ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 219

จื่ออันไม่ได้พูดถึงช่องโหว่ในคำพูดของนาง และไม่ได้รอจนนางพูดจบก็ถามต่อว่า “งั้นหลังจากท่านแม่กระโดดลงจากรถม้านานเท่าใด องค์รักษ์ขององค์หญิงจึงตามมา?

“ไม่ช้าก็ตามมาแล้ว น่าจะหลังจากเราเดินทางต่อมาได้สิบจั้งกระมัง องค์รักษ์ก็ตามมาทันแล้ว” ฮูหยินหลิงหลงเร่งรีบตอบกลับ

ก่อนหน้านั้นมหาเสนาบดีเซี่ยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรมาตลอด แต่หลังจากฟังจบประโยคนี้ เอ่ยออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าอย่าได้พูดมั่วซั่ว จะต้องคิดให้ดีก่อนตอบ คำตอบที่ออกมาจะต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ห้ามมีแม้แต่ครึ่งคำโกหก เข้าใจหรือไม่?”

ฮูหยินหลิงหลงถูกเอ่ยเตือนออกมาเช่นนี้ ก็เริ่มมีสติขึ้นมา นางรีบร้อนตอบ “ ไม่ ไม่ใช่แค่สิบจั้ง ตอนนั้นข้ายังรู้สึกมึนศีรษะ หว่านเอ๋อค่อยดูแลข้าอยู่ น่าจะเป็นยี่สิบจั้งหรือมากกว่านั้น”

จื่ออันเหลือบตามองไปที่มหาเสนาบดีครู่นึง “ได้ ยี่สิบจั้ง หลังจากองค์รักษ์ไล่ตามมาแล้ว สอบถามไปที่คนขับรถม้า คนรถตอบว่าไม่ทราบเรื่องที่ท่านแม่ตกลงไป แต่เจ้าบอกว่าคนรถอาจจะรู้เรื่องที่ท่านแม่ตกลงไป ช่างไม่สอดคล้องกันเลย ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?”

ฮูหยินหลิงหลงดวงตาเลิกลั่ก “เรื่องนี้ เรื่องนี้ ข้ามิใช่คนรถ จะรู้ได้อย่างไรว่าคนรถจะเห็นหรือไม่เห็น?”

จื่ออันเผยอปาก “ได้ ต่อให้คนรถจะไม่เห็น ก็ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในรถม้า คำให้การของคนรถจึงมิอาจนับได้”

ฮูหยินหลิงหลงรู้สึกว่ามีบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังผงกศีรษะเห็นด้วย “ใช่ ๆ คำพูดของคนรถมิอาจเชื่อได้”

จื่ออันเผยอปากขึ้นอีก “เยี่ยงนั้นสามารถพูดได้ว่า จากที่ท่านแม่ข้าตกรถม้าจนถึงตอนที่องค์หญิงขัดขวางพวกท่าน มีระยะห่างราวยี่สิบจั้ง ยี่สิบจั้งคือเริ่มต้นจากที่นี่จนถึงหน้าประตูใหญ่ ใช่หรือไม่?”

ฮูหยินหลิงหลงคิดแล้วจึงตอบว่าใช่ เพียงแต่ในใจกลับรู้สึกว่าระยะห่างดูเหมือนจะไกลกว่านี้ หากตอบว่ามิใช่ ก็คงจะกลายเป็นว่านางอยากจะทิ้งหยวนซื่อไว้ข้างหลัง

นางจึงคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองหลงกลโดนจื่ออันชักนำเสียแล้ว จึงหันไปมองขอความช่วยเหลือจากมหาเสนาบดีเซี่ย

มหาเสนาบดีเซี่ยกระแอมไอออกมา ใต้เท้าเหลียงจึงเข้าใจความหมาย มองไปทางจื่ออันพร้อมทั้งถาม “เซี่ยจื่ออัน หากวันนี้เป็นตัวข้าที่เป็นคนสอบถาม มิใช่ตัวเจ้า แม่ของเจ้ากระโดดออกมาหรือว่าตกลงมา ล้วนมิใช่ส่วนสำคัญ เพราะว่าหลังจากที่แม่ของเจ้าตกลงมาแล้ว ยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ แสดงให้เห็นว่าอาการบาดเจ็บของแม่เจ้า มิได้เกิดจากการตกรถม้า สูญเสียการมองเห็นยิ่งมิใช่ หากมิใช่สาเหตุนี้ที่ทำให้บาดเจ็บแล้ว เจ้าทำร้ายแม่เลี้ยงของเจ้าอย่างสาหัส ทำร้ายว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาทยิ่งไม่มีเหตุผล และยังบาปหนานัก”

มู่หรงจ้วงจ้วงฟังจนถึงตอนนี้ ยิ้มเย็นชา“เห้อ ค่ำนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ใต้เท้าไต่สวนคดี ยังต้องมองสีหน้าของมหาเสนาบดีเซี่ย ไต่สวนไปทำเพื่ออะไรกัน มิมีความจำเป็นอันใด หากให้ข้ามองแล้ว ลากเซี่ยจื่ออันออกไปเลยให้สิ้นเรื่อง ประหารซะ ลดการสิ้นเปลืองเวลาของทุกคนลง ราชครูว่าใช่หรือไม่?”

ราชครูเหลียงโดนมู่หรงจ้วงจ้วงลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย จึงค่อย ๆ ยิ้มขึ้น “องค์หญิงทรงตรัสผิดแล้ว ชะตาชีวิตของคนเรามักจะได้รับผลกระทบจากเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนมหาเสนาบดีนี้ หากข้าน้อยไม่รู้เรื่องก็แล้วไป แต่เรื่องนี้กลับส่งผลถึงว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท จึงจำเป็นต้องไต่สวนให้ชัดเจน”

มู่หรงจ้วงจ้วงยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมา น้ำเสียงแดกดัน “ถามให้เข้าใจ ก็ถามสิ เจ้าถามแล้วหรือยัง? เจ้าถามเพียงแค่เฉินหลิงหลง แล้วยังถามใครอีกบ้าง? ถามว่าที่พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนแล้วหรือไม่? ถามกรรยามหาเสนาบดีเซี่ยแล้วหรือยัง? ถามตัวข้าที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วหรืองั้นหรือ? ใต้เท้าเหลียงแต่ละคำแต่ละประโยคชั่งร้ายกาจซะจริง เป็นแค่หญิงหม้าย แต่สามารถชี้ความผิดของว่าที่พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนได้งั้นรึ ยังจะถามอีกหรือไม่? เร่งสั่งคนไปแจ้งข่าวแก่ผู้สำเร็จราชการว่า พวกเจ้ากำลังช่วยกันวางแผนที่จะสังหารว่าที่พระชายาของเขา เพื่อให้เขาจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”

ฮูหยินผู้เฒ่าใบหน้ามืดมนพร้อมกับพูด “องค์หญิงทรงตรัสว่านางคือ พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทน มิทราบว่า คือเรื่องจริงหรือเพคะ”

“จริงหรือไม่ พวกเจ้ารอดูก็พอ ตามความคิดของข้าแล้ว พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนเป็นเรื่องที่จริงแท้แน่นอนแล้ว แต่พระชายาขององค์รัชทายาทนี่ยังไม่แน่ชัด ฮูหยินผู้เฒ่าคงจะเลือกข้างผิดแล้ว” จ้วงจ้วงพูดออกมาด้วยความประชดประชัน

หลังจากเซี่ยหวานเอ๋อฟังจบประโยคนี้แล้ว รีบเร่งเงยหน้าขึ้นมองไปยังองค์รัชทายาท มองเห็นองค์รัชทายาทมองมายังตัวเองด้วยความรังเกียจแล้ว จู่ ๆ นางก็ลูบไล้ใบหน้าตัวเอง เอ่ยออกมาอย่างขาดความเชื่อมั่น “ฮองเฮามีพระกระแสรับสั่งประทานงานสมรสระหว่างข้ากับองค์รัชทายาทแล้ว องค์หญิงอย่าได้มายุแหย่เสียให้ยาก”