บทที่ 351 : บุคคลลึกลับ!

“ฉันไปสืบมาแล้ว.. ครั้งนี้ตระกูลซันเดินหน้าประกาศศึกกับเธออย่างไม่รอมชอม! พ่อของซันจิ้ง – ซันเทียนเปียว ถึงกับมาที่จิงฉูด้วยตัวเอง และพายอดฝีมือที่เก่งกาจมาด้วยอีกมากมาย เขาตั้งใจมาตามหาหนิวเฟิ่นเหยียวและซันจิ้ง!”

“ฉันเองก็ได้บอกกับตระกูลซันไปแล้วว่า ตอนนี้เธอเองก็ยังไม่กลับมา ถ้าเขากล้าแตะต้องคนในครอบครัวของเธอ ก็เท่ากับเป็นปฏิปักษ์กับฉัน – เสี่ยวเจิงจี๋ ซันเทียนเปียวเองก็ยังพอมีความเกรงใจฉันอยู่บ้าง จึงไม่กล้าโอหังนัก!”

ท่านหมอเสี่ยวรีบพูดเพื่อให้หลิงหยุนสบายใจ แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไม่ยอมนั่งลง ท่านหมอเสี่ยวจึงต้องลุกขึ้นยืน และพูดต่อว่า

“หลิงหยุน.. ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอกำลัโมโหจนแทบคลั่ง! แต่ก่อนที่เธอจะออกไปจัดการอะไร ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกับเธอก่อน!”

ในที่สุดหลิงหยุนก็มองหน้าเสี่ยวเจิ้งจี๋พร้อมกับถามขึ้นว่า “อาวุโส.. มีเรื่องสำคัญอะไรหรือครับ?”

เสี่ยวเจิ้งจี๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า “ห้าหกวันที่ผ่านมานี้ ดูเหมือนจะมีชายอายุราวห้าสิบมาถามหาเธอ และเขาก็ไปปรากฏตัวอยู่แถวๆบ้านเลขที่หนึ่งของเธออยู่หลายครั้ง ฉันเคยแอบตามเขาไปเงียบๆ ดูเหมือนเขาจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้วเหมือนกัน!”

หลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที เพราะนอกจากท่านหมอเสี่ยวแล้ว เขาเองไม่เคยรู้จักกับคนสูงวัยที่ใหนเลย แล้วชายสูงอายุคนั้นมาถามหาเขาทำไมกัน?

เสี่ยวเจิ้งจี๋พูดต่อว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักอพาร์ทเมนท์ที่เธอเช่าอยู่ด้วยนะ เพราะสองสามวันที่ผ่านมา เขาไปคอยด้อมๆมองๆอยู่แถวนั้น แต่น่าแปลกที่เขาจะคอยแอบตามคุ้มครองน้องสาวของเธออยู่เงียบๆ”

 “ถ้าเธอมีโอกาสได้พบกับเขา.. อย่าลืมแสดงตัวกับเขาล่ะ เผื่อเขาจะสามารถช่วยอะไรพวกเราได้!”

หลิงหยุนพยักหน้าแต่ก็ยังคงสงสัยจึงถามขึ้นว่า “อาวุโส.. รูปลักษณ์ของเขาเป็นยังไงหรือครับ?”

ท่านหมอเสี่ยวอธิบายไปตามที่เห็น “เป็นชายอายุราวห้าสิบได้ สูงปานกลาง ผมสั้น ผิวคล้ำ คิ้วหนา จมูกโด่งและใหญ่ กำลังภายในของเขาก็อยู่ในขั้นเซียงเทียน แต่จากที่ฉันเห็น เขาน่าจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1ได้อย่างสบายเลยล่ะ!”

“อ่อ.. ไม่เพียงแค่เรื่องของชายสูงวัยนั่นนะ.. แม้กระทั่งแก๊งมังกรเขียวที่ทรงอิทธิพลในเมืองจิงฉู ยังแอบตามหาเธออยู่ลับๆ แล้วก็คอยตามปกป้องคุ้มครองคนในครอบครัวของเธออย่างเงียบๆด้วย แต่เพราะอะไรพวกเขาถึงต้องทำแบบนั้น.. ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน?!”

หลิงหยุนเองก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดแก๊งมังกรเขียวจึงต้องปกป้องคนในครอบครัวของเขา? หรือเป็นเพราะตี้เสี่ยวอู๋ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตี้เสี่ยวอู๋นับว่าเป็นคนทรยศของแก๊งมังกรเขียว แต่หากจะเป็นเพราะตัวเขาเอง ก็ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเขาเองก็เพิ่งจะให้คนตบหน้าหลงหวู่ซึ่งเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวไป แต่น่าแปลก..ไม่เพียงแก๊งมังกรเขียวไม่มาวุ่นวายกับเขา แต่กลับแอบช่วยเหลือเขาอยู่อย่างลับๆ!

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งวิเคราะห์เรื่องพวกนี้ เขาจึงหันไปถามหนิงน้อยว่า “หนิงน้อย.. ตอนนี้ถังเมิ่งอยู่ที่ใหน? อาการของเขาไม่ได้ร้ายแรงมากใช่ไม๊?”

เสี่ยวเม่ยหนิงถอนหายใจและตอบไปว่า “ครั้งนี้ถังเมิ่งอาการสาหัสมาก.. และทุกวันนี้เสียเจิ้นเหยินก็ยะโสโอหังมาก เขาไม่เพียงเข้าไปวุ่นวายกับพี่หลิงยู่ แต่ยังบอกถังเมิ่งว่าพี่ได้ตายแล้วก็หายสาบสูญไปแล้ว! ถังเมิ่งโกรธจนมีเรื่องกับเสียเจิ้นเหยิน แล้วก็ถูกเขาหักแขนหักขา! แต่เสียเจิ้นเหยินเก่งมากจริงๆนะ”

“เยี่ยม.. เยี่ยมมาก! ในที่สุดหางของแกก็โผล่ออกมาแล้วสินะ! กล้าทำร้ายน้องชายของฉัน ถ้างั้นแกก็อย่าตำหนิว่าฉันโหดร้ายก็แล้วกัน!” หลิงหยุนแสยะยิ้มและกำหมัดแน่นก่อนจะคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น

สีหน้าของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเคียดแค้น เขาร้องถามเสี่ยวเม่ยหนิงเสียงดัง

“เสียเจิ้นเหยินทำถังเมิ่งหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ตำรวจไม่จัดการอะไรบ้างเลยหรือยังไง?”

เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับกัดฟันกรอด “พ่อของเสียเจิ้นเหยิน – เสียเจิ้นติง ตอนนี้เป็นถึงรองนายกเทศมนตรีของเมืองจิงฉู อีกทั้งยังสนิทสนมกับหลัวจ้งที่ตอนนี้ได้ขึ้นมาคุมสำนักงานรักษาความมั่นคงแทนพ่อของถังเมิ่ง มีหรือจะมาสนใจจัดการเรื่องนี้?”

เสี่ยวเจิ้งจี๋ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ถังเมิ่งได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างสาหัส ฉันจัดการรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก และต่อกระดูกที่หักให้แล้ว และได้ให้เขานอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ทักษะทางการแพทย์ของเธอเหนือกว่าฉันมาก ยังไงก็รีบหาทางรักษาให้เขากลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน..”

หลิงหยุนพยักหน้า และได้บอกให้ท่านหมอเสี่ยววางใจ..

ตอนนี้หลิงหยุนยังมียันต์บำบัดเหลืออยู่อีกราวหกหรือเจ็ดแผ่น ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บของกับถังเมิ่ง

“แล้วเหยาลู่กับคนงานล่ะครับ?” หลิงหยุนถามต่อ

ท่านหมอเสี่ยวขมวดคิ้วพร้อมกับพูดเสียงเครียด “พิษหนอนกู่ของพวกมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ฉันทำได้แค่ควบคุมพิษของพวกเขาไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ อาการของพวกคนงานไม่หนักมากเท่าไหร่ แต่เด็กสาวคนนั้นสิ โดนพิษหนอนกู่เข้าไปค่อนข้างรุนแรง! แต่ร่างกายของน้องสาวเธอน่ะสิน่าแปลกมาก! ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงสามารถต้านทานพิษของหนอนกู่ได้ และตอนนี้น้องสาวของเธอก็ช่วยดูแลเด็กสาวคนนั้นมาได้สองสามวันแล้ว!

แววตาของหลิงหยุนนั้นเคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแทบจะทนอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว จึงรีบอำลาท่านหมอเสี่ยว

“อาวุโส.. ผมคงต้องขอตัวไปสะสางกับพวกมันก่อน! ครั้งนี้คงจะเป็นการล้างแค้นครั้งใหญ่ที่สุดของผม!”

หลิงหยุนอยากจะฆ่า.. เขาอยากจะฆ่าคนพวกนั้นให้ตายหมดทุกคน!

เสี่ยวเจิ้งจี๋พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “บางเรื่องฉันเองก็ไม่อยากจะออกหน้ามากนัก ถ้าเธอเผชิญหน้ากับยอดฝีมือที่ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน เธอก็สามารถจัดการพวกมันได้ แต่ถ้าต้องปะทะกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน ก็รีบบอกให้ฉันรู้ทันที แล้วฉันจะรีบไป!”

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณท่านหมอเสี่ยวอย่างซาบซึ้งใจ “หลายวันมานี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ขอบคุณอาวุโสที่ช่วยเหลือ! ผมคงต้องไปแล้ว!”

“พี่หลิงหยุน.. ฉันจะไปกับพี่ด้วย!” เสี่ยวเม่ยหนิงรีบวิ่งไปจับมือหลิงหยุนไว้แน่น

หลิงหยุนลังเลนิดหน่อย ก่อนจะหันไปห้าม “หนิงน้อย.. วันนี้เป็นวันเกิดของคุณ ผมว่าคุณควรจะอยู่ที่บ้านกับครอบครัวถึงจะถูก!”

เสี่ยวเม่ยหนิงส่ายหน้าพร้อมกับพูดอย่างดื้อดึง “วันเกิดของฉันแล้วยังไง? ถ้าวันนี้พี่ไม่มา ฉันก็ไม่ลงมาในงานด้วยซ้ำ!”

หลิงหยุนได้แต่เกาศรีษะพร้อมกับขมวดคิ้วแล้วพูดออกไปตรงๆ “แต่คุณช่วยอะไรผมไม่ได้..”

เสี่ยวเม่ยหนิงร้องเสียงหลง “ทำไมฉันจะช่วยอะไรพี่ไม่ได้? ฉันจะเป็นคนขับรถให้พี่ พี่หลิงหยุน.. พี่รู้เหรอว่าถังเมิ่งอยู่ที่ใหนตอนนี้? ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้บอกพี่ด้วยซ้ำ!”

ท่านหมอเสี่ยวพูดขึ้นมาว่า “หลิงหยุน.. คืนนี้เธอยังไม่ควรไปที่บ้านตระกูลซัน! ไปพบถังเมิ่งกับน้องสาวของเธอก่อนก็พอ! หนิงน้อยจะพาเธอไปพบพวกเขาเอง!”

หลิงหยุนใคร่ครวญตามที่ท่านหมอเสี่ยวบอก และคิดได้ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้ถังเมิ่งต้องนอนเจ็บปวดอยู่บนเตียง และไม่ควรต้องปล่อยให้น้องสาวของเขาต้องวิตกกังวลไปมากกว่านี้ เมื่อคิดได้เช่นนี้.. หลิงหยุนก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก..

“พี่หลิงหยุน.. พี่รอฉันเดี๋ยวนะ! ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน!”

ทันทีที่หลิงหยุนตอบตกลง เสี่ยวเม่ยหนิงก็รีบวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนบ้านทันที

เมื่อเสี่ยวเม่ยหนิงลงมา ท่านหมอเสี่ยวก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วพูดกับหลิงหยุนว่า “หลิงหยุน.. ครั้งนี้ศัตรูของเธอไม่ใช่ธรรมดาเลย! ตระกูลลซันที่มีทั้งอำนาจและอิทธิพลมากมาย แม้แต่ชื่อเสียงหมอเทวดาของฉันยังยากที่จะสู้ได้ ไม่เพียงเท่านั้น.. ตระกูลซันยังเป็นพวกเล่ห์เหลี่ยมจัด ไม่ทำอะไรตรงไปตรงมาแน่ และด้วยอำนาจอิทธิพลของพวกเขา เพียงแค่ยกโทรศัพท์หาผู้มีอำนาจในวงราชการ ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงเมืองจิงฉูทั้งเมืองได้เลยทีเดียว ฉันช่วยอะไรเธอได้ไม่มากนัก เธอก็อย่าได้ตำหนิฉันเลยนะ!”

หลิงหยุนผสานมือเขาด้วยกันพร้อมกับโน้มตัวลง และพูดขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ “อาวุโส.. อย่าได้พูดเช่นนั้นเลยครับ ผมรู้ดีว่าอาวุโสทำอย่างสุดความสามารถแล้ว อาวุโสเป็นเพียงหมอคนหนึ่ง ได้ใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีแล้ว ต่างจากตระกูลซันที่มีอำนาจ เงินทอง และนักฆ่าในมือมากมาย เท่าที่ช่วยผมมาจนถึงตอนนี้ ผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้วล่ะครับ!”

“อีกอย่าง.. ผมเองที่รู้เรื่องราวทั้งหมดดีกว่าทุกคน! เรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ต้นเหตุล้วนมาจากผม ศัตรูพวกนี้ก็มาเพราะต้องการตัวผม แต่คนบริสุทธิ์รอบตัว กลับต้องมาพบเจอกับความหายนะในครั้งนี้ด้วย..”

ท่านหมอเสี่ยวพยักหน้า “หลิงหยุน.. เธอก็อย่าได้ตำหนิตัวเองแบบนั้น ครั้งนี้หากเธอจัดการทุกอย่างได้เหมาะสม ฉันเชื่อว่าเธอจะสามารถรอดพ้นจากอันตรายและผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน!”

“อ่อ.. อย่าลืมว่าเธอต้องช่วยชีวิตเด็กสาวที่ชื่อเหยาลู่นั่นก่อนนะ เพราะฉันเองยังอดชื่นชมในความอุตสาหะของเธอไม่ได้!”

หลิงหยุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ พร้อมกับกับตอบไปว่า “อาวุโสครับ.. ผมต้องไปแล้ว!”

พูดจบหลิงหยุนก็เดินออกไปจากห้อง แต่ก็ได้ยินเสียงของท่านหมอเสี่ยวตะโกนตามหลังมาว่า “หลิงหยุน.. ครั้งนี้เธออยากทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง!”

…………

หลิงหยุนกลับไปที่ห้องนั่งเล่น รอจนกระทั่งเสี่ยวเม่ยหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ วิ่งถือโทรศัพท์ไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือกุญแจรถอีกข้างหนึ่งลงมาจากชั้นสอง

หลิงหยุนไม่พูดอะไรมาก เขาเดินตามเสี่ยวเม่ยหนิงออกไปนอกบ้าน ทั้งคู่เดินตรงไปที่โรงรถ จากนั้นก็นั่งรถเฟอรารี่ของเสี่ยวเม่ยหนิงออกจากหมู่บ้านไป

“พี่หลิงหยุน.. เราจะไปที่ใหนก่อน?” เสี่ยวเม่ยหนิงถามหลิงหยุน

หลิงหยุนใคร่ครวญก่อนจะตอบไปว่า “ถังเมิ่งอยู่ใกล้มากไม๊? ถ้าอยู่ไม่ไกล ก็ไปหาถังเมิ่น และจัดการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขาก่อน!”

“ได้!”

พูดจบเสี่ยวเม่ยหนิงก็เหยียบคันเร่ง และเร่งเครื่องมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ถังเมิ่งรักษาตัวอยู่ทันที!

ในเวลาสี่ทุ่มตรง.. การจราจรค่อนข้างโล่ง และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ห่างจากหมู่บ้านนัก ห่างกันเพียงแค่ห้ากิโลเมตรเท่านั้น และเพียงเดี๋ยวเดียวทั้งคู่ก็ไปถึงที่หน้าโรงพยาบาล

“คุณปู่เป็นคนให้ถังเมิ่งมารักษาตัวอยู่ที่นี่ เพราะผู้อำนวยการของโรงพยาบาลรู้จักกับปู่ ถังเมิ่งจะได้รู้สึกสบายใจ!”

ระหว่างทางที่ไปนั้น เสี่ยวเม่ยหนิงก็ได้เล่ารายละเอียดต่างๆเพิ่มเติมให้หลิงหยุนฟังไปด้วย และนั่นยิ่งทำให้หลิงหยุนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก!

“ถังเมิ่งอยู่ห้องใหน?!” หลิงหยุนเดินจ้ำอย่างรวดเร็ว

“ห้อง 203 ชั้นสอง แผนกศัลยกรรม ตามฉันมา!”

ทันทีที่เข้าไปในตึกศัลยกรรม หลิงหยุนและเสี่ยวเม่ยหนิงต่างก็ไม่รอลิฟท์ หลิงหยุนโอบเอวของเสี่ยวเม่ยหนิงไว้ และพาวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็วิ่งตรงไปที่ห้อง 203 และรีบเปิดประตูเข้าไปทันที หลิงหยุนมองเห็นถังเมิ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง!

“ถังเมิ่ง!”

“พี่หยุน!!”