหลือเพียงพ่อแม่ของเสี่ยวเม่ยหนิง และคนงานอีกไม่กี่คนที่จ้างมาจากข้างนอก..
และแล้วเวลาแห่งความวุ่นวายก็สิ้นสุดลง!
ใบหน้าของหลิงหยุนกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง เขาถามหนิงน้อยขึ้นทันทีว่า “หนิงน้อย.. ตอนนี้บอกผมมาได้แล้วว่า หลายวันที่ผมไม่อยู่ มีเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
สีหน้าของเสี่ยวเม่ยหนิงเปลี่ยนไปทันที เธอกำลังจะเอ่ยปากเล่า แต่จางเม่ยหยิวนก็เดินออกมาเรียกหลิงหยุนซะก่อน..
“หลิงหยุน คุณปู่ของหนิงน้อยเรียกเธอให้เข้าไปพบในห้องลับ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเธอ!”
หลิงหยุนรีบพยักหน้าและเดินตรงเข้าไปด้านในทันที
“ฉันไปด้วย!” เสี่ยวเม่ยหนิงรีบลุกขึ้นและวิ่งตามหลิงหยุนไปทันที
“ดูเหมือนตอนนี้สาวน้อยของเรา คงต้องกลายเป็นของคนอื่นจริงๆแล้วสินะ..”
เสี่ยวเฉิงเยี่วยมองหนิงน้อยพร้อมกับหันไปพูดกับจางเม่ยหยิวนพร้อมกับส่ายหน้ายิ้มๆ
จางเม่ยหยิวนยิ้มให้สามีแล้วตอบกลับไปว่า “อย่าทำพูดไปเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณก็มีความสุขไม่แพ้ฉันหรอก! ฉันมีความสุขมากจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ!”
แล้วเสียงหัวเราะของจางเม่ยหยิวนก็ดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง..