บทที่ 314 สร้างวิหารแห่งแสง

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 314 สร้างวิหารแห่งแสง
บทที่ 314 สร้างวิหารแห่งแสง

แท่นเทเลพอร์ตประจำเมืองแห่งความโศกเศร้าถูกตั้งไว้ให้เพื่อเดินทางมายังนครศักดิ์สิทธิ์ได้ทันที ดังนั้นเซียวเฟิงจึงสามารถเดินทางมายังภูเขาส่องแสงผ่านเมืองแห่งความโศกเศร้าได้โดยตรง

แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ไม่ได้รีบไปหาเทพธิดาแห่งแสงในทันที เขากลับใช้เวลาเล่นกับเสี่ยวไป๋ก่อนพักหนึ่ง ถึงค่อยไปยังเทวสถานหลัก

โชคยังดีที่เทพธิดาแห่งแสงไม่ได้หนีไปไหนเสียก่อนและยังคงอยู่ที่บัลลังก์ของเธอดังเดิม เมื่อเซียวเฟิงเดินเข้าไปภายในแล้วเธอก็ลืมตาขึ้นและมองลงไปยังเซียวเฟิงช้า ๆ

“เอ่อ…ท่านเทพธิดาแห่งแสง…ผมรู้ว่าหนี่อู๋เป็นคนที่วิหารแห่งแสงต่างต้องการตัว แต่ตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของผมแล้ว เพราะงั้นท่านจะไล่ล่าเขาไม่ได้แล้วนะครับ”

ไม่ว่าเมื่อไหร่เทพธิดาแห่งแสงก็มักจะทำตัวลึกลับสุขุมใส่เซียวเฟิงเสมอ เพราะงั้นเธอจึงไม่สามารถถูกมองเหมือน NPC ทั่ว ๆ ไปได้ และด้วยแบบนี้เซียวเฟิงจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่พูดกับเธอ

“กฏของผู้สร้างอยู่เหนือทุกสิ่ง ดังนั้นข้าจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปก้าวก่าย ความมืดกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว มีเพียงพลังของออราเคิลเท่านั้นที่จะสามารถยับยังความมืดมิให้คืบคลานเข้ามายังดินแดนแห่งพระเจ้าได้ หน้าที่ของท่านในตอนนี้คือการปลุกพลังของออราเคิลให้ตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด เช่นนั้น… ท่านไม่สามารถชักช้าได้อีกต่อไปแล้ว”

น้ำเสียงของเทพธิดาแห่งแสงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม หากแต่คำพูดของเธอนั้นก็ทำให้เซียวเฟิงโล่งใจด้วย โชคดียังคงเป็นของเขาที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่สามารถมองข้ามกฏที่ถูกสร้างขึ้นมาได้

“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเพิ่มพลังให้เสี่ยวไป๋ เอ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง ผมอยากจะสร้างวิหารแห่งแสงภายในเมืองหลักที่ผมปกครองอยู่ด้วย เรื่องนี้สามารถทำได้ไหมครับ? ท่านเองก็ได้เห็นแล้วว่าเมืองนั้นเป็นอย่างไร” เซียวเฟิงเตรียมจะเดินออกไปแล้ว แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้เขาจึงหยุดเดินแล้วเงยหน้าถามอีกฝ่ายไปก่อน

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าไปดูตอนที่เมืองแห่งความโศกเศร้ากำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็รู้ว่าภายในเมืองยังขาดอะไรอยู่บ้าง ยังไงเสีย ภายในเมืองนั้นก็ยังมีที่ว่างสำหรับสร้างส่วนประกอบอื่นของเมืองอีกมากมายที่ยังไม่ได้ถูกจับจองอยู่แล้ว

วิหารแห่งแสงเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เมืองนี้ยังไม่มี สิ่งก่อสร้างประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้เมืองได้อีกระดับหนึ่งเลย อย่างน้อย ๆ มันก็ช่วยลดความสูญเสียในด้านค่าประสบการณ์หากผู้เล่นตายได้

ตามปกติแล้ว เมื่อผู้เล่นเกิดใหม่หลังความตาย พวกเขาจะต้องเสียค่าประสบการณ์ 20% นับจากหลอดค่าประสบการณ์ และถ้าผู้เล่นมีค่าประสบการณ์ของผู้เล่นมีไม่ถึง 20% นั่นหมายถึงเขาจะถูกลดเลเวลลงมา

ซึ่งหน้าที่ของวิหารแห่งแสงก็คือการลดปริมาณค่าประสบการณ์ที่ต้องเสียเหล่านั้น

การที่วิหารแห่งแสงมีประจำอยู่ทุกเมืองหลักนั้นก็เพื่อการนี้ด้วย หลังจากผู้เล่นตายและเลือกที่จะกลับไปเกิดใหม่ยังวิหารแห่งแสง ค่าประสบการณ์ที่จะต้องเสียของเขาจะลดเหลือ 15% ในขณะที่ถ้าพวกเขาเลือกกลับไปเกิดใหม่ที่เมืองหลัก พวกเขาจะเสีย 20% ดังเดิม แม้จะเป็นเพียง 5% ที่ต่างกัน แต่มันก็นับว่าช่วยเหลือผู้เล่นได้มากเลยทีเดียว เพราะทุก ๆ คนต่างก็รู้กันดีว่าเลเวลในเกมนี้เก็บยากขนาดไหน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเลือกกลับมาเกิดในวิหารแห่งแสงได้ ตามปกติแล้วที่แห่งนี้มีไว้ให้สำหรับนักบวชและพาลาดินเท่านั้น นั่นก็เพราะทั้งสองคลาสนี้มีความเกี่ยวโยงกับวิหารแห่งแสงโดยตรง ยามเมื่อตายจึงได้รับการอุ้มชูจากวิหารแห่งแสงไปด้วย ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเป็นอย่างมากในบรรดาคลาสทั้งหมด

ส่วนของผู้เล่นคลาสอื่น หากคนคนนั้นทำภารกิจหลักเสร็จเป็นจำนวนมากและได้รับค่าความพึงพอใจจากวิหารแห่งแสงในระดับสูงสุด พวกเขาเองก็จะได้รับสิทธิพิเศษนี้เหมือนกัน

ยึดตามโครงสร้างของเมืองแห่งความโศกเศร้าในตอนนี้ เซียวเฟิงรับรู้ได้ว่าวิหารแห่งแสงที่จะสร้างใหม่นี้จะทำให้ผู้เล่นที่เป็นพันธมิตรกับเมือง สามารถได้รับสิทธิ์พิเศษนี้ได้อย่างถ้วนหน้าแน่นอน หากพวกเขากลับมาเกิดใหม่ที่เมืองแห่งความโศกเศร้า ยิ่งไปกว่านั้น หากวิหารแห่งแสงได้รับการอัปเกรด เปอร์เซ็นต์ที่ช่วยหักลบค่าประสบการณ์ก็จะลดลงด้วยทีละขั้น ๆ ตั้งแต่ 5% 10% และ 15%

นี่ถือเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาก ลองคิดดูว่าหากมันอัปเกรดไปจนถึงระดับสุดท้ายของเกมได้ ความสามารถของมันจะสูงขนาดไหน ไม่เพียงแต่วิหารแห่งแสงเท่านั้น สิ่งก่อสร้างสำคัญแห่งอื่น ๆ เองก็มีความสามารถที่วิเศษในตัวของมันเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วจึงเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นกองกำลังแบบไหน ต่างก็รีบพยายามพัฒนาแคมป์ของตนเองให้ยิ่งใหญ่ขึ้นอยู่ตลอดเวลา

อันที่จริง หากกิลด์ใดก็ตามที่สามารถสร้างวิหารแห่งแสงได้หลังจากที่ก่อตั้งกิลด์แล้ว กิลด์นั้น ๆ จะได้ค่าประสบการณ์กิลด์เพิ่มขึ้นในปริมาณมากเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ว่าวิหารแห่งแสงสร้างอย่างไร และเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าชื่อเสียงและค่าความพอใจเท่านั้นด้วย

แน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่เหมือนคนเหล่านั้น ดังนั้นจึงสามารถพูดกับเทพธิดาแห่งแสงได้โดยตรง

“ด้วยเกียรติยศของอาร์คบิชอป ท่านมีสิทธิ์ที่จะสร้างวิหารแห่งแสงดังที่ท่านต้องการได้ ภายในนครแห่งแสงนี้ มีบิชอปอยู่มากมายที่ไม่ได้มีหน้าที่ให้ประจำการอยู่ตลอด ดังนั้นท่านสามารถเลือกพาบิชอปที่ยินดีจะไปประจำการยังเมืองหลักของท่านได้เลย”

เทพธิดาแห่งแสงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ เธอไม่ได้ขัดขวางเรื่องนี้แต่อย่างใดแม้ว่าเมืองแห่งความโศกเศร้าจะเคยเป็นฐานที่ตั้งของความมืดมาก่อนก็ตาม

“โอ้ ง่ายกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ”

หลังจากที่ได้ฟังดังนั้น เซียวเฟิงก็รู้สึกเบาใจขึ้น สำหรับเขามันค่อนข้างง่ายเลย เพราะงั้นจึงกล่าวคำลาและออกไปยังนครศักดิ์ศิทธิ์เพื่อหาตัวบิชอป

“ท่านอาร์คบิชอป!”

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เซียวเฟิงออกจากตัววิหารได้ไม่นาน เขาก็เห็นบิชอปเรนัลด์สาวเท้าก้าวเข้ามาพร้อมกับทักทายเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และเมื่อเห็นว่าเป็นบิชอปเรนัลด์ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ทันที

“บิชอปเรนัลด์! ท่านมาก็ดีแล้ว!”

เซียวเฟิงรีบคว้าตัวบิชอปเรนัลด์มาโอบไว้ทันที

“มีอะไรงั้นหรือครับ? ท่านอาร์คบิชอป?” สีหน้าของบิชอปเรนัลด์ดูร่าเริงมากขึ้นกว่าเดิมอีก ยังไงเสียเขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นตามที่ต้องการแล้ว เพราะงั้นยามที่เซียวเฟิงพูดเหมือนจะมีอะไรดี ๆ รอเขาอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปด้วย

“บิชอปเรนัลด์ ท่านจะว่าอย่างไรถ้าได้ติดตามผมในอนาคต?” เซียวเฟิงเอ่ยเปรยขึ้นมา

“เอ๊ะ? ข้าไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ มันหมายความว่าอย่างไรหรือครับ?” ได้ยินเช่นนั้น บิชอปเรนัลด์ก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งจะได้รับเมืองหลักมาแล้วก็จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นเจ้าเมือง ตอนนี้ผมกำลังวางแผนจะสร้างวิหารแห่งแสงประจำเมืองนั้น และผมต้องการบิชอปไปประจำกัน ท่านคิดว่าอย่างไร?” เซียวเฟิงอธิบาย

“เอ่อ…ท่านอาร์คบิชอป… ถ้าตามกฏของวิหารแห่งแสงแล้ว หากท่านต้องการจะสร้างวิหารแห่งแสงที่เมืองใด ท่านจะสามารถเลือกได้แค่บิชอปเท่านั้น…แต่ตอนนี้ข้าเป็นอาร์คบิชอปไปแล้ว สิ่งนี้ไม่ถูกระบุไว้ในกฏน่ะครับ…” บิชอปเรนัลด์พูดด้วยความอึดอัด

“แล้วยังไงกันล่ะ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะผม ท่านจะได้กลายมาเป็นอาร์คบิชอปเหรอ? ถ้างั้นผมจะพูดอะไรเตือนใจท่านอีกสักหน่อยนะ ถ้าหากท่านยังอยู่ในนครศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ ท่านก็ได้เป็นแค่อาร์คบิชอปเท่านั้นแหละ คิดว่าจะได้เลื่อนเป็นพระสันตะปาปาได้เหรอ? หรูสุดท่านก็อาจจะโดนสั่งให้ไปประจำเมืองหลักสักเมืองหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นท่านจะมานึกเสียใจที่ไม่ยอมตามผมไปมันจะสายเกินไปแล้วนะ ท่านก็รู้ว่าผมไม่เอาเปรียบท่านอยู่แล้ว”

เซียวเฟิงหว่านล้อมอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่

“เอ่อ…” บิชอปเรนัลด์ตกใจกับสิ่งที่เซียวเฟิงคาดการณ์ เขาคิดทบทวนก็เห็นภาพตามเช่นนั้น ณ แผ่นดินด้านล่างนั้นถูกดูแลโดยพระสันตะปาปา หาใช่เทพธิดาแห่งแสงไม่ และเพราะนครศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเทพธิดาแห่งแสง เขาจึงเป็นได้มากสุดก็แค่อาร์คบิชอปเท่านั้น

“เข้าใจแล้ว! ข้าจะไปกับท่านด้วย!” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่กับตนเองพักหนึ่ง ท้ายสุดบิชอปเรนัลด์ก็ตอบตกลงออกไป อันที่จริงเขาก็เคยคิดอยากจะออกจากนครศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับบิชอปไคเซอร์เมื่อนานมาแล้ว การที่ครั้งนี้มันสำเร็จก็เพราะเซียวเฟิงดีต่อเขามาโดยตลอด

“ยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น ถ้ายังไงท่านก็ไปเก็บสัมภาระมาได้เลย จากนั้นพวกเราจะไปจากที่นี่กัน” เซียวเฟิงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แผนการของเขาสำเร็จแล้ว จริง ๆ จะเรียกแผนก็คงจะไม่เต็มปากนั้นเพราะเขาแทบไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย เมืองแห่งความโศกเศร้านั้นใหญ่กว่าเมืองหลักเมืองอื่น ๆ อีกมาก ถ้าหากนับให้มืองจักรวรรดิเป็นเมืองหลักขนาดใหญ่และเมืองเทียนหลงเป็นเมืองหลักขนาดเล็ก เมืองแห่งความโศกเศร้าคือเมืองหลักขนาดกลาง เพราะงั้นมันย่อมต้องมีอะไรที่เหนือกว่าเมืองหลักทั่ว ๆ ไปตามขนาดที่มันเป็นอยู่แล้ว

กระนั้นก็ยังเหลืออีกหนึ่งปัญหา นั่นคือ ก่อนหน้านี้เมืองแห่งความโศกเศร้าเคยเป็นเมืองแห่งความมืดมาก่อน แถมตัวบิชอปเรนัลด์ก็เคยเข้าร่วมทำสงครามกับเมืองนี้เมื่อไม่นานมานี้ด้วย เซียวเฟิงกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาอะไรกับเมืองนี้หรือเปล่า แล้วมันจะนำพาผลเสียอย่าง การที่เขาหนีหายไปเลยตามมาด้วยหรือไม่? ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพอจะมีแผนคร่าว ๆ ในหัวเพิ่มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เลือกที่จะไม่พูดแล้วพาบิชอปเรนัลด์ไปยังเมืองก่อน

ในเมื่อยื่นข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว บิชอปเรนัลด์ก็ไม่ได้อ้อยอิ่ง เขารีบกลับไปและรวบรวมคนของตนมาด้วยในทันที

เซียวเฟิงประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าบิชอปเรนัลด์จะมีผู้ช่วยเยอะขนาดนี้หลังจากที่ได้เลื่อนขั้นเป็นอาร์คบิชอปแล้ว!

เขามีนักบวชทั่ว ๆ ไปสามสิบคน ผู้ประกอบพิธีกรรมสิบห้าคน พระสังฆราชสองคน อัศวินคุ้มกันสองคนและบิชอปชุดสีแดงอีกหนึ่งคนไว้เป็นลูกมือ

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ บิชอปชุดสีแดงนั้นมีเลเวลเทียบเท่ากับบิชอปไคเซอร์ได้เลย! เขาเป็นบิชอประดับสูงที่สุดที่จะอยู่ในเทวสถานเบื้องล่างของวิหารแห่งแสงที่กระจายไปทั่วทุกเมืองหลัก! บิชอประดับนั้นยังเป็นเพียงลูกมือของบิชอปเรนัลด์

สิ่งเหล่านี้ทำเซียวเฟิงเกือบจะหลุดสบถออกมาแล้ว ทำไมบิชอปเรนัลด์ถึงมีทรัพยากรมนุษย์ได้มากขนาดนี้เพียงแค่ไม่กี่วันกันนนะ?

“ท่านอาร์คบิชอป ไปกันเถอะครับ!”

เมื่อผู้ช่วยของเขามารวมตัวกัน บิชอปเรนัลด์ก็เริ่มนับจำนวนคนและพูดด้วยความใจร้อนกับเซียวเฟิง แม้ตามปกติเขาจะคอยประจบสอพลอเซียวเฟิงตลอด ดังนั้นเมื่อโอกาสมาถึง เขาจะไม่พลาดแน่ ๆ ที่จะตามเซียวเฟิงไป

“งั้นก็ตามนั้น”

เซียวเฟิงไม่ได้พูดถึงปลายทางที่จะไป เขาก้าวเข้าไปยังแท่นเทเลพอร์ตแล้วเลือกให้เดินทางออกทันที

กลุ่มของผู้คนมากมายหายไปจากนครศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มแสง จากนั้นก็มาปรากฏตัวอีกทีท่ามกลางการถูกโอบล้อมด้วยกำแพงเมืองที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีของเมืองแห่งความโศกเศร้า

“นะ…นี่มัน…เมืองแห่งความโศกเศร้า?”

พลันเมื่อมาถึงปลายทาง บิชอปเรนัลด์ก็ตกตะลึงจนอาการแสดงชัดผ่านสีหน้า ไม่มีทางที่เขาจะจำไม่ได้เลย นั่นเพราะตัวเขาเองก็เป็นถึง หนึ่งในผู้ที่ร่วมทัพกับเหล่าวิหารแห่งแสงด้วยเช่นกัน

“ที่นี่ยังคงมีกลิ่นอายของความมืดหลงเหลืออยู่เลย พวกเราต้องมาอยู่กันที่นี่จริง ๆ เหรอครับ?” บิชอปชุดสีแดงที่เป็นผู้ช่วยของบิชอปเรนัลด์รวมถึงกลุ่มของสังฆราชมีท่าทีเคร่งขรึมขึ้นมาทันที ซึ่งอัศวินอารักขาที่มาด้วยอีกสองคนเองก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศสลัว ๆ ในเมืองนี้ได้เช่นกัน

“พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ที่นี่กลายเป็นเมืองหลักของผมแล้ว เพราะงั้นมันเป็นของนักผจญภัยด้วย มันค่อนข้างปลอดภัยทีเดียว” เซียวเฟิงรีบพูดเพื่อให้คนเหล่านี้สบายใจก่อน เขากลัวว่าพวกเขาจะกลัวจนพากันหนีไป ขณะเดียวกันเขาก็ส่งข้อความให้หลิวเฉียงเหว่ยจัดการธุระให้เสร็จด้วย

โชคดีที่หลิวเฉียงเหว่ยนั้นจัดการสถานที่ให้หนี่อู๋เรียบร้อยแล้ว เธอจึงสามารถกลับมายังจัตุรัสเทเลพอร์ตได้ทันที นอกจากนี้ แม้ว่าบิชอปเรนัลด์และคนของเขาจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจใด ๆ ออกมา ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่แต่อย่างใด

“เธอคนนี้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลปราสาทประจำเมืองแห่งความโศกเศร้า ชื่อว่าโรส ถ้าหากพวกท่านต้องการอะไร สามารถบอกเธอได้เสมอเลย พวกเราจะตอบสนองให้ได้ตามความสามารถที่มี”

เซียวเฟิงรีบหันไปแนะนำคนอื่นให้เหล่า NPC รู้จัก การที่ต้องโน้มน้าวให้คนจำนวนมากนี้อยู่ต่อมันเป็นเรื่องที่หนักอยู่เหมือนกันสำหรับเขา ดังนั้นจึงไม่ได้อยากจะเผชิญปัญหานี้นานนัก

“โรส ท่านนี้คือบิชอปเรนัลด์จากวิหารแห่งแสง ผู้ที่ซึ่งจะมาสร้างวิหารแห่งแสงในเมืองแห่งความโศกเศร้านี้ ต้อนรับเขาให้สมเกียรติทีนะ”

“ท่านบิชอปเรนัลด์ และทุกท่านจากวิหารแห่งแสง ยินดีที่ได้พบพานค่ะ ได้โปรดมากับฉันแล้วเลือกบริเวณที่ท่านชอบได้เลย ในการสร้างวิหารแห่งแสง หากท่านมีความต้องการหรือกำหนดการอย่างไร ท่านสามารถบอกฉันได้ทุกเมื่อ”

หลิวเฉียงเหว่ยที่ได้ยินว่าคนเหล่านี้จะมาสร้างวิหารแห่งแสง เธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ต่อให้เซียวเฟิงจะไม่บอกเธอ เธอก็พร้อมจะต้อนรับพวกเขาด้วยความอ่อนโยนอยู่แล้ว

“ถ้างั้นช่วยพาพวกข้าไปเดินดูรอบ ๆ สถานที่ยิ่งใหญ่ประจำเมืองนี้หน่อย แล้วก็พาไปดูจุดฟื้นฟูด้วย อ้อ ศูนย์กลางของเมืองด้วยนะ”

บิชอปเรนัลด์ไม่รอช้าที่จะพูดเอ่ยไปตรง ๆ เพื่อขอให้เธอพาไปชมรอบ ๆ สถานที่สำคัญต่าง ๆ ภายในเมือง ซึ่งหลิวเฉียงเหว่ยก็ไม่ได้ขัดอะไรทั้งนั้น เธอพาคนเหล่านี้ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามที่พวกเขาขอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พี่เซียว จะก่อตั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เหรอ?” เฉียนโตวโตวเดินเข้ามาหาเขา ณ ตอนนั้น พร้อมกับเอ่ยถามเซียวเฟิงด้วยความตกใจ

“แน่นอน ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ทั้งนั้น” เซียวเฟิงยืดอกผายแล้วโอ้อวดตน มันเป็นท่าที่ค่อนข้างหาชมได้ยากเลยทีเดียว “ยังไงก็เถอะ ที่อยู่ของหนี่อู๋เรียบร้อยดีไหม?”

“เรียบร้อยดีค่ะ เราทำตามที่เขาขอมาทุกอย่างเลย พี่หลิวจัดห้องสำหรับเล่นแร่แปรธาตุขนาดใหญ่ให้เขา ตอนนี้ทั้งอาจารย์ตี้แล้วก็ท่านตี้อู่หยาก็อยู่กันที่นั่นด้วย”

พูดถึงเรื่องนี้เฉียนโตวโตวก็กัดฟันแน่นและแสดงสีหน้าเจ็บใจขึ้นมา “ครั้งนี้แหละ ฉันจะต้องทำให้ตี้อู่หยากับตี้หลิวอยู่ที่เมืองแห่งความโศกเศร้าต่อให้ได้! ฉันยอมทุ่มทุกอย่างที่ทำได้แล้ว รวมถึงวัตถุดิบทั้งคลังไปวางกองต่อหน้าทั้งสองเลย! ฉันเห็นนะว่าสายตาของพวกเขาดูจะสนใจของพวกนั้นขนาดไหนตั้งแต่ตอนที่พี่หลิวพูดแล้ว! เพราะงั้นฉันไม่เชื่อหรอกว่าครั้งนี้พวกเขาจะปฏิเสธน่ะ!”

เซียวเฟิงแทบจะสำลักกับท่าทีของเฉียนโตวโตว เขาพูดอะไรไม่ออก เมื่อมองเฉียนโตวโตวที่กำลังคิดการใหญ่อยู่ สลับกับหลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังเดินไกลออกไป เซียวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าเธอพวกนี้วางแผนใหญ่ยิ่งกว่าที่เขาวางตอนพาคณะบิชอปมาที่นี่เสียอีก เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ฝากเรื่องการสร้างเมืองแห่งความโศกเศร้าไว้ในมือของพวกเธอ