บทที่ 415

บทที่ 415

หลังถังหยินพูดจบพวกแม่ทัพต่างก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขามองอิงปูก่อนพูด “ท่านอิงปูคิดว่าไง ?”

แน่นอนว่าเขาย่อมเห็นด้วยกับหัวข้อนี้ แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเป้าหมายของถังหยินคืออะไร “ทำแบบนี้จะไม่ขัดต่อกฎหรือนายท่าน ?”

ชายหนุ่มหัวเราะ “กฎมันก็เปลี่ยนกันได้ ข้าแค่อยากได้ความเห็นจากเจ้าก็เท่านั้น”

อิงปูมองลูกน้องของเขาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปคุกเข่าตรงหน้าถังหยิน “พวกเราฝันอยากจะกลับไปรวมตัวกับครอบครัวอีกครั้ง การที่นายท่านยอมขัดกฎแบบนี้ พวกเราซึ้งใจยิ่ง !!”

จากนั้นพวกแม่ทัพบาก็พากันลุกขึ้นมาแล้วคุกเข่าให้เรียงคน

สิ่งที่ถังหยินทำดูเหมือนว่าจะเป็นการแก้ปัญหา ทว่า เรื่องของเรื่องคือทางผ่านบานั้นสำคัญมากจนต้องให้ครอบครัวของพวกทหารเป็นตัวประกันที่เมืองหลวง แล้วถ้าเกิดว่ามันกลับตาลปัตรกันจะเกิดอะไรขึ้น ?

จีหยิงไม่ได้พูดอะไรสักคำ ส่วนอู่เหมยเองก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ๆ แล้ว เลยรีบสะกิดถังหยิน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “พวกท่านทำอะไรกัน ลุกขึ้นได้แล้ว !!”

ทุกคนที่คุกเข่าเงยหน้ามองถังหยิน “ถ้าหากนายท่านพาครอบครัวของพวกเรามาที่นี่ได้ พวกเราจะรับใช้นายท่านจนตัวตาย !!”

“ถ้าหากนายท่านทำให้พวกเราได้ พวกเราก็พร้อมที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อนายท่าน !”

การที่จะให้พวกทหารปกป้องสถานที่สำคัญได้ จะต้องทำให้พวกเขาอยากจะทำงานนี้จริง ๆ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องมีตัวประกันหรืออะไรทั้งนั้น และการที่ถังหยินทำแบบนี้มันจะช่วยปลูกฝังความจงรักภักดีให้กับพวกเขามากกว่าใช้กำลังบังคับ !

ชายหนุ่มเดินไปดึงตัวทุกคนให้ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว “พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ข้าเป็นคนรักษาสัญญา นอกจากนี้ข้าจะจัดให้มีพื้นที่พิเศษนอกทางผ่านบาเพื่อครอบครัวของพวกเจ้าด้วย ทีนี้ถ้าพวกเจ้าอยากจะเจอหน้าครอบครัวก็ไม่ต้องกลับไปที่เมืองหลวงอีกแล้ว”

“ขอบคุณนายท่าน !”

คำพูดของถังหยินเพียงเล็กน้อยสามารถแก้ไขปัญหาตลอดกาลของพวกทหารที่นี่ได้ แม้ว่าเขาจะยังเป็นแค่ผู้ว่ามณฑล แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขามีอำนาจมากเสียจนทางราชสำนักจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน

พวกแม่ทัพดีใจกันมากรวมไปถึงอิงปูด้วย

ถังหยินมองพวกเขาแล้วยิ้มให้กับอิงปู “ทางผ่านบาไม่เล็กเลย ในอนาคตท่านอิงปูจะต้องพาครอบครัวมาอยู่ด้วยได้แน่”

อิงปูปลาบปลื้มใจที่ถังหยินยังมอบโอกาสนี้ให้กับเขาด้วย ไม่ใช่แค่พวกแม่ทัพที่สามารถพาครอบครัวมาที่นี่ได้ แต่รวมไปถึงเขาด้วย !!! เพราะตำแหน่งของเขานั้นพิเศษมากจนไม่คิดว่าจะได้รับเหมารวมอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าให้กับถังหยินอย่างรวดเร็ว

อาหารมื้อนี้แม้จะดูธรรมดา แต่สำหรับพวกแม่ทัพบาแล้ว มันเป็นมื้อที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขาเลยทีเดียว !!!

หลังจากมื้อเย็น ถังหยินก็ออกมาตรวจตรากองทัพของจีหยิง

เมื่อออกมาจากจวนแม่ทัพ เขาก็พลันหันมองซ้ายขวาและไม่เห็นใครทั้งนั้น …จนกระทั่งจีหยิงวิ่งเข้ามา “นายท่านตัดสินใจเร็วเกินไปแล้ว”

“ใช่ กฎนี้น่ะใช่ว่าจะเปลี่ยนได้ง่าย ๆ นะ” อู่เหมยเองก็พูดด้วยความหงุดหงิด

ถังหยินมองทั้งสองแล้วพูด “กฎนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เราบัญญัติขึ้น และ ในเมื่อข้าต้องการให้อิงปูเป็นแม่ทัพที่ทางผ่านบา ข้าก็ต้องได้รับความภักดีจากเขาเสียก่อน”

คำพูดนี้ทำให้จีหยิงใจสั่นและไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่อู่เหมยพูดด้วยความไม่พอใจ “อิงปูกับข้าน่ะเทียบกันไม่ได้หรอกนะ”

ถังหยินส่ายหัว เขาไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ในมุมมองของเขาตราบเท่าที่หน่วยข่าวของเขายังอยู่ที่นี่ มันจะไม่มีอะไรรอดสายตาจากเขาไปได้

แม้เขาจะพูดเองว่าจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างไม่ต้องมีความเคลือบแคลงใจกัน แต่ในใจของชายหนุ่มนั้นไม่เคยลดความระมัดระวังเลย

หลังจากพักที่ทางผ่านบาทั้งวัน เช้าวันต่อมาหน่วยข่าวกรองของเขาก็เข้ามาบอกว่าซ่งเทียนและพวกหนิงได้หนีไปยังเกาฉวนและรวมตัวกับเสี่ยวฉางแล้ว

ถังหยินที่ได้ยินดังนั้นก็พลันทำเสียงเย้ยหยั่น เพราะต่อให้ซ่งเทียนหนีไปที่ไหนเขาก็สามารถส่งทหารตามไปจัดการได้อยู่ดี แถมนี่ยิ่งดีเสียด้วย เพราะจะได้เป็นการถอนรากถอนโคนพวกคนทรยศให้หมดไปในคราเดียว !!

ว่าแล้วเขาก็จึงได้จัดตั้งทหารให้ออกเดินทางไปยังตะวันออกเฉียงเหนือในทันที

อิงปูและทุกคนที่เห็นว่าถังหยินกำลังจะออกเดินทางก็ได้ออกมาร่ำลากัน ซึ่งพวกเขาก็ดูจะให้ความเคารพถังหยินมากกว่าแต่ก่อนเสียอีก “ถ้าข้าไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่องที่นี่ ข้าคงเดินทางไปกับนายท่านแล้ว”

ถังหยินยิ้มให้ “การที่เจ้าอยู่ปกป้องที่นี่ ….เพียงเท่านี้มันก็ถือว่าทำให้ข้าวางใจแล้วล่ะ”

อิงปูพูดต่อด้วยความกังวล “แม้ว่าเกาฉวนจะมีสองเขต สามเมืองใหญ่ และสี่เมืองเล็ก แต่สภาพแวดล้อมก็อันตรายมากเพราะเป็นภูเขาเสียมาก ดังนั้นท่านจะต้องระวังตัวให้ดี”

ถังหยินพยักหน้าให้กับคำแนะนำนี้

พื้นที่รอบเกาฉวนนั้นลาดชันและอันตรายมาก มีภูเขาสูงมากแถมตัวเมืองยังตั้งอยู่ในภูเขาอีก และแม้ว่าจะมีพื้นที่ทุ่งราบอยู่บ้าง แต่เมื่อเข้าไปลึก ๆ ก็จะเจอกับภูเขามากมายจนเส้นทางแคบชันยิ่ง

วันนี้… ในที่สุดถังหยินและคนของเขาก็เดินทางมาจนถึงเส้นทางหลวงที่แคบและเป็นรูปวงแหวนไล่ขึ้นไปบนภูเขา ส่วนสองข้างทางก็เป็นหุบเหวที่ถ้าร่วงลงไปก็คงจะกลับขึ้นมาไม่ได้อีก

เขาไม่คิดว่าสภาพแวดล้อมของเกาฉวนจะอันตรายขนาดนี้ แม้ศัตรูจะไม่มีกำลังทหารมากมายนัก แต่แค่ภูเขาก็ทำอันตรายต่อกองทัพของเขาได้แล้ว

…ระหว่างที่กำลังเดินทัพกันอยู่นั่นเอง จู่ ๆ จีหยิงก็เข้าห้ามชายหนุ่มเอาไว้

ถังหยินมองเขาด้วยความสงสัย

จีหยิงจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นายท่าน ข้างหน้าคือภูเขากุยจิว ท่านรู้ไหมว่าทำไม ?”

“ทำไม ?”

“เพราะภูเขาข้างหน้ามันอันตรายยิ่ง เป็นเนินขึ้นลงที่สลับกันไป และเส้นทางหลวงก็เข้าถึงแค่บริเวณตีนเขาเท่านั้น” จีหยิงอธิบาย

“อย่างนี้เองหรือ ? แม่ทัพจีหยิงช่างรอบรู้ยิ่งนัก อยู่กับเจ้าข้ารู้สึกเหมือนมีแผนที่เดินได้จริง ๆ ขอบใจเจ้ามาก” ถังหยินเอ่ยปากชมเขาก่อนจะเรียกหลีเทียนกับอัยเจียให้มาหา

“ข้าน้อยอยู่ที่นี่แล้ว” ทั้งสองตอบรับคำทันที

ถังหยินชี้ไปยังภูเขาตรงหน้าแล้วสั่ง “ส่งทหารของพวกเราขึ้นไปตรวจสอบดูว่ามีใครจะคิดซุ่มโจมตีเราหรือไม่”

“รับทราบนายท่าน”

ระหว่างที่หน่วยลับออกเดินทาง ถังหยินก็สั่งให้ทหารของเขาตั้งค่ายรอฟังข่าวไปก่อน

ส่วนหลีเทียนกับอัยเจียก็พากลุ่มสอดแนมของตัวเองวิ่งขึ้นไปข้างบนภูเขาทันที

เมื่อมาถึงตีนเขา พวกเขาทั้งหมดสิบนายก็มองขึ้นไปและเห็นว่าทางขึ้นมันชันมาก ราวกับว่าภูเขาถูกผ่าเป็นสองส่วนด้วยขวานก็ไม่ปาน แถมยังมีตะไคร่ขึ้นมากมายอีกด้วย