บทที่ 313 พบกันในเมืองแห่งความโศกเศร้า

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 313 พบกันในเมืองแห่งความโศกเศร้า
บทที่ 313 พบกันในเมืองแห่งความโศกเศร้า

สถานที่ตั้งของเมืองไป๋เหลาหู่นั้นอยู่ที่มุมของทิศตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนแห่งพระเจ้า นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมที่นี่ถึงอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย หากแต่ก็มีประชากรผู้เล่นค่อนข้างน้อย

ที่แห่งนี้เป็นเมืองหลักที่เหมาะแก่การที่ผู้เล่นจะมาพัฒนาตนเองมาก ๆ มันมีจุดเกิดมอนสเตอร์อยู่มากมาย ในขณะเดียวกันมอนสเตอร์เหล่านั้นก็ไม่ได้กำจัดยากจนเกินไปด้วย ไหนจะยังมีดันเจี้ยนระดับกลางที่มีของรางวัลระดับสูงไว้ให้ มีวัตถุดิบสำหรับใช้ในการเปลี่ยนคลาสขั้นที่ 2 เต็มไปหมดและอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เมืองอื่นไม่มี และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เมืองไป๋เหลาหู่กลายมาเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับหลาย ๆ กิลด์ที่ต้องการมาเก็บเลเวลหรือพัฒนากิลด์ของตนเอง

แต่ด้วยจำนวนประชากรผู้เล่นในเมืองนี้ที่เบาบางมาก ๆ มันก็ได้แสดงให้เห็นว่าเมืองนี้หาได้มีกิลด์ขนาดใหญ่ประจำการอยู่ไม่ แถมแม้แต่กิลด์เล็ก ๆ เองก็ยังมีจำนวนน้อยมาก

ทั้งนี้สาเหตุอาจจะไม่ได้เป็นเพราะตัวเมืองที่อยู่ไกลจากเมืองอื่น ที่ทำให้ผู้เล่นมีอยู่น้อย หากแต่เป็นที่ด้านนอกเมืองนั้นมีแคมป์กิลด์กิลด์หนึ่งถูกตั้งไว้ ซึ่งที่หน้าประตูแคมป์ก็มีป้ายอักษรขนาดใหญ่ถูกแขวนไว้เด่นตา

แอนติควิตี้!

ในตอนนี้ คนราว ๆ หลักแสนคนต่างก็กำลังยืนออกันอยู่ที่ด้านหน้าแคมป์กิลด์ใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จนี้ หากมองด้วยตาเปล่าแล้วจะเห็นเป็นผู้เล่นจำนวนมหาศาลจนไม่สามารถหาได้ว่าทัพผู้เล่นเหล่านี้จะไปสิ้นสุดลงที่ใด พวกเขาทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์เอลฟ์กันทั้งหมด ไม่มีมนุษย์เลยแม้แต่คนเดียว และชื่อกิลด์ที่อยู่ด้านหน้าชื่อผู้เล่นแต่ละคนนั้นก็เป็นกลอรี่กันทั้งหมดเลย!

พวกเขาเป็นคนของกิลด์กลอรี่!

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นทั้งหมดของกิลด์กลอรี่นี่ต่างมารวมกันด้วยความสงบ ไร้ซึ่งเสียงโหวกเหวกโวยวายและไม่ได้มีท่าทีหยิ่งผยอง ราวกับเป็นทหารที่ฝึกมาอย่างดี

ที่ด้านหน้าทางเข้าแคมป์ของแอนติควิตี้ ผู้เล่นวัยกลางคน คนหนึ่งที่มีชื่อบนหัวว่า ‘บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์’ กำลังเดินวนไปวนมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล ชุดอุปกรณ์เริ่มต้นบนตัวเขานั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเพิ่งจะเข้ามาเล่นเกมนี้ได้ไม่นานนัก อย่างไรก็ตาม ความน่าเกรงขามของเขากลับทำให้รองหัวหน้าและสมาชิกระดับอาวุโสของกิลด์กลอรี่ต่างพากันหวาดหวั่นและไม่กล้ามองมายังเขา

“ท่านรองเฉียว ขอโทษจริง ๆ ที่ต้องให้รอ”

ในที่สุด คนกลุ่มหนึ่งก็เดินออกมาจากแคมป์ของแอนติควิตี้ ผู้ที่เดินนำคนเหล่านั้นมาคือ หวงฟู ตงไล เขายิ้มให้บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์อย่างเป็นมิตร ในขณะที่ซีเหมินชุยเสวียและคนอื่น ๆ ก็เดินตามหลังมาด้วย มีเพียงซางกวน อาโอเชินเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่

“ไม่เป็นไรหรอกครับ นายท่านหวงฟู อย่าได้สุภาพกับผมนักเลย มันเป็นความผิดของพวกผมเองที่จู่ ๆ ก็มาที่นี่โดยไม่ได้นัดล่วงหน้าก่อน”

บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์ผู้หยิ่งผยองและสง่างามโค้งให้อีกฝ่ายอีกครั้ง จากนั้นก็พูดกับหวงฟูตงไล่ด้วยความเคารพขณะที่ตัวเขานั้นต้องทำตัวลดต่ำลง

“นี่คือกิลด์กลอรี่งั้นหรือ? ดี ดีมาก ๆ เลย” หวงฟู ตงไลมองไปยังกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่าย รอยยิ้มบนใบหน้าเขาดูกว้างขึ้นไปอีก

“ใช่แล้วครับ แต่นายท่านหวงฟู กิลด์กลอรี่น่ะล่มสลายไปแล้ว ตอนนี้พวกเราคือแก็งชิงหลง และพวกเราพร้อมจะฟังคำสั่งจากแอนติควิตี้แล้วครับ” บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์กล่าวและแอบถอนหายใจ

“กลับไปแล้วบอกนายท่านสวีด้วย ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดเท่าที่เขาเคยตัดสินใจมาเลยล่ะ” หวงฟู ตงไลหัวเราะออกมาเสียงดัง

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะนำเรื่องนี้ไปบอกเขาเอง อย่างไรก็ตาม แก๊งชิงหลงของพวกเราก็มีเรื่องอยากให้ท่านช่วยเสียหน่อย นายท่านหวงฟู” บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์พยักหน้าและพูดต่อ

“อะไรงั้นหรือ?” หวงฟูตงไล่ถามพร้อมรอยยิ้มดังเดิม

“หลายวันก่อน นายน้อยของพวกเรานำคนไปยังเมืองเฉิงไห่ จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของเขาอีกแล้ว พวกเราสงสัยว่าเขาอาจจะถูกฆ่าตายไปแล้วครับ ถึงแม้ว่าเราจะพยายามส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เพราะงั้น…พวกเราจึงหวังว่านายท่านหวงฟูจะช่วยพวกเราตามหาตัวคนฆ่าได้” บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์พูดด้วยความอาฆาตเล็กน้อย

“บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่สินะ? มิน่าล่ะ ฉันว่าไม่เห็นเขาในเกมมาหลายวันแล้ว” ได้ยินเช่นนั้น หวงฟู ตงไลก็แสดงความรู้สึกประหลาดใจออกมา

“ใช่แล้วครับ เพราะการหายตัวไปของนายน้อย นายท่านใหญ่เลยต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นเหตุผลให้กิลด์ของพวกเราถูกส่งต่อให้แอนติควิตี้ดูแลครับ ตอนนี้เป้าหมายเดียวของพวกเราก็คือการตามล่าหาตัวฆาตรกรเท่านั้น” ความแค้นที่ถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้งผ่านแววตาของบริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์

“เข้าใจแล้ว เมืองเฉิงไห่สินะ…มู่หรง นายไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ที” หวงฟู ตงไลพยักหน้า เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับมู่หรงหยุนที่อยู่ด้านหลังเขา

“ได้ครับ”

มู่หรงหยุนทำความเคารพและตอบรับ เขาดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ถูกขัดไปเสียก่อน

“ให้ฉันไปเอง” ผู้ที่ขัดมู่หรงหยุนนั้นมีน้ำเสียงเบาบาง ถึงจะเป็นเสียงที่ดังมาจากไกล ๆ แต่ก็ยังได้ยินชัดเจน เมื่อหันไป ทุกคนก็พบว่าผู้ที่พูดนั้นคือจางเสี่ยวหยูที่กำลังเดินออกมาจากแคมป์กิลด์

“นายหญิงจาง”

“ท่านหญิงจาง”

กลุ่มคนหนุ่มต่างพากันหันไปทักทายจางเสี่ยวหยู ไม่เว้นแม้แต่ซีเหมินชุยเสวียผู้หยิ่งผยอง ภาพที่เห็นนี้ทำเอาบริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์ถึงกับตาโตเลยทีเดียว

“ท่านหญิงจางมีแผนที่จะไปยังเมืองเฉิงไห่อยู่แล้วเหรอครับ?” หวงฟู ตงไลยังคงยิ้มด้วยความสุภาพขณะมองไปยังจางเสี่ยวหยู

“อืม มีเรื่องของตระกูลจางที่ต้องไปจัดการในเมืองเฉิงไห่นิดหน่อย คิดซะว่าจะไปเที่ยวด้วย ระหว่างนั้นเดี๋ยวจะช่วยสะสางปัญหาของพวกนายให้ก็แล้วกัน” จางเสี่ยวหยูพยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูพราวเสน่ห์อันงดงามบนใบหน้าของเธอ

“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหญิงจางด้วยจริง ๆ ครับ”

หวงฟู ตงไลโค้งให้จางเสี่ยวหยู ซึ่งมู่หรงหยุนก็โล่งใจมาก ๆ เพราะเขาคิดว่ามันน่าจะช่วยลดเวลาของตัวเองไปได้เยอะเลย

“เรื่องเล็ก ๆ น่ะ” จางเสี่ยวหยูหันหน้ากลับแล้วเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

บริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์ปาดเหงื่อบนหน้าผากของตนที่ซึมออกมาจาง ๆ ก่อนหันไปถามหวงฟู ตงไลด้วยความระมัดระวัง

“นายท่านหวงฟูครับ เธอคนนั้นใช่ท่านหญิงจางจากตระกูลจางแห่งอู๋ตั้งหรือเปล่าครับ?”

“ฉันพูดว่า การที่เลือกแอนติควิตี้ให้เป็นผู้ดูแลต่อนั้น ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับแก๊งชิงหลง” แต่หวงฟู ตงไลไม่ได้พูดอะไรมากนัก กระนั้นแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็อธิบายทุกอย่างแทนหมดแล้ว

รอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจของบริลเลียนท์รีเซอร์เจนซ์เต้นแรง เขารีบขอตัวจากหวงฟู ตงไลแล้วออฟไลน์จากเกมทันที ดูเหมือนเขาจะต้องไปรีบแจ้งข่าวนี้ให้ผู้นำใหญ่ฟังให้เร็วที่สุดแล้ว

เซียวเฟิงกลับไปยังห้องทำงานของอาจารย์ตี้ในเมืองเฮ่ยฉีอีกครั้ง ตอนแรกเขาวางแผนว่าจะกลับไปเพียงคนเดียวหลังจากที่ได้แท่นเทเลพอร์ตแล้ว ทว่าอาจารย์ตี้และตี้อู่หยาขอให้พาพวกเขาไปด้วย เพราะอยากจะเจอเพื่อนเก่าอย่างหนี่อู๋

ดังนั้นแล้ว เซียวเฟิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาทั้งสองคนนี้ไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้าด้วย หลังจากที่แจ้งเรื่องให้หลิวเฉียงเหว่ยรู้ล่วงหน้าไปแล้ว ชายหนุ่มก็สั่งใช้งานแหวนอวกาศและกลับไปยังถ้ำลับในหมู่บ้านเริ่มต้นทันที

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา! เป็นอย่างไรบ้าง แท่นเคลื่อนย้ายซ่อมได้ไหม?”

หนี่อู๋ที่เบื่อสุด ๆ หลังจากที่ตัวเขานั้นแพ็กสัมภาระทุกอย่างภายในถ้ำลงกระเป๋าไปหมดแล้ว เขากระโจนใส่เซียวเฟิงในทันทีที่เห็นว่าเจ้าตัวกลับมาแล้ว

“เรียบร้อยดีครับ”

เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจท่าทีร้อนใจของอีกฝ่ายที่กระทำต่อเขา แม้ว่าตอนนี้ตัวเขาจะเป็นชาววังก็ตาม กลับกัน ชายหนุ่มเลือกที่จะหยิบเอาแผ่นหินเคลื่อนย้ายที่ทำจากหินอวกาศหกสิบสี่ก้อนขึ้นมาแทน

“เยี่ยมไปเลย! เท่านี้ข้าก็จะได้สามารถออกจากถ้ำเฮงซวยที่แม้แต่นกก็ไม่สามารถวางไข่ได้เสียที!”

บอสระดับเทพเจ้าอย่างหนี่อู๋ไม่สามารถอดที่จะแสดงท่าทีเหมือนเด็กที่ได้เห็นของเล่นที่ตนชอบได้ เขากระโดดไปมาด้วยความตื่นเต้น โชคดีที่อย่างน้อย ๆ หนี่อู๋ก็ยังรู้วิธีใช้งานแผ่นหินเคลื่อนย้ายนี้ เพราะเซียวเฟิงนั้นไม่ได้ถามวิธีใช้มาด้วย

แผ่นหินเคลื่อนย้ายถูกติดตั้งอย่างรวดเร็ว และเมื่อมันถูกติดตั้งเสร็จ หนี่อู๋ก็ก้าวขาเข้าไปบนแท่นหินนั้นด้วยความตื่นเต้นด้วย เซียวเฟิงไม่ได้เดินตามเขาเข้าไป แต่ถึงอย่างนั้นก็บอกอีกฝ่ายไว้แล้วว่าให้ไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้าได้เลย เพราะงั้นหลังจากที่หนี่อู๋หายไปจากแท่นเทเลพอร์ต เขาก็เดินตรงไปด้านหน้าและเตรียมจะเก็บแท่นเทเลพอร์ตนั้นกลับคืนแล้ว

ทว่าสิ่งที่รออยู่ตรงหน้ากลับเป็นเศษซากของแท่นเทเลพอร์ตที่แตกกระจายไปหมด เซียวเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมามาก ๆ เพราะเขาตั้งใจว่าจะเก็บมันกลับไปรีไซเคิลแท้ ๆ

“เอาจริงดิ!?”

มันเป็นสิ่งที่พูดอะไรไม่ออกเลย ไม่คาดคิดเลยว่าค่าใช้จ่ายในการย้ายหนี่อู๋ออกจากที่นี่จะสูงถึงเพียงนี้ เซียวเฟิงยืนนิ่งมองเศษซากแผ่นหินบนพื้นอยู่อย่างงั้นอีกครู่หนึ่ง ก่อนท้ายสุดจะออกไปด้วยความเสียดายและกลับเมืองด้วยการสั่งใช้งานแหวนจักรวาลแทน

เมืองแห่งความโศกเศร้ายังไม่เปิดอย่างเป็นทางการในตอนนี้ เพราะงั้นภายในเมืองจึงมีแค่เหล่า NPC แล้วก็สมาชิกหลักของเหล่ามิดซัมเมอร์ที่เข้ามาอยู่ภายในเมืองเท่านั้น หนี่อู๋ได้พบกับอาจารย์ตี้และตี้อู่หยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้พวกเขากำลังคุยกันด้วยความตื่นเต้นอยู่ที่จตุรัสเทเลพอร์ต ซึ่งหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ได้เข้ามารับ NPC ทั้งสามคนนี้ด้วยตัวเธอเองให้สมเกียรติด้วย

ไม่นานนักเซียวเฟิงก็เดินออกมาจากจุดเทเลพอร์ตนั้นเหมือนกัน ทว่าก่อนที่เขาจะเดินตามคนอื่น ๆ ไป ก็รู้สึกได้ว่าท้องฟ้ามันสว่างวาบกว่าปกติ

“โอ้ ไม่นะ มีบางสิ่งบางอย่างไม่ปกติ!”

หนี่อู๋จู่ ๆ ก็ตะโกนขึ้นมา เขาหันมองไปรอบ ๆ และหลังจากพบเซียวเฟิงแล้ว เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มเพื่อหลบด้านหลังราวกับเป็นลิงที่กำลังกลัวเสือชีต้าร์จะมาไล่ก็มิปาน

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” อาจารย์ตี้และตี้อู่หยารีบเดินกลับมาดูและถามด้วยความประหลาดใจ

“เทพธิดาแห่งแสงกำลังมา!” หนี่อู๋กระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาไปหมด ชัดเจนเลยว่าเขากลัวมาก ๆ

อันที่จริงไม่ต้องอธิบายก็พอรู้อยู่ เพราะเซียวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งฟากฟ้าเหมือนกับแสงจากดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่เหมือนกัน และในตอนนั้นเอง ฟากฟ้าเหนือเมืองแห่งความโศกเศร้าก็เกิดรอยแยกขึ้นราวกับกระจกที่กำลังแตกออก จากนั้น ร่างของเทพธิดาแห่งแสงผู้งดงามและเปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่ก็ชะโลมตัวลงมาจากรอยแยกนั้น เธอมองลงมายังเมืองแห่งความโศกเศร้า ผ่านตัวเซียวเฟิงไปมองยังสิ่งที่อยู่ด้านหลังเขาอย่างหนี่อู๋

“ทะ…ท่านเทพธิดาแห่งแสง สบายดีไหมครับ?”

เซียวเฟิงรู้สึกได้เลยว่าหนี่อู๋ที่อยู่ด้านหลังเขากำลังจับเสื้อเขาไว้แน่นสุด ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฝืนยิ้มแข็ง ๆ แล้วโบกมือให้เทพธิดาแห่งแสงที่อยู่บนฟ้าแทน

เทพธิดาผู้เลอโฉมไม่ได้โต้ตอบใด ๆ ทั้งสิ้น เธอเหมือนเครื่องจักรที่เยือกเย็น การปรากฏตัวของเธอทำให้ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในเมืองแห่งความโศกเศร้าต่างพากันจับจ้องอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วน NPC ก็พากันคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ อาจารย์ตี้ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเพราะเขาเป็นเผ่าคนแคระ และตี้อู่หยาก็เพียงทำความเคารพด้วยการยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแนบที่อกของตน เหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ทำให้ผู้เล่นเริ่มจะพูดคุยกันแล้ว

ขณะที่มองไปยังเทพธิดาแห่งแสงผู้สมบูรณ์แบบบนฟากฟ้า หลิวเฉียงเหว่ยก็รู้สึกไม่มั่นใจในตนเองอยู่ภายในอก น้อยครั้งที่เธอจะรู้สึกเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม เทพธิดาแห่งแสงนั้นไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นอยู่นานนัก ครู่หนึ่งเธอก็ย้อนกลับไปยังรอยแตกบนฟากฟ้าดังเดิม หลังจากที่เธอกลับเข้าไปแล้ว รอยแตกนั้นก็ฟื้นฟูกลับไปและหายสนิทราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น

“ข้านึกว่าจะตายเสียแล้ว! หรือว่าข้าตายไปแล้วนะ!”

หนี่อู๋นั่งลงไปกับพื้นพร้อมหอบหายใจถี่ก่อนจะหันไปกล่าวชมเซียวเฟิง “ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าเป็นอาร์คบิชอปแห่งวิหารแห่งแสง ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับเทพธิดาแห่งแสงในระดับหนึ่งเลยสินะ ยังไงก็เถอะ ข้ายอมมาอยู่กับเจ้าแล้ว เจ้าต้องปกป้องข้าในอนาคตด้วยนะ”

ทั้งอาจารย์ตี้และตี้อู่หยาต่างก็มองหนี่อู๋โดยที่พูดอะไรไม่ออก มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยเท่านั้นที่จ้องมองไปยังเซียวเฟิงหลังได้ยินว่าเซียวเฟิงนั้นคุ้นเคยกับเทพธิดาแห่งแสง

“ฉันจะไปวิหารแห่งแสงตอนนี้เลย”

เซียวเฟิงพูดเบา ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้ามา วิหารแห่งแสงที่เขาว่านั้น หมายถึงเทวสถานหลักภายในนครศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่คาดคิดว่าเทพธิดาแห่งแสงจะปรากฏตัวเร็วขนาดนี้ด้วยตนเอง เธอแทบจะปรากฏตัวทันทีเลยด้วยซ้ำเมื่อหนี่อู๋ออกจากถ้ำลับที่หมู่บ้านเริ่มต้น

ชัดเจนเลยว่าสถานการณ์ของหนี่อู๋นั้น น่าจะแย่กว่าที่เซียวเฟิงคิดมาก เพราะงั้นเขาจึงจำเป็นต้องไปพบเทพธิดาแห่งแสงเพื่อรายงานเรื่องนี้

“ท่านอาจารย์หนี่อู๋ ได้โปรดมากับฉันด้วยเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาเดินชมรอบ ๆ เมืองเอง ท่านจะได้สามารถเลือกทำเลที่ชอบและสร้างห้องที่ใช้สำหรับศึกษาวิชาแปรธาตุของท่านได้ พวกเราจะช่วยสนับสนุนท่านด้วยวัตถุดิบที่ไม่มีจำกัดและไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งนั้น”

เมื่อเซียวเฟิงไปแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็รีบเดินเข้ามาทำหน้าที่ต้อนรับหนี่อู๋แทนทันที ซึ่งขณะที่พูดนั้นเธอก็หันไปดูแลอาจารย์ตี้และตี้อู่หยาไปพร้อม ๆ กันด้วย

เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เธอพูดเรื่องวัตถุดิบเมื่อครู่นั้น มันจะได้ผลกับ NPC สองคนนี้ด้วย เพราะพวกเขาถึงกับต้องหยุดและมองหน้ากันเอง ดูท่ามันจะช่วยกระตุ้นต่อมอะไรสักอย่างภายในใจพวกเขาทั้งสองเสียแล้ว