บทที่ 350 : เกิดเรื่องน่าเศร้า!
ห้องลับของท่านหมอเสี่ยวนั้นกว้างขวางใหญ่โตมาก ภายในยังแบ่งเป็นห้องย่อยๆอีกสามห้อง ห้องหนึ่งสำหรับไว้ประชุมในเรื่องที่เป็นความลับ ห้องที่สองคือห้องฝึกวิทยายุทธของท่านหมอเสี่ยว และห้องที่สามคือห้องเก็บสมบัติล้ำค่าต่างๆ
ทันทีที่หลิงหยุนเข้าไปในห้อง เขาจึงพบว่าผนังห้องด้านในทั้งหมดทำจากเหล็กที่แข็งแรง หากใครต้องการที่เข้าไปเพื่อขโมยของแล้วล่ะก็ คงทำได้แค่ฝัน!
อีกทั้งภายในห้องประชุมนี้ ก็บุฉนวนกันเสียงอย่างดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้านใน ไม่มีทางที่คนภายนอกจะได้ยินอย่างเด็ดขาด
หลิงหยุนเดินตามเสี่ยวเม่ยหนิงเข้าไปในห้องประชุม และนั่งลงตรงข้ามท่านหมอเสี่ยว..
ตั้งแต่เข้ามาในห้องลับแห่งนี้ เสี่ยวเม่ยหนิงก็เกาะแขนหลิงหยุนไว้แน่น แววตาของเธอที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความท้อแท้ และกระวนกระวายใจ ทุกครั้งที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เงียบไปทุกครั้ง..
ส่วนท่านหมอเสี่ยวนั้น ตั้งแต่พบหลิงหยุนในงาน เขาไม่ถามหลิงหยุนด้วยซ้ำว่าหลายวันที่ผ่านมาหลิงหยุนหายตัวไปใหน แต่กลับมองหลิงหยุนด้วยสายตากังวล ดูคล้ายกับว่ากำลังครุ่นคิดว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี..
หลิงหยุนขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นพร้อมกับจ้องมองท่านหมอเสี่ยวด้วยสายตาที่แน่วแน่ ในใจของเขาไม่มีความกังวลตื่นเต้น เพราะได้เตรียมใจมาก่อนหน้านี้แล้ว..
“อาวุโสเสี่ยว.. เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้โปรดพูดออกมาตรงๆ ผมรับได้!”
เพราะตั้งแต่ที่หลิงหยุนสังเกตุเห็นว่ามีเพียงท่านหมอเสี่ยวกับหนิงน้อยที่เขารู้จักอยู่ในงานวันเกิด เขาก็คาดเดาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!
“พี่หลิงหยุน.. ฟังแล้วพี่ก็อย่าโมโหมากนะ..” เสี่ยวเม่ยหนิงมองหลิงหยุนด้วยแววตาเคร่งเครียด และพูดกับหลิงหยุนด้วยความระมัดระวัง
ท่านหมอเสี่ยวกระแอมเบาๆ จากนั้นก็หันไปพูดกับเสี่ยวเม่ยหนิงว่า “หนิงน้อย.. หกวันที่ผ่านมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง หลานก็เล่าให้หลิงหยุนฟังให้หมดเถอะ.. หลานเองก็รู้เรื่องราวทั้งหมดดีกว่าปู่!”
เสี่ยวเม่ยหนิงกัดริมฝีปากแน่น และกำลังรวบรวมความคิดว่าจะเริ่มต้นจากเรื่องใหนก่อนดี แต่หลิงหยุนก็ถามขึ้นมาก่อนว่า..
“หนิงน้อย.. บอกผมมาก่อนว่าแม่กับหลิงยู่เป็นยังไง?”
คนที่หลิงหยุนเป็นห่วงมากที่สุดก็คือแม่กับน้องสาวของเขา และตราบใดที่เขาได้ยินว่าแม่กับน้องสบายดี ที่เหลือก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับเขา!
อีกทั้งนางฉินจิวยื่อเองก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นสามแล้ว ซึ่งเหนือกว่าท่านหมอเสี่ยวด้วยซ้ำไป
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ทันทีที่เสี่ยวเม่ยหนิงได้ยินคำถามของหลิงหยุน เธอกับส่ายหน้าไปมา และนั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตกใจ..
เพราะหากแม่ของเขาเป็นอะไรไป หนิงหลิงยู่ก็ต้องขาดที่พึ่ง แล้วหากศัตรูของเขาบุกมาถึงที่บ้าน แน่นอนว่าหนิงหลิงยู่ย่อมไม่สามารถที่จะเอาตัวรอดได้!
หลิงหยุนหน้าเครียดและบีบมือของเสี่ยวเม่ยหนิงแน่น พร้อมกับถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่หนิงน้อย? เกิดอุบัติเหตุกับแม่ผมงั้นเหรอ? บอกผมมาเดี๋ยวนี้!”
เสี่ยวเม่ยหนิงส่ายหน้าแล้วก็พยักหน้า แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ป้าฉิน.. ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรกับป้าฉิน แต่.. จู่ๆป้าฉินก็หายตัวไป..”
“อะไรนะ?!!” หลิงหยุนไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกต่อไป เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที พร้อมกับร้องถามเสียงดังว่า “หายไปได้ยังไง?”
เสี่ยวเม่ยหนิงก็ลุกขึ้นยืนตามหลิงหยุน “พี่หลิงหยุน.. พี่อย่าเพิ่งกังวลไป นั่งลงฟังฉันเล่าให้จบก่อน ปัญหาทุกอย่างเราจะค่อยๆแก้ไขไป!”
ดวงตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความเย็นชาและเย็นยะเยือก เขาค่อยๆนั่งลงอย่างสงบนิ่งพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ผ่านไปตั้งหกวัน อะไรที่เกิดขึ้น.. ก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว! ร้อนรนมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือ ทำความเข้าใจกับเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อน!
“ป้าฉินหายไปในคืนเดียวกับที่พี่หายตัวไป.. แต่จะเรียกว่าหายตัวไปก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะป้าฉินได้เขียนโน้ตทิ้งไว้ให้กับพี่หลิงยู่”
เมื่อได้ยินว่าฉินจิวยื่อทิ้งโน๊ตไว้ให้กับหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนก็ถามขึ้นมาทันที “แล้วโน๊ตนั่นเขียนอะไรไว้?”
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหกวันนี้ เสี่ยวเม่ยหนิงจำได้ขึ้นใจ! เธอแทบไม่ต้องนึกทบทวน และสามารถเล่าให้หลิงหยุนฟังได้ทันที
“พี่หลิงยู่เล่าให้ฉันฟังว่า เธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ ก็พบว่ามีโน๊ตของป้าฉินติดไว้บนหัวเตียง เขียนไว้ว่าจะออกไปทำธุระสำคัญ ถ้าเสร็จเร็ว.. ก็จะกลับมาภายในสองหรือสามวัน และภายในสองสามวันนี้ ไม่ว่าที่บ้านจะเกิดเรื่องอะไร ให้พี่หลิงยู่จัดการเองได้เลย”
หลิงหยุนคิดทบทวนอยู่ในใจ คืนที่เขาลงไปสำรวจหลุมยักษ์นั่นเป็นคืนสุดท้ายของวันหยุดเทศกาลเชงเม้ง และวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันจันทร์..
ฉินจิวยื่อคงต้องคิดว่าเขาต้องไปโรงเรียนตามปกติ และแม่ของเขาก็น่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดี จึงคิดว่าตราบใดที่มีเขาอยู่ด้วย คงไม่มีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นที่บ้าน
ก่อนที่หลิงหยุนจะไปสำรวจหลุมยักษ์นั้น เขาได้ให้เฉิงเม่ยเฟิงและเสี่ยวเม่ยเม่ยไปอยู่ที่บ้านแม่ เพื่อให้แม่ของเขาคุ้มครองหญิงสาวทั้งสองคนแทน ในขณะที่แม่ของเขามีเรื่องรีบด่วนที่ต้องไปทำ และนางเองก็คงคิดว่าหลิงหยุนที่อยู่บ้านก็จะสามารถดูแลครอบครัวได้! ทั้งคู่คลาดกันไปเพียงนิดเดียว!
ก่อนที่หลิงหยุนจะลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์นั้น เขาก็ได้สร้างศัตรูไว้มากมาย หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อเขากับแม่ไม่อยู่บ้าน จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้านหรือไม่?
หลิงหยุนรีบถามต่อว่า “แม่ไม่ได้บอกไว้เหรอว่าจะไปที่ใหน? แล้วมันสำคัญมากยังไง?”
เสี่ยวเม่ยหนิงส่ายหน้าและตอบไปว่า “ไม่ได้บอกไว้.. พี่หลิงยู่เล่าให้ฟังว่า ดูจากลายมือของป้าฉินแล้ว ดูเหมือนจะเร่งรีบมาก และโน๊ตก็เขียนไว้เพียงสั้นๆ!”
หลิงหยุนพยักหน้าและถามต่อว่า “แล้วทำไมหลิงยู่ไม่โทรเข้ามือถือแม่ล่ะ?”
เสี่ยวเม่ยหนิงส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “ป้าฉินไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย!”
หลิงหยุนพึมพำออกมา “แม่บอกว่าจะไปสองสามวัน แต่นี่ผ่านมาหกวันแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับมา..”
หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางฉินจิวยื่ออาจจะล่าช้าเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกะทันหันก็ได้ แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นใครที่มีกำลังภายในเหนือกว่าแม่ของเขาเลย
“แล้วหลิงยู่ล่ะ? ตอนนี้น้องของผมเป็นยังบ้าง?”
“ตอนนี้พี่หลิงยู่ย้ายไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แล้ว และกำลังดูแลผู้หญิงที่ชื่อเหยาลู่อยู่ คนที่พี่จ้างมาดูแลคลีนิคนั่นล่ะ..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะสองคนนั้นไม่เคยพบเจอกันมาก่อนด้วยซ้ำไป แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเหยาลู่
“นี่มันเรื่องอะไร?!” ดูเหมือนเรื่องราวจะใหญ่โตเกินกว่าที่หลิงหยุนคาดคิดไว้มาก เพราะน้ำเสียงที่เสี่ยวเม่ยหนิงพูดถึงเหยาลู่นั้นไม่มีแม้แต่ความอิจฉาด้วยซ้ำไป
เสี่ยวเม่ยหนิงถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า “พี่หลิงหยุน.. พี่อย่าเพิ่งถามอะไร! ฉันจะค่อยๆเล่าให้พี่ฟังทีละเรื่อง แล้วพี่จะเข้าใจเอง!”
“ตลอดหกวันมานี้…” เสี่ยวเม่ยหนิงเริ่มเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หลิงหยุนฟังตั้งแต่ต้นเป็นลำดับไป ว่ามีเกิดอะไรขึ้นบ้างในหกวันนี้..
ในวันที่ 7 เมษายน หนิงหลิงยู่ตื่นขึ้นมาและพบว่านางฉินจิวยื่อทิ้งโน๊ตไว้ เธอจึงได้โทรหาหลิงหยุน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหลิงหยุนได้
นั่นเพราะในเวลานั้น หลิงหยุนอยู่ในค่ายกลมังกรหยินหยางที่อยู่ลึกลงไปใต้ดินถึงสี่ร้อยเมตร จึงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
และเพราะหลิงหยุนเองก็มัวแต่ตื่นเต้นกับการสำรวจภายใต้หลุมยักษ์จนไม่ได้นึกถึงใครเช่นกัน
ในวันที่ 8 เมษยาน.. ครอบครัวของเฉิงเม่ยเฟิงก็เกิดปัญหาขึ้น ตระกูลซันได้ส่งคนเข้าไปควบคุมธุรกิจของตระกูลเฉิงทั้งหมด เพื่อคาดคั้นให้เฉิงเทียนตอบมาว่านางหนิวเฟิ่นเหยียว ซันจิ้ง และยอดฝีมือคนอื่นๆหายไปใหน
เมื่อเฉิงเม่ยเฟิงได้ข่าว ด้วยความเป็นห่วงแม่และน้องสาว เธอจึงรีบกลับไปที่บ้านตระกูลเฉิง และตระกูลซันก็ได้จับตัวเธอไว้!
และในวันเดียวกัน.. ทุกคนต่างก็พากันร้อนใจและช่วยกันตามหาหลิงหยุน แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถติดต่อหลิงหยุนได้ และทุกคนก็เริ่มหมดหวัง..
ในเย็นวันนั้น.. เสี่ยวเม่ยเม่ยก็รีบร้อนออกจากบ้านของนางฉินจิวยื่อ เพื่อไปตามหาหลิงหยุนในเมือง แต่ก็หายตัวไปในคืนนั้นเช่นกัน และจนถึงวันพุธก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของเธอ
ในวันพุธที่ 9 เมษายน.. หลี่ยี่เฟิงถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานตรวจสอบของทางราชการ ในกรณีที่ช่วยหลิงหยุนซื้อบ้านในราคาเพียงครึ่งเดียว
ในวันเดียวกัน.. พ่อของถังเมิ่ง – ถังเทียนห่าว ก็ถูกจับกุมและกักตัวไว้ชั่วคราว จากการถูกกล่าวหาว่าดำเนินคดีโดยมิชอบและไม่เป็นธรรม
ตอนนี้คนที่ขึ้นมาดูแลสำงานรักษาความมั่นคงแทนถังเทียนห่าวก็คือหลัวจ้ง และทันทีที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ สิ่งแรกที่เขาทำก็คือการสั่งยึดและปิดบ้านของหลิงหยุนทั้งสองหลัง
จากนั้นก็เข้าจับกุมตี้เสี่ยวอู๋ ด้วยข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับคดีกรรโชกทรัพย์ของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น
และสุดท้าย.. หลัวจ้งบอกว่าแหล่งที่มาของทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ของหลิงหยุนนั้น มีที่มาของเงินไม่ชัดเจน จึงได้สั่งอายัดเงินในบัญชีของหลิงหยุนไว้ทุกบัญชี และหลิงหยุนยังเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่ทำให้คนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นต้องกลายเป็นขันทีอีกด้วย
หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน และหลิงหยุนก็หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ หนิงหลิงยู่จู่ๆก็ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านไร้ที่อยู่ อีกทั้งหลิงหยุนและนางฉินจิวยื่อก็หายตัวไปนานถึงสามวันแล้ว ในเวลานั้นหนิงหลิงยู่เองก็แทบจะไม่ต่างจากคนบ้า เธอไปโรงเรียนในสภาพที่จิตใจเลื่อนลอย..
และในเวลานั้น.. หัวหน้าห้องของเธอ – เสียเจิ้นเหยิน ก็เริ่มเข้ามาวุ่นวายพัวพันกับหนิงหลิงยู่อีก เมื่อถังเมิ่งรู้ข่าว เขาจึงไปหาเสียเจิ้นเหยินเพื่อจัดการเคลียร์เรื่องนี้ แต่ผลปรากฏว่าถังเมิ่งได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส!
วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน.. คลีนิคของหลิงหยุนตกแต่งจนเกือบจะเสร็จแล้ว แต่ก็ถูกกลุ่มคนเซียงซีที่เคยมีปัญหากับหลิงหยุนบุกเข้าไปทำลาย และเหยาลู่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะพยายามปกป้องคลีนิคไว้อย่างสุดความสามารถ และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถรักษาได้ ไม่เพียงเหยาลู่ที่ถูกพิษ แต่คนงานอีกเจ็ดแปดคนก็ถูกพิษเข้าไปด้วยเช่นกัน
ในวันเดียวกันนั้น หนิงหลิงยู่ก็ได้รับข่าวจากเพื่อนบ้านที่ชื่อหลี่หงเม่ยว่า คลีนิคของนางฉินจิวยื่อนั้น ได้ถูกทีมงานรื้อถอนจัดการเอารถแมคโครมารื้อถอนจนหมดแล้ว!
“และเมื่อวานนี้.. ที่โรงเรียน..”
ปัง!!!
หลิงหยุนกระแทกหมัดลงไปบนโต๊ะหินอ่อนที่อยู่ด้านหน้าจนเป็นรูขนาดใหญ่ และเศษหินอ่อนก็กระเด็นออกมาเต็มไปหมด!
“ไม่ต้องเล่าแล้ว!!”
หลิงหยุนไม่อาจทนฟังต่อได้อีก เส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นตามหน้าผากของเขาเต็มไปหมด หลิงหยุนกัดฟันและกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาแดงก่ำ!!
ตอนนี้หลิงหยุนโกรธจนแทบคลั่ง!!
ร่างสูงใหญ่ของหลิงหยุนผุดขึ้นจากเก้าอี้ทันที ร่างกายของหลิงหยุนสั่นอย่างรุนแรง จนแทบจะยืนไม่อยู่!
“พี่หลิงหยุน.. พี่หลิงหยุน..”
เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นท่าทางของหลิงหยุนแล้วก็ทั้งตกใจและหวาดกลัว เธอเอื้อมมือไปจับแขนหลิงหยุนไว้พร้อมกับเขย่าเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“พี่หลิงหยุน.. ปัญหาครั้งนี้ใหญ่โตมาก เรียกว่ากระทบไปทั่วทั้งเมือง ฉันกับท่านปู่คาดว่าตระกูลซันน่าจะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด ปู่พยายามโทรหาเส้นสายที่มีทั้งหมดระหว่างที่พี่หายตัวไป แต่ตระกูลซันกลับมีอิทธิพลและอำนาจเหนือกว่าท่านปู่..”
เลือดในตัวหลิงหยุนพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง เขาขบฟันเข้าหากันแน่นพร้อมกับพยักหน้า “เรื่องนั้นผมเข้าใจ..”
“หลิงหยุน.. เธอนั่งลงก่อน! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะจัดการด้วยตัวคนเดียวได้!”
ท่านหมอเสี่ยวเข้าใจความโกรธในใจของหลิงหยุนดี..