บทที่ 315 ความวุ่นวายอุบัติ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 315 ความวุ่นวายอุบัติ
บทที่ 315 ความวุ่นวายอุบัติ

เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้านานนัก เขายังคงปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างส่วนต่าง ๆ ภายในเมืองดังเดิมและปล่อยเรื่องเหล่านี้ให้เป็นหน้าที่ของสองสาวแทน แหวนจักรวาลถูกสั่งใช้งานอีกครั้ง และมันก็ทำให้ร่างของเซียวเฟิงกลับมาปรากฏในมหาสุสานใต้พิภพได้อย่างรวดเร็ว

อ้างอิงจากที่หนี่อู๋ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า กุญแจอีกดอกนั้นอยู่กับลิชเค่อสวีและตัวลิชเค่อสวีนั้นก็มักจะอยู่ในมหาสุสานใต้พิภพอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเซียวเฟิงถึงได้มาที่นี่เพื่อหามัน

เขาปรากฏตัวขึ้นในชั้นที่ 5 ของปราสาทใต้พิภพที่ซึ่งได้ทำสัญลักษณ์แห่งจักรวาลทิ้งไว้ มันไม่มีผู้คุ้มกันอยู่ที่นี่แล้ว จะมีก็แต่มอนสเตอร์หรือไม่ก็บอสขนาดเล็กที่เกิดขึ้นมาจนหนาแน่นไปหมดทั้งชั้น เพราะงั้นชายหนุ่มคงต้องใช้เวลาสักหน่อยในการเคลียร์พวกมันทิ้ง

ในตอนที่เซียวเฟิงเข้าไปยังมหาสุสานใต้พิภพนั้น เขาไม่ได้รู้ถึงภัยร้ายที่คืนคลานเข้ามาทั่วทั้งเขตฮัวเซียเลย ความวุ่นวายครั้งใหม่ มันได้เกิดขึ้นในทันทีจนไม่มีเวลาที่จะมาตกใจ

เริ่มจากที่ส่วนกลางเมืองจักรวรรดิแห่งดินแดนแห่งพระเจ้าที่ซึ่งเป็นจุดแบ่งเขตระหว่างดินแดนในแต่ละทิศ กิลด์แอนติควิตี้จากทางฟากใต้นำทัพของเขาเข้ามาและประกาศสงครามกิลด์กับกิลด์เล็กใหญ่มากมายโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว

“จะมาเป็นส่วนหนึ่งของแอนติควิตี้ หรือจะล่มสลาย?”

มันเป็นครั้งแรกเลยที่กิลด์แอนติควิตี้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะชน แต่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครไม่รู้จักกิลด์นี้มาก่อน เพราะพวกเขาต่างก็เฝ้ามองกิลด์ปริศนานี้มากันพักใหญ่ ๆ แล้ว ดังนั้นเมื่อคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น มันจึงทำให้ทั่วทั้งฮัวเซียเกิดการสั่นสะเทือนไปทั่ว

เมื่อกิลด์แอนติควิตี้ประกาศสงครามกับกิลด์ขนาดเล็กที่มีสมาชิกราว ๆ หมื่นคนและแคมป์เลเวล 2 พวกเขาส่งคนประมาณยี่สิบกว่าคนเท่านั้นเข้าไปจัดการ แม้จะเป็นจำนวนคนที่น้อยมาก แต่มันก็มากพอสำหรับกิลด์เล็ก ๆ สักกิลด์แล้ว พวกเขากดดันกิลด์เหล่านี้จนมุมได้อย่างง่ายดายเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดอะไรเสียด้วยซ้ำ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นในเขตฮัวเซียตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของกิลด์แอนติควิตี้ ด้วยจำนวนคนเพียงหยิบมือเท่านั้น ก็สามารถทำให้กิลด์ขนาดเล็กพินาศได้เลย ซึ่งมันทำให้คนอื่น ๆ ต่างก็อดคิดไม่ได้ว่ากิลด์แอนติควิตี้นั้นแท้จริงแล้วมีสมาชิกมากขนาดไหน?

จริง ๆ แอนติควิตี้นั้นมีสมาชิกหลักเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น แต่เพียงเท่านี้มันก็ทำให้พวกเขาสามารถชนะสงครามป้องกันแคมป์มาได้ หรือจะเป็นภารกิจระดับยากอย่างการบุกทะลวงปราสาทนั้น ความสามารถของคนเหล่านี้ก็ทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ รับค่าประสบการณ์จำนวนมากเท่านั้น นี่เองก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นของกิลด์แอนติควิตี้ติดอันดับเลเวลเป็นจำนวนมากด้วย

แม้ว่ากิลด์ขนาดเล็กจะพยายามตอบโต้กลับแล้ว แต่พวกเขาก็สูญเสียหอบัญชาการแคมป์ไปก่อน ทำให้พ่ายแพ้สงครามกิลด์ครั้งนั้นทันทีและถูกลดเลเวลลงมาหนึ่งระดับ อย่างไรก็ตาม แอนติควิตี้ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหยุดเลย กลับกันคนเหล่านี้กลับเลือกที่จะประกาศสงครามอีกครั้ง

“จะยอมจำนนหรือตาย?”

เช่นเดิม แม้จะเป็นครั้งที่สองแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ ก่อนที่ผู้เล่นกว่ายี่สิบคนนี้จะเข้าประชิดหอบัญชาการแคมป์ของกิลด์ขนาดเล็ก พวกเขาพูดประโยคเดิมออกมาอีกครั้ง

แคมป์กิลด์เลเวล 1 ที่ถูกทำลาย จะนำพามาซึ่งความเสียหายส่วนอื่นของกิลด์ระดับใหญ่หลวงด้วย ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ท้ายที่สุดเหล่ากิลด์ขนาดเล็กก็ต้องจำยอมโดยไม่สามารถเลี่ยงได้ พวกเขาถูกบังคับให้กลายเป็นพันธมิตรของแอนติควิตี้ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น…

ในเวลาครึ่งชั่วโมง แอนติควิตี้ประกาศสงครามกับกิลด์อื่น ๆ อีกมากมาย และตอนนี้มันถึงคราวของกิลด์ขนาดใหย่ที่มีผู้เล่นเกือบล้านคนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แค่ทำให้แอนติควิตี้เสียเวลาในการฝ่าทัพเข้าไปเพิ่มอีกนิดหน่อย ท้ายสุดเพียงเวลาไม่นาน พวกเขาก็ไปล้อมหอบัญชาการแคมป์กิลด์นั้น ๆ ได้ดังเดิม

นอกจากท่าทีที่หยิ่งผยองจนน่าหวาดหวั่นของคนเหล่านี้ พวกเขายังมีทัพของผู้เล่นราว ๆ หมื่นคนจากกิลด์เล็ก ๆ ที่ถูกปราบไปก่อนหน้า และนอกจากทัพของผู้เล่นเหล่านี้ พวกเขายังมีทัพใหญ่ที่รวมผู้เล่นไว้หลักแสนคนอยู่ในกำมืออีก!

สิ่งที่น่าตกใจคือ ผู้เล่นนับแสนคนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้เล่นหลักของกิลด์กลอรี่ที่หายสาปสูญไปทั้งหมด ซึ่งตอนนี้พวกเขาต่างก็ย้ายเข้ามาอยู่กับกิลด์แอนติควิตี้กันหมดแล้ว สังเกตได้จากชื่อบนหัว

บทสรุปของกิลด์ใหญ่นี้แทบจะเหมือนกับกิลด์ขนาดเล็กก่อนหน้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงของแอนติควิตี้แล้ว แม้ว่าจำนวนคนจะไล่เลี่ยกัน แต่คุณภาพและฝีมือนั้นถือว่าคนละระดับอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากที่กิลด์ใหญ่เริ่มโต้กลับไปบ้างกว่าหนึ่งชั่วโมง เหล่าผู้เล่นกว่ายี่สิบคนที่นำโดยซีเหมินชุยเสวียก็เข้าประชิดหอบัญชาการแคมป์ของพวกเขาอีกครั้ง

“ยอมจำนน…หรือตาย?”

ประโยคเดิม ๆ หลุดออกมาอีกครั้ง และเมื่อกิลด์ใหญ่ปฏิเสธ หอบัญชาการแคมป์ของพวกเขาก็ถูกทำลายในทันที และทำให้สงครามกิลด์ครั้งนั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้ พร้อมกับลดเลเวลลงไปหนึ่งเลเวล

ไม่มีเวลาให้กิลด์ใหญ่ได้เตรียมพร้อม สงครามกิลด์รอบใหม่ก็เริ่มขึ้นแล้ว!

ไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งนั้นสำหรับแอนติควิตี้ เพียงแค่ชั่วข้ามคืน สมดุลของเขตฮัวเซียก็พังทลายลงมาจากการที่เกิดสงครามกิลด์ขนาดเล็กใหญ่กระจายกันไปทั่วทั้งดินแดนแห่งพระเจ้า

ขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกเมืองจักรวรรดิก็ได้มีการค้นพบเหมืองแร่ที่ซึ่งผลิตแร่หายากได้มากมาย รวมถึงแร่หายากอย่างหินอวกาศด้วย เพราะงั้นแล้วข่าวนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่โด่งดังไปทั่วทั้งเขตไปด้วยอีกเรื่องหนึ่ง

เหรียญทองในเกมสามารถเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ตามอัตราค่าแลกเปลี่ยนที่กำหนด ดังนั้นทรัพยากรในเกมเองก็มีค่าเทียบเท่าทรัพยากรในโลกของความเป็นจริงด้วยเช่นกัน เพราะแบบนี้การพบเจอเหมืองแร่จึงเปรียบเสมือนการพบเจอแหล่งขุมทรัพย์ไปด้วย

แต่เพราะเมืองจักรวรรดิตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษ เป็นจุดที่เชื่อมต่อกันกับทุกทิศ มันเลยทำให้สถานการณ์ที่นี่เองก็ค่อนข้างวุ่นวายไปด้วย ผู้คนมากมายจากทั่วทั้งฮัวเซียต่างมารวมตัวกันที่นี่ ดังนั้นแล้วเมืองจักรวรรดิตอนนี้ได้ถูกพายุแห่งความวุ่นวายโหมกระหน่ำเข้าให้แล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ๆ ก็มีแต่สงครามขนาดเล็กใหญ่เต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางกิลด์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้และไม่รู้สึกถึงสมดุลที่เสียไป ดังนั้นแล้วจึงไม่ลงมืออะไรทั้งสิ้น

ทว่าความสงบเพื่อตรึงสมดุลนั้นก็พังทลายไปเพราะการค้นพบเหมือแร่ที่ด้านนอกเมืองนั่น!

ด้วยการต่อสู้ที่มีมากมายที่ด้านนอกเมืองจักรวรรดิ ทำให้มีเหล่าผู้เล่นติดอาวุธจำนวนมากพากันวิ่งเข้าใส่ผู้เล่นที่อยู่ด้านนอกเมืองด้วยความดุร้าย และมันก็ทำให้ภายในเมืองไร้ซึ่งผู้สัญจรไปมาในบันดล

มันเป็นเรื่องที่รู้กันดีว่าถ้าหากสามารถครอบครองเหมืองแร่ได้ คนคนนั้นก็จะมีรายได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล รวมถึงมันยังช่วยแสดงให้เห็นอีกว่าเขาคนนั้นมีความสามารถและมีอำนาจขนาดไหน นอกจากนี้การได้ครอบครองเหมือนแร่นั้นมีค่าเป็นรองเพียงได้ครอบครองเมืองจักรวรรดิเท่านั้น เพราะตำแหน่งที่ตั้งของมันนับว่าล้ำค่ามากเลยทีเดียว!

สงครามกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วข้ามคืน เริ่มตั้งแต่การต่อสู้เล็ก ๆ ไปสู่การต่อสู้ระดับกิลด์ที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลยุทธ์และวิธีมากมายรวมไปถึงการลอบโจมตีด้วย มีกิลด์จำนวนมากที่ต้องเข้ามาพัวพันกับสงครามครั้งนี้ บางกิลด์เองก็มีปัญหาบาดหมางกันมาก่อนหน้าแล้ว พวกเขาล้วนแต่ก็เอาปัญหาเหล่านั้นมาสะสางกันในสงครามครั้งนี้ด้วย

เหมือนดั่งดอกไม้แห่งความตายที่งอกงามออกมา การต่อสู้ระหว่างกิลด์ปะทุขึ้นในหลาย ๆ ที่ภายในดินแดนแห่งพระเจ้านี้ เป็นเพราะมีเพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่เปลี่ยนคลาสขั้นที่ 2 กันเรียบร้อยแล้ว และสามารถมายังเมืองจักรวรรดิได้ ดังนั้นสมาชิกกิลด์ส่วนใหญ่จึงยังประจำการยังเมืองหลักของพวกเขาอยู่ดังเดิม มันต้องใช้เวลานิดหน่อยกว่าสงครามกิลด์จะเริ่มลากยาวไปถึงกิลด์ด้านนอกเหล่านั้น

และเมื่อมันเข้าไปถึง ทุกจัตุรัสเทเลพอร์ตต่างก็เต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายที่ติดอาวุธราวกับทหารต่างพากันวิ่งออกมาเพื่อประกาศสงครามกิลด์ยังเมืองนั้น ๆ อย่างไม่รีรอ

แม้แต่กิลด์ระดับสูงทั้งสิบกิลด์ของเขตฮัวเซียก็ยังถูกลากมาเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย เพราะแบบนี้อันดับกิลด์จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกชั่วโมงเลย!

“เริ่มกันแล้วเหรอ?”

ในเมืองตงฮวง คราวน์ปรินซ์กำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โรงน้ำชาที่ระบบเป็นผู้จัดตั้งไว้ให้ เขามองไปยังกลุ่มคนที่พากันวิ่งไปมาบนท้องถนนก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

“หัวหน้าครับ กิลด์ทางเหนือเริ่มจะปั่นป่วนกันหมดแล้วครับ พวกเราจะเข้าแทรกแซงกันเลยไหมครับ?”

ผู้เล่นหนุ่มที่อยู่ภายใต้ชื่อของไดนัสตี้วิ่งตรงเข้ามาแล้วถามด้วยความนับถือ

“ไม่จำเป็น นี่เป็นเพียงก้าวแรกของการขยายอำนาจ พวกเราไม่มีทางหยุดมันได้…เฉกเช่นที่กระบวนการนี้ก็ไม่สามารถถูกหยุดได้เช่นกัน”

คราวน์ปรินซ์จิบชาที่กลั่นจากใบของต้นไม้แห่งชีวิตที่ซึ่งหาดื่มได้เพียงในโลกแห่งเกมเท่านั้น จากนั้นก็เอ่ยตอบด้วยความสบายใจ

“อาณาจักรเอลฟ์เหมือนจะขาดหัวเรือใหญ่อยู่ในสภาวะเช่นนี้ หลังจากที่พวกเขาเสียกิลด์กลอรี่ไปแล้ว ก็ไม่มีกิดล์ไหนควรค่าพอแก่การรับช่วงต่อ ถ้ายังไงลองไปถามทัฟแมนอาลิแอนซ์ดู เผื่อว่าพวกเขาจะสนใจ”

“รับทราบครับ!”

ไม่มีใครคาดคิดว่าความวุ่นวายขนาดใหญ่นี้จะรุนแรงขนาดที่เปลี่ยนทุกอย่างไปในชั่วข้ามคืนได้ ผู้เล่นส่วนมากภายในเขตฮัวเซียต่างเลเวลลดกันลงมาอย่างน้อยหนึ่งเลเวล ส่วนผู้เล่นที่เปลี่ยนคลาสขั้นที่ 2 ไปแล้วก็กลายเป็นอัศวินที่ถูกกักบริเวณไว้ในแคมป์ของแต่ละกิลด์

เมืองหลักกว่า 90% ต่างตกอยู่ในความวุ่นวาย ผู้เล่นมากมายต่างมาปรากฏตัวขึ้นที่จุดเกิดประจำเมืองหลักอย่างไม่ขาดสาย

ทั้งร้านขายยา ร้านขายอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงร้านขายของใช้จำเป็น ร้านอะไรก็ตามที่มีคัมภีร์กลับเมืองหลักต่างอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก

ในฐานะหอการค้าอันดับหนึ่ง สาขาย่อยของร้านค้ามหาสมบัติเองก็เต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายด้วยเช่นกัน ณ เวลานี้ ต่อให้เป็นเพียงอุปกรณ์ระดับทั่วไปอย่างระดับสีขาวหรือสีเขียวก็ยังกลายเป็นที่หมายตา ของเหล่านี้กลายเป็นสินค้าขายดีราวกับเค้กเพิ่งอบก็มิปาน คลังเก็บของหลายที่ภายในเมืองหลักถูกเปิด พร้อมกับสินค้าต่าง ๆ ที่ถูกเก็บมาเนิ่นนานก็ถูกระบายออกอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ในทางทฤษฏี สิ่งนี้คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า อุปทานไม่สามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ได้

ขณะเดียวกันนั้นเอง หอการค้าแห่งอื่น ๆ ที่ถูกร้านค้ามหาสมบัติแย่งลูกค้ามาตลอดอย่างหอการค้าเงินตราและหอการค้าซือต๋ง ก็ได้มีโอกาสเห็นคืนเห็นตะวันอีกครั้ง พวกเขารีบจัดหาอุปกรณ์และเครื่องดื่มเครื่องกินต่าง ๆ อย่าง ยาระดับสูงมารับลูกค้าที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และโอกาสในครั้งนี้มันช่วยให้พวกเขาสามารถเป็นพันธมิตรการค้ากับกิลด์ขนาดใหญ่ได้อีกด้วย เสมือนดอกไม้ที่งอกเงยท่ามกลางสนามรบเพราะได้เลือดของเหล่าผู้พ่ายแพ้มาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ได้

สงครามเลวร้ายลงเรื่อย ๆ จนผู้คนเริ่มจะลืมกันไปแล้วว่าจุดเริ่มต้นของมันคืออะไร ทุกคนไม่ได้สู้เพื่อป้องกันตนเองแล้ว แต่พวกเขากำลังหาทางขยายอำนาจและอาณาเขตของตนเอง

นอกจากนี้แล้ว มิธเองก็เป็นเกมที่มีผู้เล่นอยู่เป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาเกมออนไลน์เกมอื่น แถมยังมีความสัมพันธ์ระหว่างกิลด์ต่าง ๆ ด้วยกันเองค่อนข้างซับซ้อนมาก ๆ อีกด้วย

พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่อยากจะได้ครอบครองโลกแห่งเกมใบนี้กัน ดังนั้นจะไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น และจะไม่มีอะไรหยุดสงครามครั้งนี้ได้ จนกว่าพวกเขาทุกคนจะยอมยุติมันด้วยตนเอง

กิลด์ขนาดใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์มาเนิ่นนานบางกิลด์ก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ดังแต่ก่อน ยกตัวอย่างเช่น กิลด์ไฟโลกันตร์ ที่เคยเป็นหนึ่งในกิลด์ขนาดใหญ่ กลับต้องมากลายเป็นยักษ์ตนแรกที่ถูกล้มและนำพามาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงในเกมอื่น ๆ อย่างไม่สามารถเลี่ยงได้

ด้วยความที่ความสงบไม่มีทีท่าจะกลับมา เมื่อสงครามยืดยาว หลายกิลด์ก็ต้องถูกดึงเข้ามาพัวพันมากขึ้นไปด้วยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบุกหรือฝ่ายตั้งรับก็ตาม พวกเขาปลีกตัวหนีออกจากความวุ่นวายนี้ไม่ได้

ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าใครได้รับผลกระทบจากสภาวะเช่นนี้มากที่สุด มีคนอีกหลายส่วนที่พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่สงบเช่นนี้ พวกเขาพยายามหาเมืองหลักที่ยังสงบสุขเพื่อที่จะได้เล่นเกม ผู้เล่นเหล่านี้คือผู้เล่นสายใช้ชีวิต พวกเขาเพียงแค่ต้องการเหรียญทองจากการลงดันเจี้ยน ล่ามอนสเตอร์และทำภารกิจเพื่อที่จะได้นำเหรียญทองเหล่านี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ดังนั้นสภาวะที่แทบจะทุกเมืองไม่สงบสุขนั้น มันค่อนข้างจะกระทบกับพวกเขาเต็ม ๆ

ไม่มีปาร์ตี้สำหรับลงดันเจี้ยนที่หน้าทางเข้า และจุดที่เป็นทุ่งกว้างที่มักจะเป็นที่รับภารกิจกันก็กลายเป็นสนามรบของเหล่าผู้เล่นไปแล้ว เพราะแบบนี้พวกเขาจึงทำได้แค่หาเมืองหลักที่ยังสงบสุขอยู่เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้เล่นมากมายที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับสงคราม แต่อัตราส่วนของผู้เล่นสายใช้ชีวิตที่ไม่โดดเด่นนั้นก็ยังถือว่ามากมายอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงคนพบว่ายังมีเมืองหลักอีกหลายเมืองที่ยังอยู่อาศัยและทำภารกิจได้

อย่างเช่น เมืองตงฮวงที่เป็นเมืองที่ตั้งของกิลด์ไดนัสตี้ ที่นี่ปลอดภัยแบบสุด ๆ หรือไม่ก็เมืองเทียนหลงที่เป็นเมืองยอดนิยมทั้งยังเป็นเมืองที่ตั้งของตำหนักขุมทรัพยท์สาขาหลักและที่ตั้งของกิลด์มิดซัมเมอร์ที่เป็นกิลด์อันดับ 2 เองก็ยังปลอดภัยดีอยู่

ตอนนี้ทั่วทั้งเขตฮัวเซียมีเพียงไม่กี่กิลด์เท่านั้นที่ยังรอดจากการพัวพันในความวุ่นวายครั้งนี้ได้

และเซียวเฟิงก็ไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเช้าแล้ว เพราะงั้นเขาจึงออฟไลน์ออกจากเกม หลังจากจัดการมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในชั้นที่ 6 และ 5 ของปราสาทใต้พิภพหมดแล้ว