ตอนที่ 625

Elixir Supplier

625 สายฝนบนเนินเขาที่ว่างเปล่า

 

“มีอย่างอื่นอีกไหมครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“ไม่มีแล้วล่ะครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ผมจะจำเอาไว้ ขอบคุณมากนะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด สำหรับเขาแล้ว กฎของหวังเย้าซับซ้อนและแปลกประหลาดน้อยกว่าราชายามาก

 

“พวกคุณอยู่ที่นี่ก็ตามสบายได้เลยนะครับ ผมขอตัวกลับไปหาหมอหวังก่อน” ซุนหยุนเชิงพูด

 

หลังจากช่วยเหลือเจิ้งชื่อฉงและคนทั้งหมดที่เขาพามาด้วยเรียบร้อยแล้ว ซุนหยุนเชิงก็กลับไปที่คลินิกของหวังเย้า “หมอหวัง”

 

“คนพวกนั้นเป็นใครกันเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“คุณเคยได้ยินชื่อ บริษัทยาซวนหวงไหมครับ?” ซุนหยุนเชิงถาม

 

“ครับ มันเป็นบริษัทใหญ่ของทางใต้” หวังเย้าพูด

 

“บริษัทนี้เป็นของตระกูลเจิ้งครับ คนไข้เป็นลูกชายคนที่สองของเจ้าของบริษัทคุณเจิ้งชื่ออัน ชื่อว่า เจิ้งเหว่ยจวิน” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“ผมเข้าใจแล้ว ดื่มชาสักหน่อยนะ” หวังเย้าชงชาให้กับซุนหยุนเชิง

 

“ขอบคุณครับ หมอหวัง” ซุนหยุนเชิงลุกขึ้นยืน

 

“นั่งเถอะครับ อาการของคุณเจิ้งหนักมาก ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่างที่ผมได้อธิบายกับครอบครัวของเขาไปก่อนหน้านั้นแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ครับ แล้วผมก็บอกเรื่องกฎของคุณกับพวกเขาไปแล้วด้วย” ซุนหยุนเชิงพูดอย่างสงบ

 

“ดีครับ พวกเขาดูเป็นคนฉลาดดีนะครับ” หวังเย้าพูดนิ่งๆ

 

“ใช่ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

เขาได้อธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจิ้งชื่อฉงและเจิ้งชื่อจวินให้หวังเย้าฟัง เจิ้งชื่อฉงนั้นเป็นหลานของเจิ้งชื่ออัน ถือว่าเป็นญาติสนิทกันมาก ซุนหยุนเชิงไม่ได้อยู่ที่คลินิกนานนัก เขาได้กลับไปคุยกับเจิ้งชื่อฉงเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินทางออกไปจากหมู่บ้าน

 

เจิ้งชื่อฉงและคนของเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่ดีที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้

 

“ลุงหวู ลุงคิดว่า หมอหวังคนนี้เป็นยังไง?” เจิ้งชื่อฉงถาม เขาคุยอยู่กับชายวัยประมาณ 50 อยู่ภายในห้องทำงาน

 

“ฉันเคยเห็นซุนหยุนเชิงตอนที่ยังป่วยหนักมากมาก่อน ตอนนั้น อาการของเขาแย่มาก ฉันคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าเขาจะรอดมาได้ ถ้าหมอคนนี้สามารถรักษาซุนหยุนเชิงได้จริง เขาก็จะต้องเป็นหมอที่เก่งมากๆ และก็อาจจะสามารถรักษาเหว่ยจวินได้ด้วย” ชายวัยประมาณ 50 พูด “มีเรื่องเดียวก็คือ เราคงต้องอยู่ที่นี่กันไปสักพัก แม้แต่ราชายาก็ไม่สามารถรักษาเหว่ยจวินให้หายได้ในเวลาสั้นๆ”

 

“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่เหว่ยจวินอาการดีขึ้น จะอยู่เป็นปีปีผมก็อยู่ได้ แต่ลุงคงต้องอยู่กับพวกเราไปอีกสักพักนะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“ไม่เป็นไรหรอก ชื่อฉง” ชายวัย 50 พูด

 

พ่อแม่ของหวังเย้า ถามเขาเรื่องของเจิ้งเหว่ยจวินในตอนที่ทานมื้อกลางวันด้วยกัน ทุกคนในหมู่บ้านต่างกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่ เขาจึงบอกรายละเอียดให้พ่อแม่ของเขาได้รู้อย่างคร่าวๆ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไป

 

เขาไม่ได้กลับไปที่คลินิกในตอนบ่าย แต่กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานเพื่อทำยาสำหรับรักษาเจิ้งเหว่ยจวิน ซึ่งเป็นยาที่ใช้สำหรับฟื้นฟูความแข็งแรงของร่างกาย

 

หวังเย้ายังทำซุปเป่ยหยวนด้วย เพราะตัวของเจิ้งเหว่ยจวินนั้นป่วยหนักมาก เขาจึงจำเป็นต้องได้รับยาที่ช่วยบำรุงสุขภาพของเขาโดยเร็วที่สุด สมุนไพรทั่วไปไม่สามารถใช้กับเขาได้ ในเมื่อตระกูลเจิ้งมีกำลังทรัพย์มากพอ หวังเย้าจึงเลือกใส่สมุนไพรรากเพิ่มลงไปในตัวยาด้วย

 

เขาใส่ทั้งโสม, โก๋วฉี่, หวงจิง, เชี่ยนฉือ, หลินจือ, ชานจิง, และกุยหยวนลงไปในหม้อต้มยา สมุนไพรรวมตัวกันอยู่ภายในหม้อ ด้วยคุณสมบัติของกุยหยวน จึงทำให้ตัวยาทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันได้อย่างดี แล้วกลิ่นสมุนไพรก็ลอยออกมาจากหม้อ

 

นี่เป็นสมุนไพรที่เขาทำขึ้นมาบ่อยมากที่สุด หวังเย้าไม่มีทางทำผิดพลาดในแต่ละขั้นตอน ไม่นาน เขาก็ต้มยาเสร็จ

 

เขาไม่ได้รีบลงไปจากเนินเขาหนานชานในทันที แต่เลือกที่จะจดบันทึกอาการของเจิ้งเหว่ยจวินลงไปในสมุดอย่างละเอียด ซึ่งมันเป็นเคสรักษาที่หาได้ยากมาก

 

ภายในบ้านของซุนหยุนเชิง เจิ้งชื่อฉงหันหน้าไปหาชายวัย 50 และถามออกไปว่า “ลุงหวู อยากจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยไหมครับ?”

 

ชายชราตอบตกลง

 

ด้านนอกฝนยังคงโปรยลงมาบางๆอยู่ ชายทั้งสองใช้ร่มตัวเดียวกัน และเดินไปตามถนนสายหลักของหมู่บ้านอย่างช้าๆ

 

ภายในหมู่บ้านเงียบสงบ พวกเขาได้ยินเพียงเสียงของสุนัขและไก่เป็นครั้งคราวเท่านั้น ตั้งแต่เกิดเรื่องโรคระบาดขึ้นคราวนั้น ก็มีชาวบ้านแค่ไม่กี่คนที่ยังคงเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ในบ้าน รายได้หลักของชาวบ้านนั้นได้จากการทำไร่และขายสัตว์ หลายๆหลายจึงมีรายได้ลดลงไปด้วย

 

“หมู่บ้านเงียบมากจริงๆ” คุณหวูพูด

 

“ใช่ครับ เทียบกับทางใต้แล้วต่างกันมาก” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“ใช่” คุณหวูพูด

 

ทางใต้อากาศค่อนข้างชื่นกว่า เขตชนบทที่ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำแยงซีนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับทางเหนือของแม่น้ำแยงซี ที่มีลำธารและแม่น้ำสายเล็กอยู่ทั่วที่ในทิศใต้

 

เจิ้งชื่อฉงและคุณหวูแทบไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาและท่องเที่ยวมาทางเหนือเลย

 

“นี่เป็นโอกาสพักผ่อนที่หาได้ยากสำหรับพวกเรามาก” เจิ้งชื่อฉงพูด พร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

“ช่วงนี้ เธอต้องวิ่งรอกไปทั่วเพราะเรื่องคุณชายเหว่ยจวินตลอดสินะ” คุณหวูพูด “ทั้งยูนนาน, ตะวันตกเฉียงเหนือ, ตะวันออกเฉียงเหนือ… เธอไปทั่วทุกที่ ฉันว่า เธอคงจะเหนื่อยมากเลยสินะ”

 

“เลิกเรียกเขาว่าคุณชายเถอะครับ เขาเป็นเด็กรุ่นหลัง คุณสามารถเป็นปู่ของเขาได้เลยด้วยซ้ำ การเรียกเขาว่าคุณชายมันดูจะมากเกินไปนะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

ในตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็เดินมาถึงใต้สุดของหมู่บ้าน และเห็นหญิงสาวกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีเดินลงมาจากเขาเข้าพอดี

 

“พี่ ต้นไม้พวกนั้นดูใหม่มากเลย หมอหวังจะต้องใช้พวกมันปิดทางเข้าไปในค่ายกลของเขาแน่ๆ” เด็กหนุ่มพูด

 

เขาและพี่สาวเพิ่งจะขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานมา และเห็นต้นไม้ชุดใหม่ที่หวังเย้าเพิ่งปลูกไปได้ไม่นาน

 

“พี่ว่า หมอหวังคงมีเหตุผลของเขาที่ต้องทำแบบนั้น” เฉินหยิงพูด

 

อยู่ๆเธอก็ชะงักไป “ผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นดูร้ายกาจมาก!” เธอสังเกตเห็นเจิ้งชื่อฉงที่อยู่ห่างจากเธอกับฉินโจวไปไม่ไกล

 

“ไม่คิดเลยว่า จะได้มาเจอกับหญิงสาวที่โดดเด่นในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้” ชายวัย 50 พูด

 

“ลุงหวู พวกเขาไม่ใช่คนหมู่บ้านนี้หรอกครับ ผมเคยเจอผู้หญิงคนนั้นมาครั้งหนึ่ง ผมจำเธอได้ แต่เธออาจจะจำผมไม่ได้” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“จริงเหรอ?” คุณหวูถามด้วยความสงสัย

 

“ช่างมันเถอะครับ เราไปกันดีกว่า” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

ทั้งสองฝ่ายต่างเดินสวนกันไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“พวกเขามาจากปักกิ่งครับ ผมไม่แน่ใจว่า พวกเขาจะมาที่นี่เพื่อรับการรักษาเหมือนกันรึเปล่า” เจิ้งชื่อฉงพูดขึ้นมา หลังจากที่เฉินหยิงและเฉินโจวเดินไปไกลแล้ว

 

“ปักกิ่งหรอ?” คุณหวูรู้สึกประหลาดใจ

 

“ใช่ครับ ตระกูลซูจากปักกิ่ง” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“ตระกูลซูไหนเหรอ?” คุณหวูถาม

 

“ก็ตระกูลซูที่ทุกคนรู้จักนั่นแหละครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“จริงเหรอเนี่ย?” คุณหวูประหลาดใจอย่างมาก

 

ฝนตกลงมาเรื่อยๆไปจนกระทั่งถึงเวลาเย็นจึงหยุดลง หวังเย้ายังคงอยู่บนเนินเขาหนานชาน

 

แกร๊ก! เขาเปิดประตูกระท่อมและเดินออกมา

 

โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่า

 

หวังเย้าได้ยินเสียงดังครืน “หืม?”

 

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและจากนั้น ก็ก้มลงมองที่พื้นดิน มันเป็นเสียงากท้องฟ้าหรือพื้นดินกันนะ? หรือว่าจากทั้งสอง?

 

เขาชูแขนข้างหนึ่งขึ้น โดยหันฝ่ามือไปหาท้องฟ้า “สายลม!” เขาสะบัดมือเพื่อนำพาสายลมเข้ามา

 

“สายฝน!” หวังเย้าตะโกน แล้วอยู่ๆฝนก็เริ่มตกหนักขึ้น

 

หวังเย้าหัวเราะออกมา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาไม่ไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น

 

โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าออกมาราวกับกำลังจะพูดว่า “นายบ้าไปแล้วเหรอ?”

 

“กลับเข้าไปพักในบ้านหมาของนายเถอะ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วยื่นมือไปลูบศีรษะของซานเซียน

 

ฝนหยุดตกในตอนกลางดึกของคืนนั้น พระอาทิตย์ขึ้นในเช้าตรู่ของอีกวัน

 

หลังจากที่ฝนหยุดตก อากาศก็เริ่มเย็นลงเล็กน้อย อากาศหลังฝนตกก็ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างมาก

 

หวังเย้าเดินไปที่คลินิกของเขา หลังจากนั้นไม่นาน เจิ้งชื่อฉงก็มาหาเขาที่คลินิก

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ เชิญนั่งก่อนสิครับ ยาพร้อมแล้ว ผมจะเอายาไปให้หลานชายของคุณพร้อมกันกับคุณเลย” หวังเย้าพูด

 

พวกเขาเดินไปที่บ้านของซุนหยุนเชิงพร้อมกับตัวยา เจิ้งเหว่ยจวินยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง

 

“เอายาให้เขากินทีครับ” หวังเย้าแนะนำปริมาณที่ควรใช้ไว้ก่อนแล้ว

 

คุณหวูนำยาป้อนให้กับเจิ้งเหว่ยจวินหนึ่งถ้วยเล็ก

 

หวังเย้านั่งลงที่ข้างเตียงและจับดูชีพจรของเจิ้งชื่อฉงทุกๆ 30 นาที ในเมื่อชายหนุ่มยังคงหลับอยู่ หวังเย้าก็ไม่สามารถถามอาการอะไรจากเขาได้

 

“หมอคิดว่า เขาจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่เหรอครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“พรุ่งนี้เช้าครับ” หวังเย้าพูด “ถ้าเขาตื่นแล้ว ช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ”

 

“ได้ครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

หลังจากมั่นใจแล้วว่า ร่างกายของเจิ้งเหว่ยจวินไม่มีปัญหาอะไรแล้ว หวังเย้าก็กลับไปที่บ้าน

 

ทันทีที่หวังเย้าจากไป คุณหวูก็เดินเข้าไปดูอาการของเจิ้งเหว่ยจวินอีกครั้ง

 

“ลุงหวู เขาเป็นยังไงบ้างครับ?” เจิ้งชื่อฉงถาม

 

“ยาได้ผลดีมาก! มันวิเศษมากเลยล่ะ” คุณหวูพูด

 

ในฐานะที่เป็นแพทย์คนหนึ่ง เขาจะรู้ได้ทันทีว่าตัวยานั้นได้ผลหรือไม่ แล้วเขาก็ยังเป็นหมอจีนอีกด้วย ทันทีที่เขาจับดูชีพจรของเจิ้งเหว่ยจวิน เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่า ตัวยานั้นมีผลอย่างไร

 

“ยาอยู่ไหนเหรอ?” คุณหวูถาม

 

“นี่ครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

คุณหวูเทยาออกมาจิบดูเล็กน้อย “มันมีโสม, เชี่ยนฉือ, โก๋วฉี่, หวงจิง, และหลินจือ ไม่สิ! ถ้ามีสมุนไพรอยู่แค่นี้ มันไม่มีทางมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้ได้หรอก มีอะไรใส่อยู่ในนี้อีกนะ?” เขาขมวดคิ้ว เพราะไม่สามารถจำแนกสมุนไพรที่อยู่ในตัวยาได้

 

“ลุงหวู อย่าสนใจเรื่องส่วนผสมในยามากเลยนะครับ” เจิ้งชื่อฉงพูด

 

“อืม ฉันแค่สนใจเรื่องพวกนี้มากไปหน่อยน่ะ” คุณหวูพูดด้วยรอยยิ้ม

 

เขาเคยลองพยายามวิเคราะห์สูตรยาของลูกศิษย์ราชายามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง เขาต้องใช้เวลาศึกษาอยู่นานมาก เขาบอกกับตัวเองว่า เขาจะต้องรู้ส่วนผสมของมันให้ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องล้มเหลว และตอนนี้ เขาก็กำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันอีกครั้ง

 

“เขาเป็นหมอที่เก่งกาจมาก ฉันนับถือเขาจริงๆ” คุณหวูพูด

 

“เราเลิกพูดเรื่องของเขาและมาดื่มชากันดีกว่านะครับ” เจิ้งชื่อฉงชงชามาให้คุณหวู “เมื่อคืน ผมได้ค้นดูอินเตอร์เรื่องของหมู่บ้านนี้ คุณรู้อะไรไหมครับ ว่าหมู่บ้านแห่งนี้เคยเกิดเรื่องร้ายขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง”