บทที่ 41 กลุ่มนักเวทฝึกหัด Ink Stone_Fantasy
เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่คุกคาม สไมล์พยายามไม่มองหน้าที่ถูกบดบังภายใต้หมวกคลุมศีรษะ ราวกับว่ามีหลุมอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ในนั้น ถึงขั้นคิดไปว่านักเวทที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้ใช้มนตร์ดำ
หลังจากสวมแหวนอาฆาตเหมันต์ ก็เกิดความเย็นไหลเข้าสู่ร่างลูเซียน เพิ่มพลังความมุ่งมั่นของเขา ในขณะเดียวกัน ลูเซียนก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่แผ่รอบตัวซึ่งเกิดจากแหวนวงนั้น
ด้วยแหวนอาฆาตเหมันต์นี้ จิตของลูเซียนสามารถจะไม่สะทกสะท้านต่อพลังเวทระดับฝึกหัดทั้งหมดพยายามควบคุมจิตของเขา และใครก็ตามที่สวมแหวนวงนี้ ในขณะเดียวกัน จะมีเพิ่ม ‘อำนาจความกลัว’ ซึ่งให้คนรอบๆ รู้สึกกลัวชั่วขณะ มักเป็นการเพิ่มพลังของอัศวิน
ลูเซียนก้าวเข้ามาในห้องและปิดประตูโดยไม่ขออนุญาตอีกฝ่าย สไมล์จับตามองเขาอย่างระแวดระวัง ลูเซียนค่อยๆ เดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงแสร้งแข็งกร้าวอีกครั้ง
“ข้ารู้จักนาง นักเวทฝึกหัดนั่นคนั้นโดยบังเอิญ นางนัดข้าให้มาพบนักเวทจากศูนย์บัญชาการสภาเวทมนตร์แห่งทวีป ข้าตั้งตารอพบเขาเพื่อจะได้รู้จักดินแดนที่นักเวททั้งหลายสามารถศึกษาเวทมนตร์ได้อย่างเสรี แต่ก่อนถึงวันนัด นางก็มาตายเสียก่อน และข้าก็ไม่มีโอกาสได้พบนักเวทคนนั้นอีกเลย ข้าคิดจะถามเจ้าหนุ่มที่ชื่อลูเซียนแบบเดียวกันนี่แหละ แต่นกฮูกของเจ้าก็ชิงถามก่อน”
เมื่อรู้ว่านักเวทที่นั่งตรงหน้าไม่ใช่ศัตรู สไมล์ก็รู้สึกผ่อนคลาย เขาถูมือและเริ่มอธิบายว่าเหตุใดเขาจึงตามหานักเวทลึกลับคนนั้นด้วยเช่นกัน
“ข้าพบนางเมื่อหลายเดือนก่อนและได้เชิญนางมาเข้าร่วมการประชุมลับๆ ของกลุ่มนักเวทฝึกหัด ต่อมานางบอกพวกเราว่านางได้พบนักเวทผู้เก่งกาจจากสภาเวทมนตร์แห่งทวีป นางเล่าว่าดินแดนที่เป็นที่ตั้งของสภานั้น นักเวททุกคนไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ พวกเรา…รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเลย…”
“ข้าเข้าใจ” ลูเซียนพยักหน้า “พวกเราเป็นนักเวท ไม่ใช่หนู เราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้”
สไมล์เงยหน้าและเริ่มรู้สึกสนิทใจกับแขกแปลกหน้าผู้นี้ เหล่านักเวทมักจะเข้าใจเรื่องการต่อสู้ดิ้นรนและความกลัวของอีกฝ่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคนเดียวกัน เหล่านักเวทส่วนใหญ่จะรวมตัวเพื่อช่วยเหลือกันและเพื่อหลบหนีการตามล่าของทางศาสนจักร
“แน่นอน ท่านต้องเข้าใจความตื่นเต้นของเราอยู่แล้ว” สไมล์ก้มมองมือตัวเองอีกครั้ง “เราเองก็ขอให้นางเชิญนักเวทผู้เก่งกาจคนนั้นเข้าร่วมการประชุมของเรา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มา นางก็นำวารสารชื่ออาร์คานาจากเขามาให้พวกเรา”
ลูเซียนจำวารสารนั้นได้ ต้องเป็นฉบับเดียวกับที่นางเขียนไว้ในบันทึกแน่นอน
“อาร์คานางั้นหรือ?” ลูกเซียนแสร้งว่าตนไม่เคยได้ยินชื่อวารสารนั้นมาก่อน
“ถูกต้อง ตอนที่นางพูดถึงสภาเวทมนตร์แห่งทวีปเป็นครั้งแรก บางคนในกลุ่มก็ไม่เชื่อ แต่พอได้อ่านวารสารแล้ว พวกเราทุกต่างปรารถนาสถานที่แบบนั้น วารสารเก่าแล้ว เก่ามากทีเดียว ตีพิมพ์ราวยี่สิบห้าปีก่อน แต่แนวคิดในนั้นช่างอัศจรรย์ แบบเหนือจินตนาการเลยละ มันเหมือนกับโลกใหม่เลย” สีหน้าของสไมล์สดใสขึ้นเล็กน้อย
ครู่ต่อมา สไมล์ก็เล่าต่อด้วยน้ำเสียงหดหู่ “แต่ทางศาสนจักรก็พบตัวเธอก่อนการประชุมครั้งต่อมา ข้ารู้ว่ามันอันตราย แต่ข้าก็ไม่อยากล้มเลิก ข้าย้ายจากเขตเพอร์เพิลลิลลี่มายังร้านนี้ หวังว่าจะเจอช่องทางที่เชื่อมโยงไปสู่สภาเวทมนตร์แห่งทวีปบ้าง ก่อนนี้ข้ากลัวว่าศาสนจักรอาจจะยังคงจับตาดูที่ที่นางเคยอาศัยอยู่ ข้าจึงรอให้เวลาผ่านไปเกือบเดือนแล้วจึงส่งโดโรไปนี่ยังไงล่ะ”
ลูเซียนเห็นสีหน้าของสไมล์เปลี่ยนไปตามอารมณ์ต่างๆ ทั้งตื่นเต้น อัศจรรย์ใจ เศร้า และหดหู่ เขาแน่ใจว่าสไมล์ไม่ได้โกหก ขณะฟังสไมล์เล่า ลูเซียนรู้สึกผิดหวังเพราะเขาคิดว่าสไมล์อาจจะรู้เรื่องสภาเวทมนตร์แห่งทวีปมากกว่านี้
“ความตายของนางคือความสูญเสียของเรา” ลูเซียนพูดช้าๆ “ข้ากลัวว่านักเวทที่เจ้าพูดถึงจะถูกจับไปพร้อมนางแล้ว นักเวทจากศูนย์บัญชาการย่อมเตะตาศาสนจักร”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…” สไมล์พยักหน้าเศร้าๆ
“น่าเศร้าเหลือเกิน!” นกฮูกโดโรร้อง
“สไมล์ ข้าขอดูวารสารนั่นหน่อยได้ไหม?” ลูเซียนพยายามดูว่าเขาจะเจอข้อมูลอะไรบ้างจากวารสารเล่มนั้น
สไมล์ส่ายหน้าแล้วตอบ “ขอโทษด้วย มันไม่ได้อยู่ที่นี่ เราผลัดกันอ่าน วารสารนั้นเข้าใจยากสำหรับนักเวทฝึกหัดอย่างเราๆ แต่ข้าเดาว่าสำหรับนักเวทอย่างท่าน คงไม่มีปัญหา”
พลังของแหวนช่วยให้สไมล์มองว่าลูเซียนเป็นนักเวท อย่างน้อยก็ระดับหนึ่งหรือสอง ไม่ใช่นักเวทฝึกหัดแบบเขา ลูเซียนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธสิ่งที่สไมล์คาดเดา เนื่องจากความเคารพที่สไมล์มีต่อเขานั้นอาจเอื้อประโยชน์ได้บ้าง
“แล้วก็…ถ้าท่านไม่รังเกียจ” สไมล์เอ่ยอย่างลังเล “ท่านมาร่วมงานประชุมของพวกเราได้ วารสารจะถูกส่งต่อให้นักเวทฝึกหัดอีกคนในการประชุมครั้งต่อไป”
ลูเซียนนึกถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้เจอกลุ่มนักเวทฝึกหัดในนครอัลโต้
“ส่วนใหญ่แล้วพวกเจ้าทำอะไรกันในที่ประชุม?” ลูเซียนถาม
“อัลโต้เป็นเมืองสุดท้ายของจักรวรรดิเวทมนตร์ซิลวานาสโบราณ และยังคงมีเหล่านักเวทหลายคนที่สอนนักเวทฝึกหัดอย่างลับๆ บรรดานักเวทฝึกหัดจะมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล วัตถุเวทมนตร์ และความคิดเห็นต่างๆ พวกเราร่วมมือกันและช่วยเหลือกัน” สไมล์อธิบาย
“อืม…แต่ทางศาสนจักรจับตาดูพวกเราอยู่ตลอดเวลา แล้วตอนแรกผู้ก่อตั้งรวมกลุ่มกันอย่างไรล่ะ?” ลูเซียนซักไซ้เพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่กับดัก
“ก็…มีกลุ่มนักเวทฝึกหัดอยู่หลายกลุ่ม นักเวทฝึกหัดที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ส่วนบางคนก็เป็นสมาชิกหลายกลุ่ม ผู้ก่อตั้งกลุ่มเราเจอกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่ป่าดำเมลเซอร์ขณะหาวัตถุเวทมนตร์ชนิดเดียวกัน” สไมล์ค่อยๆ เล่า “…ข้ารู้ว่าท่านระวังตัว ข้าเข้าใจดี พวกเราทุกคนรู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อเข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งแรก ท่านจะได้เห็นว่าเป็นกลุ่มลับมากๆ นอกจากคนที่ชักชวนท่านเข้าร่วมนัดแล้ว ท่านแทบจะจำใครไม่ได้เลย เพราะทุกคนแต่งกายเหมือนท่านในตอนนี้แหละ”
“ถ้าท่านมาได้ เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง และข้าก็มั่นใจว่าท่านจะได้เจอสิ่งที่ท่านต้องการด้วย อย่างน้อยเราก็ควรจะลองนะ” สไมล์เสริม
ทั้งๆ ที่เสียงของเขาแข็งกร้าว แต่สไมล์รู้สึกว่าชายผู้นี้ไม่ใช่นักเวทที่ประสงค์ร้าย ตรงกันข้าม เขาดูสงบและเข้าอกเข้าใจ ถ้ากลุ่มนักเวทฝึกหัดมีนักเวทจริงๆ เป็นสมาชิกในกลุ่มแล้วละก็ พวกจะได้ประโยชน์มากทีเดียว ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วชายผู้นี้อาจไม่ได้มีพลังเวทมากเท่าที่คิด สไมล์ก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นภัยต่อสมาชิกในกลุ่ม
ลูเซียนถูกโน้มน้าว เขารู้ว่าถึงอย่างไรเสียเขาต้องเข้ากลุ่มแทนที่จะฝึกฝนตามลำพัง อีกทั้งน้ำยาเวทมนตร์และส่วนประกอบการร่ายเวทมนตร์ต่างๆ ก็ช่างเย้ายวนใจจนยากปฏิเสธ “คือ…ห้องทดลองของข้าเสียหายเมื่อหลายวันก่อน ถ้ากลุ่มของเจ้าสามารถหาอุปกรณ์ทดลองทั้งชุดให้ข้าได้ ข้ายินดีไปแน่นอน”
“ข้าคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา” สไมล์ยิ้มเห็นฟัน
“ขอบใจ สไมล์ แล้วที่ประชุมจะจัดขึ้นที่ไหน เมื่อไร?”
“ค่ำวันเสาร์นี้” สไมล์ตอบ “จะจัดขึ้นในท่อระบายน้ำ แต่เรายังไม่ได้เจาะจงตำแหน่ง ช่วยบอกเราหน่อยว่าเราจะหาท่านเจอได้อย่างไรเมื่อเราได้คำตอบแล้ว”
“อย่าจัดที่นั่น” ลูเซียนเตือนสไมล์อย่างจริงจัง “ระยะหลังศาสนจักรเฝ้าตรวจตราอยู่ อย่าถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น และอย่าถามว่าทำไมข้าถึงรู้ แค่บอกกลุ่มของเจ้าว่าช่วงนี้อย่าลงไปในนั้น”
“อะไรกัน!?” สไมล์นิ่งอึ้ง เขาคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มนักเวทฝึกหัดหากคืนนี้เขาไม่ได้พบนักเวทลึกลับผู้นี้ จนหัวใจเขาเต้นรัว
“เราสร้างรหัสลับก่อนก็ได้ จากนั้นเมื่อเจ้าตัดสินใจได้ว่าจะประชุมกันที่ไหนและเมื่อไร ให้เจ้าหาบ้านหลังที่แปดซึ่งอยู่ตรงข้ามกับที่พักของหญิงนักเวทฝึกหัดนางนั้น และให้ทิ้งรหัสลับไว้ที่มุมผนัง วิธีนี้ง่ายและปลอดภัยสำหรับพวกเรา” ลูเซียนบอก
บ้านหลังนั้นอยู่ข้างๆ บ้านของป้าอะลิซ่า ซึ่งลูเซียนจะเห็นรหัสลับได้ง่ายเวลาเดินผ่าน
เมื่อตกลงเรื่องรหัสลับกันได้ ลูเซียนก็ลุกจากเก้าอี้และทำท่าจะไป แต่สไมล์รั้งเขาไว้และเอ่ยถาม
“ขอทราบนามแฝงของท่านได้ไหม? ในที่ประชุมเราจะไม่ใช้ชื่อจริงกัน”
ลูเซียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “เรียกข้าว่า…‘ศาสตราจารย์’”
ลูเซียนปัดผ้าคลุมสีดำเบาๆ และเดินไปยังประตู ก่อนออกไป เขาหันไปหาสไมล์ “ข้าเกือบลืม…เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าทดลองเวทมนตร์ที่ต้องใช้เห็ดซากศพและผงวิญญาณแค้น แต่ตอนนี้ทั้งสองอย่างหมดแล้ว ถ้าเจ้าหามาให้ข้าได้ ข้าจะขอบคุณมาก”
แล้วเขาก็เปิดประตูออกไป “ราตรีสวัสดิ์ นกฮูก” ลูเซียนพยักหน้าอย่างสุภาพ “นกฮูก” คือนามแฝงของสไมล์
สไมล์มองนักเวทลึกลับปิดประตูเบาๆ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าลงบันได ห้องกลับมาเงียบงันอีกครั้งเหมือนฝันไป ราวกับว่าชายผู้นั้นไม่เคยมาที่นี่
……………………………………….