บทที่ 416

บทที่ 416

หน่วยสอดแนมทั้งสิบนายลงจากม้าแล้วเดินขึ้นไปบนภูเขาเพื่อหาจุดที่ปีนง่ายที่สุด ก่อนที่พวกเขาจะใช้เชือกและตะขอเพื่อปีนขึ้นไปบนนั้น โดยมีหนึ่งในหัวหน้าหน่วยเนตรเวหาเป็นผู้ที่เร็วที่สุดเพราะเขาใช้เกราะปราณส่วนมือเป็นกรงเล็บในการปีนขึ้นไป

หลังจากไต่เขาอยู่ประมาณครึ่งชั่วยาม หัวหน้าหน่วยก็ขึ้นไปถึงยอดเขาก่อนที่จะใช้หินหนึ่งก้อนเป็นหลักยึดเพื่อโยนเชือกให้คนอื่นตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ทั้งสิบนั่งบนยอดเขาและพักผ่อนกัน ก่อนจะทำการมองสำรวจรอบ ๆ และพบว่าภูเขากุยจิวนั้นไม่เล็กเลย มันมีแต่ก้อนหินประหลาดกับตะไคร่เต็มไปหมด และถ้าหากจะหาคนซุ่มโจมตี ก็คงจะต้องใช้สายตาที่ดีพอสมควร ดังนั้นแล้วหลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าหน่วยก็พลันลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ไปกันได้แล้ว”

แม้ว่าทั้งสองหน่วยจะแยกการทำงานกัน แต่ด้วยตำแหน่งที่ต่ำกว่าของคนในหน่วยใยพิภพ จึงทำให้พวกเขาต้องฟังคำสั่งหัวหน้าหน่วยคนนั้นไปโดยปริยาย

…พวกเขาพากันเดินข้ามก้อนหินแล้วย่ำลงอย่างเบา ๆ พยายามเดินอย่างระมัดระวัง

ยอดเขานั้นกว้างมาก แต่ไม่นานนักพวกเขาทั้งสิบก็สำรวจมันจนทั่วและไม่พบกับอะไรเป็นพิเศษ

หัวหน้าหน่วยถอนหายใจแล้วบอกกับพวกเขา “ที่นี่ปลอดภัยแล้ว ลงไปกันเถอะ”

ทั้งหมดตอบรับแล้วเริ่มไต่กลับลงไป

แต่แล้วหัวหน้าหน่วยก็ยกมือห้ามทุกคนเอาไว้ จนพวกเขาถาม “เกิดอะไรขึ้น ?”

หัวหน้าหน่วยไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปที่ริมเหวแล้วจับจ้องมองไปยังก้อนหินขนาดใหญ่ตรงนั้นพลางก้มมองพื้นอย่างระมัดระวัง ทำให้คนที่เหลือพากันเข้ามาหาด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ?”

“มีบางคนมาที่นี่ก่อนเรา หินนี่มันถูกเคลื่อนย้าย” ที่ยอดเขามีตะไคร่มากมาย แต่ก้อนหินนี้ไม่ ดังนั้นหินก้อนนี้คงเพิ่งจะถูกเคลื่อนย้ายมาได้ไม่นาน

เขามองหินอื่น ๆ โดยรอบในทันที ด้วยถ้าหากมีก้อนหินใหญ่ขนาดนี้กลิ้งลงไป มันจะต้องกวาดล้างพวกทหารที่เดินทัพผ่านเส้นทางนี้แน่

คิดได้แบบนั้นเขาก็หน้าซีด ก่อนจะบอกกับพวกของเขา “ถอยไป !”

“ถอยก่อนเร็วเข้า !” พูดจบเขาก็รีบวิ่งนำทุกคนไต่กลับลงไปทันที

ทว่ามันก็ช้าเกินไปแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงยอดก็ได้มีชายชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขัดขวางเสียก่อน

พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะได้เจอใครบนยอดเขานี้ ชายคนนี้แทบทำให้ทั้งสิบคนร้องออกมา

“พวกเจ้านี่มันโง่จริง ๆ ถ้ากลับไปตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ ๆ ยังจะมีหน้ามาตรวจสอบข้อผิดพลาดเล็กน้อยนี่อีกนะ” เขาพูดแล้วชักดาบที่ทั้งกว้างและยาวออกมา ทำให้ตัวดาบนั่นเปล่งประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา

ทั้งสิบคนรู้สึกกดดันเป็นอย่างมากกับภาพตรงหน้า

จึงเป็นหัวหน้าหน่วยที่กำหมัดแน่นแล้วถาม “เจ้าเป็นคนดันหินไปใช่ไหม ? เจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?” ในเมื่อไม่เห็นคนอื่นอีก งั้นแล้วมันก็น่าจะเป็นชายคนนี้ที่เป็นคนเคลื่อนย้ายก้อนหินหนักหลายร้อยจิ้น

ชายชุดดำมองหัวหน้าหน่วยด้วยตาเป็นประกาย “ข้าชอบคนฉลาดจริง ๆ เพราะมันมักจะตายก่อนใครเพื่อน !!”

หัวหน้าหน่วยหน้าซีด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า “เจ้าเป็นคนของซ่งเทียนหรือว่าคนของพวกหนิง ?”

“ไปถามยมบาลเอาก็แล้วกัน !” ชายชุดดำพุ่งดาบเข้าใส่ทั้งสิบคน

ทั้งสองมอบหน้ากัน ก่อนเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวที่ชักมีดออกมาและพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย เช่นเดียวกับคนในหน่วยของเขาอีกคนที่ยกชูมีด ทำท่าจะเสือกแทงใส่ศัตรูในชุดดำ

“หึหึ เจ้ากล้ามากเลยนะ !” ชายชุดดำเย้ยหยั่น

มีดของคนทั้งคู่พุ่งเข้าใส่ชายชุดดำ แต่อีกฝ่ายก็แค่หมุนตัวเพื่อหลบแล้วฟันเข้าใส่หน้าอกเพื่อตอบโต้กลับของทั้งสองคนพร้อมกัน

อีกฝ่ายรวดเร็วมาก และหลังจากจัดการหน่วยข่าวไปได้สองคน คนผู้นั้นก็พลันเก็บดาบแล้วสะบัดข้อมือปล่อยคมมีดเข้าใส่ลำคอของอีกคนหนึ่ง ! …เพียงพริบตาเดียวมีดของเขาก็พุ่งเข้าใส่ลำคอสังหารเป้าหมายอย่างแม่นยำ

นอกจากนี้เขายังปล่อยคลื่นปราณออกมา และเพราะทั้งห้าคนที่เหลือต่างก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ จึงทำให้พวกเขาต้องหมอบลงพื้นเพื่อหลบมัน ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะเห็นเข้ากับคลื่นปราณที่กำลังเข้ามาอีกชุด …มันคือวายุคลั่ง !!!

ทั้งห้าคนจึงได้แต่หลับตาลงและปล่อยให้มันเข้ามาสังหารพวกเขาอย่างไม่อาจต่อต้าน

อ๊า !

คนส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว เหลือไว้เพียงหัวหน้าหน่วยกับอีกสองคนที่พาก็ถอยมายังริมผา

หลังจากฆ่าไปแล้ว 7 คน ชายชุดดำก็เดินเข้าไปหาพวกที่ยังเหลืออยู่

“หัวหน้า เราจะทำยังไงกันดี ?” ทั้งสองพูดขึ้นด้วยความหวาดกลัว

หัวหน้าหน่วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายเก่งกาจมาก มันไม่สำคัญหรอกถ้าพวกเขาจะตายที่นี่ แต่สำหรับพวกที่อยู่ข้างล่างนั่นเล่า ? พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบนนี้ !!

คิดได้แบบนั้นเขาก็พลันกัดฟันและคว้าแขนของอีกสองคนที่เหลือแล้วพูด “เจ้าจะกลัวอะไรเล่า พวกเราไม่ยอมตายง่าย ๆ แบบนี้หรอก !”

ได้ยินแบบนั้นพวกที่เหลือต่างก็มีกำลังใจแล้วชักมีดออกมาชี้ไปยังศัตรูทันที “เข้ามาเลย !”

จากนั้นหัวหน้าหน่วยก็พลันคว้าแขนของพวกเขาเหวี่ยงออกไป “ข้าขอโทษด้วย !”

ทั้งสองคนถูกเหวี่ยงออกไปจนตกริมหน้าผาไปในทันที พวกเขากรีดร้องออกมาด้วยสายตาไม่คาดฝัน

ชายชุดดำไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ที่จัดการเพื่อนของตัวเองไปแบบนั้น

หัวหน้าหน่วยยิ้ม “ไม่ว่าเจ้าจะเก่งแค่ไหน แต่เจ้าก็หยุดพวกที่ตกลงไปไม่ได้หรอก …ทีนี้พวกที่อยู่ข้างล่างก็จะรู้แล้วว่าเจ้าอยู่ข้างบนนี้ !!”

ชายชุดดำที่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาโกรธมาก เพราะต้องยอมรับเลยว่าความสามารถของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาเลย ที่สามารถตัดสินใจได้ภายในชั่วพริบตาเช่นนี้ !

เมื่อคิดได้แบบนั้น ใบหน้าของเขาพลันยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะเดินเข้าไปแล้วมองอีกฝ่าย “เยี่ยมเลย งั้นข้าจะให้รางวัลสำหรับคนฉลาดอย่างเจ้าเป็นการทำให้เจ้าตายอย่างทุกข์ทรมานก็แล้วกัน !”

หัวหน้าหน่วยพูดถูก การที่สองคนในหน่วยตกลงไปตายอย่างอนาถจะต้องเตือนภัยพวกที่อยู่ข้างล่างได้แน่ ๆ

ไม่นานนักพวกทหารที่อยู่ข้างล่างก็เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งหลีเทียนและอัยเจียก็ได้ในรู้ทันทีว่าเป็นคนของเขา ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าทำไมทั้งสองถึงตกลงมาจากที่สูงแบบนั้น แต่เพียงแค่นี้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้คิดว่าด้านบนนั้นจะต้องมีศัตรูอยู่แน่ ๆ!

ทั้งสองรีบเข้าไปแจ้งเรื่องนี้กับถังหยินทันที

หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยินก็ทำอะไรไม่ถูก เขาหันไปมองจีหยิงที่อยู่ข้าง ๆ ในพลันเพราะอีกฝ่ายเคยเตือนเอาไว้แล้วว่าที่นี่อันตรายมากและจะต้องระวังศัตรูที่อาจดักค่อยซุ่มโจมตีอยู่

ถังหยินกำหมัดแน่นแล้วมองไปยังยอดเขากุยจิว “แม่ทัพจีหยิง จากการคาดเดาของเจ้า ด้านบนนั้นมันน่าจะมีกำลังทหารอยู่กี่คนกัน ?”