ตอนที่ 811 นายมันก็แค่ก้อนหินข้างทาง

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“ไม่ได้ต้องเปิดก้นส่องตรวจภายในเสียหน่อย หาจิตแพทย์ต้องขอหมอผู้หญิงด้วย?” เสี่ยวเชี่ยนอยากจะบ้า 

 

 

ไปช่วยงานโรงพยาบาลรัฐไม่มีค่าตอบแทนให้ ประธานเชี่ยนไม่อยากไป 

 

 

“เธอยังเป็นหมออยู่ไหมเนี่ย? มีหมอคนไหนบ้างว่าคนไข้แบบนี้? ถ้าเขาสบายดีแล้วจะมาหาเธอทำไม คนนิสัยเจ้าเล่ห์จอมร้ายกาจแบบเธอคิดว่านอกจากอวี๋ไข่เหล็กแล้วจะมีใครกล้าเข้าใกล้เธออีก รีบๆไปด้วยนะ” 

 

 

“อาจารย์ หนูก็มีงานต้องทำของหนูนะคะ ก็นึกว่าอาจารย์จะหางานอะไรยากๆให้ทำเสียอีก ที่แท้ก็แบบนี้ ให้คนอื่นไปเถอะค่ะ ลูกศิษย์อาจารย์ตั้งเยอะแยะ หนูอยากเก็บบ้าน เดี๋ยวเสี่ยวเฉียงกลับมาครั้งหน้าพวกเราก็จะย้ายบ้านแล้ว ยังไงซะพวกเราก็เพิ่งข้าวใหม่ปลามัน…” 

 

 

“ข้าวใหม่ปลามันกับผีสิ พวกเธอจู๋จี๋กันมานานเท่าไรแล้วยังจะมีหน้าพูดว่าตัวเองข้าวใหม่ปลามันอีกเหรอ? แอบไปทำกันตั้งกี่ครั้งแล้วตั้งแต่หลายปีก่อน ยังจะมาพูด” 

 

 

“โอเคค่ะโอเค หนูไป เลิกบ่นค่ะ ว่ามาสิคะที่ไหน” 

 

 

“ศูนย์บำบัดจิตใจผู้ป่วยโรคประสาทของอำเภอข้าวซัน” ศาสตราจารย์หลิวพูดชื่อสถานที่ที่เตรียมไว้ให้เสี่ยวเชี่ยนนานแล้ว 

 

 

พ่อแม่ที่เลี้ยงหลิวเหมยมาอยู่ที่อำเภอข้าวซัน 

 

 

โวะ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนเมื่อกี้ตัวเองเพิ่งหลบหมัดของฟู่กุ้ย แต่ตอนนี้เจอลูกถีบของอาจารย์ตัวเองเต็มๆ ดูท่าคงต้องไปแล้ว ปัดไปปัดมาสุดท้ายก็งานเข้าอยู่ดี 

 

 

วันอาทิตย์ เสี่ยวเชี่ยนนั่งรถใหม่ของฟู่กุ้ย หลิวเหมยบอกว่าชอบรถจี๊ปเขาก็ซื้อรถจี๊ปจริงๆ แม้จะต้องกู้เงินซื้อมาก็ตาม 

 

 

พอขึ้นรถก็เหม็นกลิ่นความรักทันที เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกมากที่เอาที่ปิดตากับหูฟังมาด้วย สองคนข้างหน้าพอทิ้งความโสดได้ก็หวานไม่เลือกที่ เจ๊าะแจ๊ะกันไม่หยุด เสี่ยวเชี่ยนคาดผ้าปิดตาใส่หูฟังนั่งอยู่ข้างหลังพลางคิดว่าถ้าเสี่ยวเฉียงอยู่บ้านสองคนนี้จะได้ใจแบบนี้เหรอ? 

 

 

หากขับรถจากเมืองที่เสี่ยวเชี่ยนอยู่ตอนนี้ไปอำเภอข้าวซันใช้เวลาหลายชั่วโมง พวกเธอจึงออกจากบ้านกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เสี่ยวเชี่ยนนั่งสักพักก็สะลึมสะลือหลับไป พอรู้สึกตัวว่ารถหยุดเธอจึงเปิดที่ปิดตา แล้วก็พบว่ายังไม่ถึงที่หมาย แต่รถจอดอยู่บนทางไหล่เขาก่อนเข้าเมือง 

 

 

“ข้างหน้ามีคนต้องการความช่วยเหลือ” ฟู่กุ้ยเห็นมีกลุ่มคนยืนโบกมือไม่หยุดที่ข้างทาง 

 

 

“พี่ชาย ช่วยพวกเราหน่อยได้ไหม พวกเราจะไปด้านนั้นของภูเขา” 

 

 

“พวกคุณจะไปทำอะไรกันครับ?” ถ้าบนรถไม่มีผู้หญิงมาด้วยฟู่กุ้ยคงยินดีให้ไป แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มและมากันหลายคน เขาย่อมนึกถึงผู้หญิงทั้งสองคนบนรถก่อน 

 

 

“พวกเราไม่ใช่คนเลว พวกเราเป็นทหาร กำลังทำภารกิจกันอยู่” 

 

 

มีคนหนึ่งหยิบบัตรประจำตัวของทหารออกมา 

 

 

ฟู่กุ้ยสงสัย เป็นทหารทำไมแต่งตัวเหมือนชาวบ้าน? แสงไฟสลัวๆทำให้มองไม่ชัดด้วย ไม่รู้ว่าบัตรของจริงหรือของปลอม 

 

 

เขารับมาดู ก็จริงนี่นะ 

 

 

“มีอะไรเหรอคะ?” หลิวเหมยลงมาจากรถ เวลานี้ฟ้ายังไม่สว่าง จึงมองเห็นกันไม่ชัด แต่พอเธอพูดก็มีคนจำได้ 

 

 

“หลิวเหมย?” 

 

 

“หม่าลุ่ย?” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนที่อยู่บนรถเปิดไฟให้ ทีนี้ทุกคนเห็นหน้ากันชัดแล้ว 

 

 

หม่าลุ่ยยืนอยู่กับอีกสองคน แต่งตัวเหมือนชาวบ้านธรรมดา ท่าทางดูเหนื่อยล้า 

 

 

หม่าลุ่ยนึกไม่ถึงว่าจะได้เจอหลิวเหมยที่นี่ โดยเฉพาะหลังจากที่หลิวเหมยถีบหัวส่งเขาแล้วไปคบกับฟู่กุ้ย แถมOneยังเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของที่นี่ Oneยังมีอีกสถานะหนึ่งคือเป็นสามีของเฉินเสี่ยวเชี่ยน ข้อมูลเหล่านี้ได้สร้างแรงกดดันให้กับหม่าลุ่ยเป็นอย่างมาก 

 

 

“หม่าลุ่ยทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” หลิวเหมยถามด้วยความตกใจ 

 

 

แฟนเก่าเจอแฟนใหม่ อีกทั้งยังอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ขอเธอคิดดูก่อนว่านี่มันเรื่องอะไรกัน… 

 

 

ขณะที่หลิวเหมยกับฟู่กุ้ยกำลังงงกับการปรากฏตัวของหม่าลุ่ยอยู่นั้น สมองของเสี่ยวเชี่ยนก็วิเคราะห์ได้แล้วว่าทำไมหม่าลุ่ยถึงมาอยู่ที่นี่ 

 

 

หม่าลุ่ยมาดูการฝึกของหน่วยเสินเจี้ยน อำเภอนี้ห่างจากหน่วยเสินเจี้ยนไกลมากแต่มีภูเขา บวกกับที่อวี๋หมิงหลางไม่กลับบ้านและไม่ติดต่อเธอหลายวันแล้ว… 

 

 

อ้อ เข้าใจแล้ว 

 

 

นี่ถ้าไม่ใช่การฝึกซ้อมในภูเขาก็คงเป็นการคัดเลือกทหารสินะ 

 

 

การทดสอบที่ต้องอาศัยทักษะการเอาตัวรอดแบบนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น จะปลอมตัวก็ได้ การอาศัยยานพาหนะจึงใช่ว่าจะทำไม่ได้ 

 

 

ดังนั้นหม่าลุ่ยถึงคิดจะใช้ทางลัด? 

 

 

แต่นึกไม่ถึงว่าโลกจะกลม แจ็คพอตมาเจอหลิวเหมยกับฟู่กุ้ย 

 

 

บรรยากาศเข้าสู่ความกระอักกระอ่วน 

 

 

ฟู่กุ้ยได้สติขึ้นมาก่อน 

 

 

“รถผมคงนั่งไม่ได้หมด แต่ถ้าพวกคุณต้องการความช่วยเหลือจริงๆจะถือสาไหมครับถ้าจะนั่งตรงที่เก็บของด้านหลัง?” 

 

 

หม่าลุ่ยมองรถของฟู่กุ้ย รถจี๊ปใหม่เอี่ยม… 

 

 

รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าเข้าอย่างจัง 

 

 

พอหันไปมองฟู่กุ้ยอีกทีก็แฝงด้วยสายตาไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้แย่งผู้หญิง ‘ของเขา’  แถมยังซื้อรถที่เขาอยากซื้อ เวลานี้หม่าลุ่ยคิดว่าฟู่กุ้ยจงใจทำให้เรื่องวุ่นวาย 

 

 

“ผมไม่นั่งรถของคุณ พวกคุณไม่ต้องมาเสแสร้ง” หม่าลุ่ยหันหน้าหนี 

 

 

ทหารอีกสองคนที่เหนื่อยจนไม่ไหวแล้วมองหม่าลุ่ยอย่างอึ้งๆ บ้าไปแล้วเหรอ? 

 

 

ในช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกเขาเข้าร่วมการคัดเลือกทหารเหนื่อยจนแทบขาดใจตาย หิวจนเดินแทบไม่ไหว ตอนนี้ใกล้หมดเวลาแล้วด้วย กว่าจะโบกรถแล้วมีคนจอดรับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วหม่าลุ่ยยังจะบอกว่าไม่นั่ง? 

 

 

หลังหม่าลุ่ยพูดจบ อันที่จริงแล้วเขากำลังรอ รอตามความเคยชิน 

 

 

เมื่อก่อนเวลาที่เขาทำตัวแบบนี้หลิวเหมยก็จะเข้ามาง้อ เวลาแบบนี้เธอต้องเข้ามาง้อเขาสิถึงจะถูก 

 

 

“ไม่นั่งก็ไม่นั่ง ไม่บังคับ แล้วพวกคุณสองคนจะไปด้วยไหมคะ?” หลิวเหมยทำใจเรื่องหม่าลุ่ยได้แล้วจริงๆ มองเขาเหมือนเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง 

 

 

“พวกเรา…” สองคนนั้นมองหน้ากัน “ก่อนเริ่มคัดเลือกมีบอกไว้ว่าปลอมตัวได้ หาวิธีอาศัยยานพาหนะก็ได้ แต่ห้ามกินอาหารจากชาวบ้าน แล้วก็ห้ามทำลายสถานที่ ดังนั้นพวกเราไม่ได้ทำผิดกติกา ไปเถอะ” 

 

 

“เหลาหม่า ไปดิ” 

 

 

“ฉันไม่ไป” หม่าลุ่ยโมโหเพราะหลิวเหมย ทำไมเธอเปลี่ยนไปแบบนี้? 

 

 

ทหารสองคนมองหน้ากัน แล้วก็ไม่บังคับหม่าลุ่ยอีก พวกเขาเดินทางมาเข้าร่วมการทดสอบเพราะอยากเข้าหน่วยเสินเจี้ยนมาก แต่หม่าลุ่ยไม่เหมือนกัน ดูเหมือนเขาจะแพ้พนันใครนี่แหละเลยต้องมาเข้าร่วมการคัดเลือกด้วย 

 

 

ทหารสองคนนั้นขึ้นท้ายรถ หลิวเหมยหันเดินกลับรถ ฟู่กุ้ยมองหม่าลุ่ยที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสงสาร 

 

 

ตอนคบกันทำเป็นได้ใจนัก พอเลิกกันแล้วนายก็แค่ก้อนหินข้างทาง จะทำหยิ่งไปทำไม? 

 

 

“หลิวเหมย” หม่าลุ่ยตะโกนเรียกหลิวเหมย 

 

 

หลิวเหมยหันไปมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

“คุณไม่แคร์เรื่องราวที่ผ่านมาของเราเลยเหรอ? คุณลืมเรื่องในอดีตได้ไวขนาดนี้เลยเหรอ?” 

 

 

ฟู่กุ้ยทนฟังต่อไปไม่ไหว นี่คิดจะเอาเรื่องศีลธรรมมาผูกมัดหลิวเหมยเหรอ? คนที่ไม่รู้เรื่องมาได้ยินหม่าลุ่ยพูดแบบนี้จะคิดกับหลิวเหมยยังไง? 

 

 

“ฉันลืมไปแล้ว” หลิวเหมยตอบตรงๆ 

 

 

หม่าลุ่ยสะเทือนใจอีกรอบ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงเปลี่ยนใจง่ายแบบนี้ กลายเป็นคนละคน