ตอนที่198 เวลาความกตัญญู

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่198 เวลาความกตัญญู

หลินหยุนหาทางออกกับปัญหาดังกล่าวไม่ได้เลย ในช่วงหลายวันมานี้เขายังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของลูกชาย ยังไม่ทันเริ่มจัดการจ้าวเฉียน เขาก็แพ้แล้ว

ข่าวฉาวมากมายที่หยางหู่จงใจปล่อยออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทั้งหมดล้วนเป็นของจริง และแต่ละข่าวที่ออกมาล้วนมีเหตุผลรองรับทั้งสิ้น และตัวหลินหยุนไม่สามารถหาข้อแก้ต่างได้เลย

หุ้นบริษัทจินหยวนร่วงกระแทกแนวรับต่ำสุด และยังคงลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวันติด มีคำสั่งขายออกมาทุกวันนับล้านรายกาน และไม่มีวี่แววที่จะฟื้นตัวกลับมาไกแลย

โบรกเกอร์หลายแห่งต่างวิเคราะห์พร้อมให้คะแนนเกี่ยวกับความน่าไว้วางใจที่จะลงทุนในหุ้นตัวนี้อยู่ในระดับต่ำสุดของหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าเกินพันล้าน โดยเขียนว่า บริษัทจินหยวนมีมูลค่าเกินจริงที่เฟ้อออกมามากถึง40%แล้ว นี่หมายความได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่บริษัทนี้จะถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์

นักลงทุนน้อยใหญ่ต่างต้องน้ำตาตกใน กรนด่าสาปแช่งหลินหยุนยันโคตรรุ่นบรรพชน พวกเขาทุกคนยอมตั้งคำสั่งขายหุ้นทุกราคาค้างไว้มาหลายวันแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังขายออกไปไม่ได้

จนมาวันนี้นักลงทุนเกือบสองร้อยคนที่โกรธแค้นการกระทำของหลินหยุน ทุกคนนัดรวมตัวหน้าบ้านตระกูลหยุนเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

ทั้งขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูลมากมายถูกโยนเข้ามาใส่บ้าน ทั้งพ่อแม่และภรรยาของหลินหยุนต่างเดือดร้อนกันอย่างหนัก บริษัทในเครือถูกบุกทุบตีจนพังยับเยิน

ตามกฎหมายแล้ว ในกรณีที่เกิดเรื่องเช่นนี้ ทางผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์รวมตัวเพื่อประท้วงอละเรียกร้องสินไหมทดแทนจากบริษัทได้

บนอินเตอร์เน็ตและสื่อโซเซียล มีคนตั้งกระทู้รับจ้างทนายความมือดี มาช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกเขาและยื่งคำร้องเรื่องดังกล่าวต่อศาล

ถึงหลินหยุนจะเป็นคนก่อตั้งบริษัทขึ้นมากับมือ แต่บรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้ลงความเห็นกันแล้วว่า เขาไม่สมควรจะนั่งตำแหน่งประธานอีกต่อไปแล้ว

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เรียกประชุมบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดและคณะกรรมการบอร์ดบริหาร ท้ายที่สุดนี้มัติค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ให้ถอดถอนหลินหยุนออกจากตำแหน่งประธานบริษัท นอกจากนี้หลินหยุนเองจะต้องถูกบังคับให้ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทภายในเวลาสิบวันทำการ

หลินหยุนถูกจับเข้าคุกเพื่อรอศาลตัดสิน ระหว่างนั้นเองเขาก็ได้รับข่าวสารทั้งหมดที่เกอดขึ้น กล่าวได้ว่าแทบเป็นลมในห้องขัง

อย่างไรก็ตรมแต่ กฎหมายไม่เคยปราณีผู้กระทำความผิด และเขาจำต้องปฎิบัติตามกฎแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม

สิบวันต่อมาจ้าวเฉียนเดินทางทางมาเยี่ยมหลินหยุนถึงในห้องขัง

“แกมาทำไม? มาหัวเราะเยาะฉัน?”

หลินหยุนกล่าวน้ำเสียงดูโกรธเกรี้ยวไม่น้อย

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“ประธาน…อุ๊บไม่สิ! คุณหลิน อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ วันนี้ผมมาหาคุณเพราะเจตนาดีนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้กับผมแล้วล่ะ?”

หลินหยุดกัดฟันดังกรอด คำรามเสียงโตขึ้นลั่น

“แกอย่ามาอวดดีต่อหน้าฉัน! คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่า ทำไมเป็นฝีมือของใคร? ฉันประเมินแกต่ำไปจริงๆ กระทั่งสื่อหลักทุกช่องแกก็ยังสามารถควบคุมได้ นี่แกเป็นใครกันแน่!?”

จ้าวเฉียนอดยิ้มเล็กน้อย กล่าวตอบไปว่า

“คุณหลินประเมินผมสูงเกินไปแล้ว ฉันจะไปมีเส้นสายขนาดนั้นได้ยังไง? ที่ผมจะมาบอกวันนี้ก็คือ…ไม่สิ ต้องเรียกว่า…ผมแจ้งข่าวกับคุณในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทจินหยวน ณ ปัจจุบัน ทุกอย่างที่คุณสร้างมากับมือ…มัน เป็น ของ ผม แล้ว!!”

หลินหยุนบีบมือจับลูกกรงแน่นจนแดงก่ำ ดวงตาของเขาราวกับปีศาจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความอาฆาต เขาจ้องเขม็งมองจ้าวเฉียนอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปบีบคอจ้าวเฉียนอย่างแรง!

“กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!!”

ตำรวจเฝ้าห้องขังเก็นแบบรนั้นก็รีบจับหลินหยุนแยกออกกับจ้าวเฉียน และยุติการเยี่ยมนักโทษทันที

จ้าวเฉียนเดินจากโรงพักออกมา และโทรหาหยางหมิงทันที

หยางหมิงในปัจจุบันราวกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ช่วงเวลาที่ผ่านมาถือเป็นจุดเลวร้ายที่สุดในชีวิต เขาไม่คิดไม่ฝันแม้สักนิกว่า จ้าวเฉียนจะเอาจริงถึงพริกถึงขิงขนาดนี้ โดยการฆ่าตระกูลหลินทั้งเป็น กล่าวได้ว่านรกบนดินของแท้ พอเห็นจ้าวเฉียนโทรมาหา เขาสะดุ้งทันทีด้วยความหวาดวิตก

ถึงแบบนั้นหยางหมิงไม่มีทางพ้นจากความจริงไปได้ จึงทำได้แค่กดรับสายโทรศัพท์ และเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนว่า

“นาย…นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“แหม…นายน้อยหยางครับ คำแรกก็ทักทายกันแบบนี้แล้ว? แค่คิดถึงเลยอยากโทรหาเฉยๆครับ หุหุ…แล้วช่วงนี้นายน้อยหยางสบายดีไหม?”

หยางหมิงแทบร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งภายในใจ น้ำเสียงของจ้าวเฉียนมันสดใสเสียเหลือเกิน

หยางหมิงไม่ต้องการสนทนากับจ้าวเฉียนอีกต่อไปแล้ว เพราะเขารู้สึกอึดอัดเต็มทนจึงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“อย่ามพูดจาเหลวไหล! ถ้าไม่มีอะไรแล้ว แค่นี้แหละ…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวเฉียนค่อยๆจางหายไปในทันใด น้ำเสียงแสนสงบนิ่งจนดูน่ากลัวเปล่งดังขึ้นว่า

“ไม่มีอะไรมาก แค่อยากจะถามคุณหน่อยว่า ยังจำข้อตกลงระหว่างผมกับคุณได้อยู่ไหม?”

หยางหมิงอุทานขึ้นด้วยความตกใจทันที

“ข้อ…ข้อตกลงอะไรอีก?”

จ้าวเฉียนไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหยางหมิงเป็นแบบนี้ เขาเอ่ยตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรคึรับ ดูเหมือนว่านายน้อยหยางจะเป็นพวก ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าสร้างปัญหาให้ผมอีก ดูท่าจะไม่ฟังคำเตือนผมเลยนะ”

หยางหมิงนึกออกทันทีว่าเรื่องอะไร พลางใจชื้อขึ้นมาทันที

“ได้! งั้นฉันจะรอดูว่านายจะทำอะไรฉันได้บ้าง! ฮ่าฮ่า…”

“โอ๊ะ? ดูเหมือนจะจำได้แล้ว ไม่กลัวรูปถ่ายกับคลิปวีดีโอของสองสตีมเมอร์ชื่อดังในมือผมแล้วสินะ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้น

“ฮ่าฮ่า…ทางเฟยอวี่ของเรายกเลิกสัญญากับสตีมเมอร์สองคนนั้นไปแล้ว และพวกเขาไม่ถือว่าเป็นคนของแพลตฟอร์มเฟยอวี่อีกต่อไป! ต่อให้นายจะใช้พวกสื่อหลักปล่อยภาพและคลิปพวกนั้นออกไป มันก็ไม่กระทบพวกเราเท่าไหร่ ก็ดีเหมือนกันนะที่จะมีข่าวฉาว ทางเราจะได้ใช้โอกาสนี้บอกกับทุกคนไปเลยว่า แพลตฟอร์มเฟยอวี่ของเราตอนนี้ขาวสะอสดแล้ว! ฮ่าฮะ-….”

“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ….”

ยังไม่ทันที่หยางหมิงจะได้หัวเราะ กลับเป็นฝ่ายจ้าวเฉียนที่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นแทรกออกมา และจู่ๆสายก็ถูกตัดไปทันที

จ้าวเฉียนกดตัดสายทิ้งพลางแสยะยิ้มฉีกกว้างในทันใด ถึงคิวชำระแค้นกับเฟยอวี่แล้ว

จ้าวเฉียนโทรหาประธานบริษัทภาพยนตร์ในเครือของจ้าวฝู่ต่อโดยเร็ว

“หนังที่นำแสดงโดยสตีมเมอร์สองคนนั้นจาค่ายเฟยอวี่ เข้าฉายวันไหน?”

“วันที่หนึ่งเดือนหน้าครับ เหลือเวลาอีกห้าวัน”

ประธานบริษัทภาพยนตร์กล่าวตอบไปตามจริง

“เดี๋ยวฉันจะนำข่าวฉาวของสองคนนั้นเผยแพร่ออกไป ทั้งเรื่องมัวเซ็กกับติดยา หลังจากนั้นนายเตรียมฟ้องเฟยอวี่ได้เลย เอาให้หนัก!”

ประธานที่ได้ยินแบบนั้นพลันรู้สึกมึนงงอย่างยิ่ง เขารีบตอบกลับไปว่า

“คุณชายจ้าว แต่หนังเรื่องนี้ทางเราทุ้มทุนไปกว่า300ล้านนะครับ ถ้าทางกรมควบคุมภาพยนตร์รับทราบข่าวดังนี้ พวกเราไม่มีโอกาสฉายแน่นอน”

แค่300ล้าน จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แถมนอกจากนี้ทางบริษัทภาพยนตร์เองก็ยังสามารถเรียกร้อยค่าเสียหายจากเฟยอสี่และนักแสดงนำทั้งสองได้อีกโดยไม่ต้องมีทุนใดๆ แค่เสียเวลานิดหน่อยเท่านั้น

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่สบายใจเรื่องนี้เดี๋ยวผมจ่ายให้เป็นการส่วนตัว ตอนนี้ผมกำลังคุยกับทาฉวาหยินกรุ๊ป พวกเรามีโปรเจคจะสร้างหนังแนวรถแข่งอารมณ์แนว fast and furious เวอร์ชั่นจีนน่ะ ผมจะให้คุณเข้ามาจัดการเองในเวลานั้น รับรองได้ว่าหนังเรื่องนี้จะต้องโกนกำไรได้อย่างมหาศาล”

พอได้ยินจ้าวเฉียนกล่าวยืนยันแบบนั้น ประธานคนดังกล่าวก็ไม่กล่าวค้านอะไรอีกเลย เขารีบตอบกลับไปทันทีว่า

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะแจ้งทนายดำเนินความทันที รอคุณชายจ้าวปล่อยข่าวฉาวครับ”

จ้าวเฉียนฮัมเพลงพลางกดวางสายไปทันที และโทรสายต่อหาหยางหู่อีกรอบ

หยางหู่ช่วงนี้กำลังยุ่งอยู่เช่นกัน เขาจำต้องจัดการเรื่องธุรกิจของตัวเองและเรื่องของคุณชายจ้าวที่มอบหมายมาให้

ถึงแบบนั้นหยางหู่ก็ไม่รู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิดใดๆ เพราะหลายสิ่งอย่างที่จ้าวเฉียนมอบให้แก่เขา มันก็มากเกินพอที่จะตอบแทนได้ไหว ในทางตรงข้าม เขารู้สึกมีความสุขเสียมากกว่าที่คุณชายจ้าวเลือกที่จะเชื่อใจและมอบหมายงานสำคัญๆให้แก่ตน

หยางหู่ยิ้มถามอย่างกระชับกระเชิงว่า

“ว่าไงครับคุณชายจ้าว มีอะไรให้รับใช้ครับ?”

“จำพวกคลิปกับรูปภาพของหวงต้าหมิงกับหลี่เสี่ยวปิงได้ไหม สตีมเมอร์สองคนนั้นของค่าเฟยอวี่น่ะ ฉันได้ยินมาว่าสองคนนั้นออกจากเฟยอวี่แล้ว และอีกห้าวันหนังที่พวกเขาแสดงก็กำลังจะฉสาย ถึงเวลาที่นายต้องดำเฟยอวี่ลงบ่อโคลนแล้ว”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด”

“โทษทีนะ ช่วงนี้ฉันใช้นายทำงานหนักๆทั้งนั้น ถ้าทุกอย่างเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงดินเนอร์นายเอง”

หยางหู่รู้สึกปราบปลื้มใจจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เขารับตอบกลับไปทันที

“คุณชายจ้าวสุภาพเกินไปแล้วครับ นี่เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว ดังนั้นคุณชายอย่าพูดแบบนั้นเลยครับ”

จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวว่า

“นี่เป็นสิ่งที่นายควรได้แล้ว วันข้างหน้าฉันก็อยากได้คนที่ไว้ใจได้อย่างนายมาอยู่เคียงข้างนี่แหละ”

หยางหู่ทุบอกตัวเองกล่าวรับประกันกับจ้าวเฉียนทันทีว่า

“รับทราบครับ! คุณชายจ้าวรอฟังข่าวดีได้เลย ผมไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน!”

หลังจากวางสายไป หยางหู่ถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ผู้สืบทอดมหาเศรษฐีระดับประเทศอย่างจ้าวเฉียนถึงกับบอกเองว่า เขาต้องการคนที่ไว้ใจได้อย่างหยางหู่ นี่หมายความว่ายังไง? ในอนาคตต่อไปเมื่อคุณชายจ้าวเข้ามาสืบทอดธุรกิจ เขาอาจจะได้กลายมาเป็นมือขวาคนสำคัญของคุณชายจ้าว และได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญๆและความดีความชอบอีกมากมาย ดังนั้นแล้วเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินทองอีกตลอดชาติ

เช้าวันรุ่งขึ้น พาดหัวข่าวประเด็นร้อนแรงที่สุดของสื่อหลักทุกช่องและเว็บไซต์ทั้งหมดถูกแทนที่อย่างรวดเร็ว และนี่ไม่ใช่ข่าวของหลินหยุนอีกต่อไป แต่เป็นข่าวของหวงต้าหมิงและหลี่เสี่ยวปิงแทน รวมไปถึงเรื่องราวดำมืดของแพลตฟอร์มเฟยอวี่

“ช็อกทั้งวงการ!! สตีมเมอร์ชื่อดัง หวงต้ามิงแอบเสพยาและมีสัมพันธ์สวาทกับไซด์ไลน์กว่ายี่สิบคนในคืนเดียว!”

“ฝันหวานของเหล่าชายหนุ่มต้องพังทลาย! หลี่เสี่ยวปิง สตีมเมอร์สาวสุดน่ารักของชายหลายคน ควงป๋าวัยกลางคนเข้าโรงแรมม่านรูด! จัดปาร์ตี้เสพยาร่วมกับหวงต้าหมิง พร้อมเซ็กหมู่สุดเร้าใจ!”

“นี่หมายความว่าอะไร?! แพลตฟอร์มชื่องดังเฟยอวี่ เผชิญหน้ากับคดีฉ้อโกงครั้งใหญ่! โกงเงินค่าตัวของสตีมเมอร์ในสังกัด!”

“ข่าวฉาวล้นทะลักเกินปกปิด! เฟยอวี่กรุ๊ปถึงคราวซวย! เลี่ยงภาษีพร้อมแสดงข้อมูลเท็จต่อภาครัฐ! ทั้งข่าวฉาวของอดีตสตีมเมอร์ชื่อดังสังกัดแพลตฟอร์มเฟยอวี่ และข่าวดำมืดของบริษัทดังกล่าวที่ประโคมเข้ามาไม่หยุดหย่อน เรื่องราวเหล่านี้เข้ากระทบกับบริษัทแม่อย่างเฟยอวี่กรุ๊ปในท้ายที่สุด!”

….

จ้าวเฉียนกำลังรับประทานอาหารเช้าพลางปัดหน้าจออ่านข่าวร้อนแรงประจำวัน พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างพึงพอใจ

หยางหู่ทำงานได้รวดเร็สทันใจดีมาก แถมเรื่องราวข่าวฉาวทั้งหมดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ตอนนี้กรมภาษีและกรรมการตรวจสอบทระพย์สินของภาครัฐได้ทำการเข้ามาตรวจสอบช่องทางการโอนเงินของเฟยอวี่กรุ๊ปอย่างจริงจังแล้ว กล่าวได้ว่า สองพ่อลูกตระกูลหยางถึงคราวชะตาขาด

“โอ้? สองพ่อลูกคู่นี้ทำเรื่องไว้ไม่น้อยเลยนี่หว่า… ฮ่าฮ่า…”

จ้าวเฉียนหัวเราะพลางกล่าวกับตัวเองอย่างมีความสุข

แต่ทันใดนั้นเอง หยางหมิงก็โทรเข้ามาหา แต่จ้าวเฉียนกลับปฏิเสธที่จะรับสาย

ไม่กี่วินาทีต่อมา หยางหมิงโทรเข้าหาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้จ้าวเฉียนถึงกับตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื้อใย

หยางหมิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข้อความมาหาแทน

“รีบรับโทรศัพท์ฉันเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นฉันจะหาคนแฮ็กแก!”