บทที่ 920 ผู้มีพลังจิตที่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“แต่วางใจเถอะ ไม่นานเจ้านายของแกก็จะมาร่วมวงกับแก”

พูดไป ตะขอเหล็กก็ถูกเหวี่ยงลงไปเต็มแรง!

แต่หลังจากที่ประกายสวาบวับสายหนึ่งตวัดผ่าน แขนของชายตะขอเหล็กพลันสั่นสะท้านไปชั่วขณะ

“กึกๆๆ…”

ตะขอเหล็กข้างนั้นหยุดอยู่ห่างจากหัวของเสี่ยวป๋ายไม่ถึงห้าเซนติเมตร ถึงแม้หากกดลงไปอีกนิดเดียว ก็จะสามารถฟันกะโหลกหนาๆ ของเสี่ยวป๋ายได้แล้ว แต่แขนของชายตะขอเหล็กกลับนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ราวกับถูกสะกดไว้

แขนที่ผ่านการพองโตขึ้นของเขามีเสียงประหลาดดังออกมาไม่หยุด เส้นเลือดบนหลังมือก็เริ่มนูนจนน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงอีกแค่ไหน ตะขอเหล็กข้างนั้นก็ราวกับได้หยั่งรากลึกลงกลางอากาศ เพราะมันไม่สามารถกดต่ำลงไปอีกแม้แต่น้อย ทันใดนั้น เขาพลันกระโดดถอยหลังหลบกรงเล็บของเสี่ยวป๋ายที่เหวี่ยงเข้ามาได้อย่างเฉียดฉิว

หลังทิ้งตัวลงพื้น ชายตะขอเหล็กใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่แก้ม “อันตรายมาก…” ถึงแม้กรงเล็บไม่ได้สัมผัสถูกร่างจริงๆ แต่แค่สายลมแรงที่พัดผ่านหน้าไป ก็สามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้ราวกับถูกมีดกรีดแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวป๋ายมีกลยุทธ์ในการต่อสู้ไม่มากเท่าคนคนนี้ แต่พละกำลังอันน่ากลัวของสัตว์กลายพันธุ์กลับไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย

ทั้งหมดเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ขั้นตอนและผลลัพธ์กลับน่าตกใจไม่แพ้กัน ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งร้านอาหารมีแต่ความเงียบงัน หนึ่งคนหนึ่งสัตว์กลายพันธุ์หันหน้าเผชิญกันโดยต่างรักษาระยะห่างอย่างระแวดระวัง ไม่มีใครบุ่มบ่ามโจมตีทันที

เพียงแต่ชายตะขอเหล็กนั้นด้านหนึ่งระวังเสี่ยวป๋าย อีกด้านกลับหันไปมองทางเข้าของร้านอาหารด้วย…

ในเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ มีบุคคลที่สามปรากฏตัวที่นี่…

“จิ๊ ถูกจับได้ซะแล้ว…” ทันใดนั้น น้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยจริงจังนักดังมาจากนอกประตู แค่ฟังจากระยะห่างของเสียง ก็รู้แล้วว่าคนคนนี้กำลังเดินขึ้นบันไดมาอย่างไม่รีบร้อน…เสียงของเขาไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่น้ำเสียงกลับดูผ่อนคลายอย่างหาได้ยากเมื่ออยู่ในวันแห่งภัยพิบัติอย่างนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกกดดันอันเกิดจากความทุกข์ทรมานที่สั่งสมมานานเหมือนผู้รอดชีวิตทั่วไป และไม่มีอารมณ์หรือสภาพจิตใจที่บิดเบี้ยวโหดร้ายแฝงอยู่ ถ้าจะให้เปรียบเทียบจริงๆ…น้ำเสียงของคนคนนี้ ไม่ได้ต่างจากยามที่มีคนถามว่า “กินข้าวหรือยัง” เลยซักนิด

แต่ชายตะขอเหล็กไม่เพียงไม่รู้สึกสนิทสนม กลับกัน เขาพลันตึงเกร็งร่างกายทันที

“ผู้มีพลังจิต…”

คนที่สามารถก่อกวนการต่อสู้จากระยะไกลได้อย่างนี้ ไม่ใช่ผู้มีพลังจิตก็ต้องเป็นผู้มีพลังธาตุ และจากคำพูดประโยคแรกที่คนคนนี้พูดขึ้น ชายตะขอเหล็กก็ได้ข้อสรุปในขั้นต่อไป — นอกจากผู้มีพลังจิต จะมีใครสัมผัสรู้ได้ถึงการจับตามองของศัตรูล่วงหน้าได้ในสถานการณ์อย่างนี้อีก? และมีแค่ผู้มีพลังจิตเท่านั้น ที่จะสามารถปรับสภาพจิตใจของตัวเองให้ดีขนาดนี้ได้…

การมีชีวิตอยู่ในโลกอันโหดร้ายใบนี้หนึ่งปี ถึงแม้ไม้ได้ตกอยู่ภายใต้อันตรายจากซอมบี้ทุกวินาที อารมณ์ด้านลบในตัวคนเราก็ยังสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ อยู่ดี ในเวลาปกติ อารมณ์เหล่านี้ยังสามารถกดข่มไว้ได้ด้วยความรู้จักผิดชอบชั่วดีโดยพื้นฐาน แต่ทันทีที่เผชิญหน้ากับความกดดันที่เกิดจากอันตราย พวกมันก็จะระเบิดออกมาอย่างง่ายดายโดยไม่สามารถควบคุมได้ สถานการณ์อย่างนี้ ชายตะขอเหล็กเคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…

เขารู้สถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ ในฐานะผู้มีความสามารถพิเศษที่สามารถต่อกรกับสัตว์กลายพันธุ์ได้ หลังจากที่เขา “กลายร่าง” มาจนถึงระดับนี้ รังสีอำมหิตที่แผ่ออกจาตัวเขา ไม่มีทางด้อยไปกว่าสัตว์กลายพันธุ์อย่างแน่นอน อีกฝ่ายมีพลังสัมผัสรู้อันยอดเยี่ยมขนาดนี้ คงไม่ใช่เรื่องยากหากจะสัมผัสรู้ถึงกลิ่นอายของเขา…แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ เขากลับพูดจาค่อนแคะตัวเองเนี่ยนะ…

ชายตะขอเหล็กพลันระแวดระวังขึ้นมาทันใด เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเพิ่งมาถึงไม่นาน แต่ก็ต้องรู้ว่าตัวเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด…แม้รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างเขา แต่คนคนนี้ก็ยังเลือกจะเผยตัวก่อน แสดงว่าจะต้องมีดีอะไรแน่ๆ และในการประมือกันเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อกี้ ชายตะขอเหล็กก็ได้รู้แล้วว่า พลังของคนคนนี้…อย่างน้อยก็พลังจิตของเขา ยอดเยี่ยมมากจริงๆ…

หลายวินาทีต่อมา เจ้าของเสียงพูดประโยคนั้นก็ปรากฏตัวอยู่ตรงทางเข้า

มาแล้ว! ชายตะขอเหล็กพลันหรี่ตาอย่างระแวดระวัง

แต่ในขณะที่ทั้งสองสบตากันไม่ถึงสองวินาที สีหน้าของชายตะขอเหล็กพลันเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพราะผู้มาใหม่มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด…คนคนนี้ดูน่าจะอายุยี่สิบต้นๆ รูปร่างไม่เลว แต่ดูผอมไปเล็กน้อย บนใบหน้าที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดูดีของเขา มีดวงตาลึกล้ำเปล่งประกายประดับอยู่คู่หนึ่ง ทว่าโดยรวมแล้ว รูปร่างหน้าตาของเขาไม่ได้ดูน่ากริ่งเกรงเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แต่ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใกล้ได้ง่ายๆ เท่านั้น พอถูกดวงตาคู่นั้นจ้อง เขารู้สึกราวถูกอ่านใจจนทะลุปรุโปร่ง ถึงขั้นเกิดความคิดหวาดหวั่นอยากถอยหนีขึ้นมาเล็กน้อย

แน่นอนว่า ชายตะขอเหล็กไม่มีทางถอยหนี ฝ่ายที่ถอย…กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตู

แวบแรกที่เขาเห็นชายตะขอเหล็ก เขาก็เผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าว ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ร่างกายซีกขวาของชายตะขอเหล็ก และเอาแต่กวาดมองขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายรอบ…

“นี่ถ้ามีมือถือคงจะควักขึ้นมาถ่ายรูปไว้แล้วมั้ง…” ชายตะขอเหล็กคิดอย่างขุ่นเคือง

ตั้งใจแน่ๆ เจ้าเด็กบ้านั่นตั้งใจทำแน่ๆ!

การ “กลายร่าง” ของเขาอาจน่ากลัวไปบ้าง แต่มีอะไรบ้างที่ผู้รอดชีวิตที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยเห็น!

แต่ถึงอย่างนั้น ชายตะขอเหล็กกลับยังคงระแวดระวังอย่างดี

“นายเป็นใคร?” ชายตะขอเหล็กถาม พลางมองกลับไปกลับมาระหว่างหมีแพนด้ากลายพันธุ์และเด็กหนุ่ม ความจริงเขาดูออกแล้ว…ดังนั้นการที่เขาถามคำถามนี้ออกไป เพราะต้องการรู้ตำแหน่งของเด็กหนุ่มในกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มนั้น

“หลิงม่อ” เด็กหนุ่มกระแอม พลางยกมือปัดเศษขี้เลื่อยที่ลอยคลุ้งอยู่ตรงหน้าออก

“…” ชายตะขอเหล็กเงียบ

“ใครอยากรู้ชื่อของแกกันวะ…”

ชายตะขอเหล็กค่อยๆ ขยับส้นเท้า พลางพูดขึ้นอย่างข่มกลั้นอารมณ์ “ถังฮ่าว หึหึ ยินดีที่ได้เจอกันครั้งแรก…”

“ไม่ล่ะ” อยู่ๆ หลิงม่อก็ตัดบท

เด็กหนุ่มคนนั้นเคลื่อนไหวอย่างแช่มช้า จากนั้นก็หันไปกวักมือเรียกหมีแพนด้ากลายพันธุ์ ทว่าเมื่อเขามองไปทางชายตะขอเหล็ก สายตาของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

“ชื่ออะไรก็เรื่องของแก วันนี้ฉันจะอัดแกให้ฟันร่วงเต็มพื้น” พูดไป เขาก็กำหมัดทั้งสองข้างเข้าหากัน และหักข้อต่อนิ้วดัง “กร๊อบแกร๊บ” แล้วบอกว่า “แกจะส่งฉันลงไปไม่ใช่หรอ? พอดีเลย ฉันก็คิดอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน”

ชายตะขอเหล็กเพิ่งเปิดปากพูดก็ถูกตัดบททันที ไฟโทสะลุกท่วมในอกจนเขาเกือบคลั่ง

ปกติเขาเป็นฝ่ายปั้นหน้าเย็นชาใส่ซอมบี้และเหล่าลูกน้องเสมอ เคยถูกขัดคอจนสะอึกอย่างนี้ที่ไหนกัน…เจ้าหมอนี่เชี่ยวชาญเรื่องทำให้คนเกลียดสินะ! เมื่อเขาใจเย็นลง ก็เผยสีหน้าเย้ยหยันออกมา แต่ไม่นานก็ถูกการกระทำของหลิงม่อทำให้ตะลึงค้างไปอีกครั้ง

เจ้าหมอนั่นเป็นผู้มีพลังจิตไม่ใช่หรอ?! เขาบิดคอไปมา แล้วยังหักมือดังกร๊อบแกร๊บอีก นั่นมันหมายความว่ายังไงกัน?!

หรือว่า…ความจริงแล้วเขาเป็นผู้มีพลังจิตที่ชำนาญการต่อสู้ระยะประชิด?!

ชายตะขอเหล็กม่านตาหดเล็กลง นิ้วมือที่เกี่ยวตะขอเหล็กไว้พลันกำหมัดแน่น…

และในขณะเดียวกันนั้น หลิงม่อก็เตรียมตัวเสร็จพอดี เขาจ้องชายตะขอเหล็กเขม็ง พลางตะโกนเสียงดัง “ระวังหมัด!”

—————————————————————————–