บทที่ 921 ข้อดีของมันคือ…โดนซ้อมเก่ง!

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ถังฮ่าวใจหายวาบ ร่างกายที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมพลันโฉบไหวไปด้านหลัง

แต่ในขณะที่เขาโฉบร่างกายหลบ ในใจกลับลอบสบถว่าซวยแล้ว

ถึงแม้หลิงม่อตะโกนบอกว่า “ระวังหมัด” แล้วเขาก็ทำท่าจะเหวี่ยงหมัดออกมาจริงๆ แต่ขาทั้งสองข้างของเขากลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับซักนิดเลยนี่! หมัดอย่างนั้น จะต่อยโดนเขาซึ่งอยู่ห่างกันเกือบนี่สิบเมตรได้ยังไงกัน?

แต่กว่าถังฮ่าวจะตระหนักได้ถึงจุดนี้ ร่างกายของเขากลับตอบสนองไปก่อนแล้วโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก…

“สวบ!” พลังงานที่มองไม่เห็นกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจหลบ ถังฮ่าวตะโกนเสียงดังลั่น ทันใดนั้น ศีรษะและหน้าอกของเขาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง เส้นเลือดที่นูนขึ้นแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล้ามเนื้อที่พองโตขึ้น แทบจะในชั่วพริบตาเดียว ศีรษะของเขาได้กลายสภาพไปอย่างสิ้นเชิง บนศีรษะและใบหน้าเขาราวกับมีไส้เดือนเกาะอยู่เต็มไปหมด เหลือไว้เพียงร่องเล็กๆ สองเส้นและรูจมูกเท่านั้น

สภาพแบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับบริเวณหน้าอกของเขาด้วย เสื้อกันลมบางๆ ตัวนั้นยืดออกจนตึงเปรี๊ยะ ราวกับจะระเบิดเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ทุกเมื่อ ถังฮ่าวในเวลานี้ได้กลายเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาคนเดิมมีบุคลิกที่ค่อนข้างเย็นชาดุดัน แต่เขาในตอนนี้เหลือเพียงความน่ากลัวเท่านั้น

“ฉึก ฉึก ฉึก!”

ขณะที่ถังฮ่าวกำลังจะ “แปลงร่าง” ในขั้นตอนต่อไป เขาพลันรู้สึกราวถูกตะปูตอกหน้าทันที เส้นเลือดที่เพิ่งจะแผ่ขยายไปทั่วใบหน้าพลันถูกเจาะขาด เลือดสดๆ พุ่งกระฉูดกลางอากาศ เท่านี้ยังไม่หมด…ในเสี้ยววินาทีที่เขาโฉบร่างหลบไปข้างหลัง ใบหน้าของเขาก็ถูกโจมตีไปไม่น้อยกว่าสิบครั้งด้วยเช่นกัน กว่าเขาจะยืนอย่างมั่นคง และยกแขนขึ้นบังศีรษะ ใบหน้าของเขาก็ถูกเลือดย้อมจนกลายเป็นสีแดงไปทั้งดวงแล้ว

“นี่มันการโจมตีอะไรกัน!”

ถังฮ่าวหรี่ตา รู้สึกเจ็บไปทั่วใบหน้า ในใจยังคงตะลึงงันไม่หาย ถ้าเมื่อกี้เขาตอบสนองช้าไปอีกนิดเดียว ป่านนี้คงถูกระเบิดเละคาที่ไปแล้ว!

หลิงม่อเองก็กำลังขมวดคิ้วเช่นกัน เขาลดหมัดลง พลางพึมพำเสียงเบา “ตอบสนองเร็วไม่เบาเลยนี่…นึกว่าพลังคลื่นเต่าจะใช้ได้ผลซะอีก…” พูดไป เขาก็กำหมัดแน่น และทำหน้าเสียดาย

ในสภาพแวดล้อมกึ่งปิดของร้านอาหารแห่งนี้ ถังฮ่าวต้องได้ยินเสียงพึมพำของหลิงม่ออย่างชัดเจนอยู่แล้ว…เดิมเขานึกว่า “พลังคลื่นเต่า” นี้หมายถึงการโจมตีไร้รูปที่เขาเพิ่งโดนไปเมื่อกี้ ดังนั้นจึงรีบตั้งสติคอยระแวดระวังอย่างดีทันที…แต่พอเขาเห็นการเคลื่อนไหวของหลิงม่อ ถึงได้ตระหนักได้อย่างแทบตั้งตัวไม่ทัน…เขาหมายถึงหมัดนั้นต่างหาก!

“แม่งเอ๊ย…” ถังฮ่าวกัดหันกรอดจ้องหน้าหลิงม่อผ่านร่องตาเล็กๆ กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธ

เริ่มแรกก็ลอบโจมตี ต่อมาก็พลังคลื่นเต่าอะไรนั่นอีก…เจ้าเด็กนั่นกำลังเห็นเขาเป็นตัวตลกชัดๆ! ไม่น่าล่ะสัตว์ที่เลี้ยงไว้ถึงได้เจ้าเล่ห์กว่าสัตว์กลายพันธุ์ทั่วไปอย่างนั้น ที่แท้ก็ได้รับอิทธิพลมาจากเขานี่เอง! ถังฮ่าวค่อยๆ หมุนข้อมือช้าๆ หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธกรุ่น

“จะเอาแล้วหรอ…” สายตาของหลิงม่อพลันเปลี่ยนไป

สำหรับเขา การลอบโจมตีเป็นกลยุทธ์การโจมตีที่ไม่เลวจริงๆ…โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างถังฮ่าว วิธีนี้ก็ยิ่งได้ผลอย่างเห็นได้ชัด ในตอนที่เขาเห็นถังฮ่าวผ่านมุมมองสายตาของเสี่ยวป๋ายตั้งแต่แรก หลิงม่อก็รู้มันทีว่าข้อได้เปรียบของคนคนนี้อยู่ที่ไหน ข้อได้เปรียบของเขาก็คือเมื่อเทียบกับผู้รอดชีวิตทั่วไปแล้ว ถังฮ่าวรู้ว่าควรรับมือกับซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์อย่างไร เขาไม่เพียงแสดงออกได้อย่างใจเย็น ท่วงท่าในการโจมตีและหลบหลีกยิ่งหมดจดงดงามยิ่งกว่า ที่หาได้ยากกว่าคือ ขณะที่เผชิญหน้ากับเสี่ยวป๋าย เขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่พลังพิเศษ เขาก็ยังเก็บไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นจริงๆ

แต่ก่อนหน้านั้นทั้งหมด สิ่งที่เขาทำคือแค่การสังเกตการณ์เท่านั้น หรือกระทั่งเรียกได้ว่ากำลังสัมผัสด้วยตัวเอง ระหว่างที่หลบหลีกการโจมตีของเสี่ยวป๋ายเขาได้ลอบคำนวณความเร็วในการตอบสนองของเสี่ยวป๋าย มองหาจุดอ่อนของมัน จากนั้นก็ใช้กำลังเพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง…ทั้งหมดนี้เขาไม่ได้เป็นคนกำหนดเอง แต่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเขากลับทำได้ถึงขั้นนี้ เท่านี้ก็รู้แล้วว่าเขาร้ายกาจขนาดไหน

แต่ในทางตรงกันข้าม นี่ก็เป็นข้อเสียของเขาเหมือนกัน เขามีประสบการณ์ในการสู้กับผู้รอดชีวิตน้อยเกินไป และยิ่งขาดความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีความสามารถพิเศษ…ถึงแม้รู้ว่าหลิงม่อเป็นผู้มีพลังจิต แต่เขาก็ไม่อาจปรับกลยุทธ์การต่อสู้ให้เหมาะสมได้ทันเวลา ถ้าหากตอนแรกเขาไม่คิดลอบสังเกตการณ์หลิงม่อ และพุ่งเข้ามาโจมตีทันที ไม่แน่ว่าตอนนี้คนที่จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อาจเป็นหลิงม่อ

“น่าเสียดาย รู้ตัวช้าไปเสียแล้ว…”

หลิงม่อเหลือบมองเสี่ยวป๋าย จากนั้นก็หันไปมองถังฮ่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา

เกือบมาช้าไปซะแล้ว…

สาเหตุที่เขาไม่สนใจการแนะนำตัวของคนคนนี้ เพราะระหว่างทางที่มา เขารู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นใคร…

ไม่กี่นาทีก่อนในอาคารสองชั้นเล็กๆ แห่งนั้น ร่างจริงของเขากำลังเล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้พวกเย่ไคฟัง แต่อยู่ๆ เขาก็ได้รับสัญญาณจากเฮยซือ และเสียงที่ดังขึ้นในสมองของเขา กลับเป็นเสียงของอวี๋ซือหราน พอโลลิน้อยตัวนี้ได้ยินเสียงเขาพูดว่า “ฮัลโหล” ก็รีบตะโกนเสียงดังทันที “คือ…เสี่ยวป๋าย! ระหว่างทางพวกเราขวางทางมนุษย์ไว้ได้สองคน แล้วเสี่ยวป๋ายก็ล่อเจ้ามนุษย์ที่ชื่อลูกพี่ออกไป…”

“พี่หลิงจะไปไหน?”

เสียงตะโกนเรียกดังไล่หลังมา ในขณะที่หลิงม่อได้กระโดดออกจากหน้าต่างข้างหลังและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่ยินคำว่า “เสี่ยวป๋าย” เขาก็ได้พุ่งออกไปพร้อมสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว

“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกพี่ของพวกนั้น…”

สาเหตุที่ผู้รอดชีวิตกลุ่มนี้ทำให้หลิงม่อรู้สึกหวาดกลัว เพราะพวกเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้กับซอมบี้! ถ้าหากเป็นสมาชิกคนอื่น อย่างน้อยพวกอวี๋ซือหรานก็ยังสามารถถอยหนีได้โดยปลอดภัย แต่อีกฝ่ายเป็นถึงลูกพี่ ซึ่งหมายความว่าจะต้องเป็นคนที่รับมือยากที่สุดแน่นอน!

“เธออยู่ไหน?” ระหว่างวิ่งด้วยความเร็วสูง หลิงม่อสลับมุมมองสายตา พลางถามอวี๋ซือหราน

“ฉันไม่เป็นไร ฉันกำลังรีบไปทางนั้น…ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เสี่ยวป๋ายเป็นยังไงบ้าง…” อวี๋ซือหรานบอก

“ฉันกำลังไป…ครั้งนี้ ฉันประมาทไปเอง” หลิงม่อพูดขึ้น ถึงแม้การที่เขามักปล่อยให้พวกเสี่ยวป๋ายอยู่ข้างนอก จะทำให้เฮยซือเจริญเติบโตขึ้นอย่างรู้สึกได้จริงๆ แต่ความจริงแล้ว พวกเธอยังคงอยู่ในระหว่างวิวัฒนาการ และในระหว่างนี้พวกเธอก็อาจเผชิญหน้ากับอันตรายต่างๆ

สำหรับซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ที่เติบโตโดยธรรมชาติ อันตรายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ปกติมาก หากรอด ก็เติบโต หากตาย ก็กลายเป็นหินปูทางสู่ความสำเร็วของสิ่งมีชีวิตอื่น ในขณะเดียวกัน การก้าวหน้าของเหล่าผู้รอดชีวิต ก็ต้องแลกมาด้วยบททดสอบอันโหดร้ายอย่างนี้เหมือนกัน

แต่สำหรับหลิงม่อ…

อวี๋ซือหรานชะงักไปเล็กน้อย ทว่าไม่นาน โลลิน้อยตัวนี้ก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “ฉันก็แค่เป็นห่วงว่าเสี่ยวป๋ายจะถูกคนอื่นรังแก…แต่จริงๆ แล้ว จุดเด่นของมันไม่ได้อยู่ที่การโจมตี แต่อยู่ที่…หนังเหนียวมากๆ ต่างหากล่ะ! ดังนั้น…”

“เธอไม่บอกให้เร็วกว่านี้หน่อยล่ะ…”

“แต่นายก็ไม่ได้ถามฉันนี่!”

…………

“แบ๊!”

เสี่ยวป๋ายที่ถอยกลับมายืนข้างหลิงม่อพลันยืดตัวตรง เส้นขนทั่วร่างกายของมันพลันนุ่มลื่นขึ้นมา เท้าหน้าทั้งสองข้างสะบัดไปมา…

ส่วนหลิงม่อนั้นกำลังจ้องหน้าถังฮ่าวเขม็ง สายตาเขาพลันจดจ่อขั้นสูง

“ถึงจะแค่โดนซ้อม ฉันก็ไม่ยอม!”

—————————————————————————–