ร้อยพันความเหน็บหนาวเพียงข้ามคืน ธารน้ำแข็งจงหมดสิ้นไป!

 

“หลินเสวีย ข้า…”

บทกวีนี้เป็นวาจาประโยคสุดท้ายที่มู่หลินเสวียกล่าวกับเย่หยวน ก่อนที่นางจะจากไป

ธารน้ำแข็งถูกผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง ประโยคนี้เปรียบดั่งทัศนีย์ภาพที่ผืนพิภพปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพล่น

แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นคำพูดที่มู่หลินเสวียกำลังถามเย่หยวน

แน่นอน วาจาประโยคเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงของนาง

เมื่อก่อน นางเคยใช้ประโยคนี้เพื่อบังคับให้เย่หยวนเทใจมาให้นาง

ทว่าเย่หยวนกลับเงียบ

เขาไม่ให้คำตอบใดเลย!

 

มู่หลินเสวียคลี่ยิ้มแสนโศกเศร้ายิ่งในเวลานั้นและจากไปในทันที นางสะบัดแขนสุดแรงและจากไปโดยไม่เหลียวกลับมองอีกเลย

ความหมายของประโยคนี้คือ : หากเจ้าไม่ยอมรับความรู้สึกที่แท้จริงของข้า หัวใจดวงนี้จะถูกขังอยู่ในธารน้ำแข็งตลอดกาล ต่อให้เป็นวันที่อบอุ่นเพียงใดเหมันต์จะไม่มีวันละลายออก นางจะไม่เปิดใจให้ใครอีก

ชั่วชีวิตนี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่หลอมละลายธารน้ำแข็งนี้ได้!

 

ณ ปัจจุบัน มู่หลินเสวียได้เอ่ยถามเย่หยวนซ้ำอีกครั้ง!

 

“หากเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เจ้าเลือกที่จะไม่ตอบย่อมได้”

มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! สาวน้อย เจ้าช่างน่ารักจริงๆ! แต่น่าเสียดาย! ธารรักของเจ้ากลับเป็นแค่เศษบุปผาร่วงโรยที่ชายผู้เป็นที่รักไม่เอา! เจ้าทำหลายสิ่งอย่างเพื่อเขามาตั้งขนาดนี้ แต่เขากลับไม่สนใจเจ้าแม้สักนิด! กระทั้งตัวเจ้าที่กำลังจะตายยังไม่แยแส! ช่างน่าสมเพช!”

ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะเย้ยเยาะ

 

สีหน้าของเย่หยวนมืดลงในทันใด เขากล่าวขึ้นพร้อมระเบิดจิตสังหารใส่มันอย่างบ้าคลั่ง

“ข่านนั่ว! หากเจากล้าสัมผัสนางแม้แต่ปลายผม นายน้อยผู้นี้จะมิให้เจ้าได้ผุดได้เกิดอีกตลอดกาล!”

 

ข่านนั่วระเบิดเสียงหัวเราะดังเข้าไปใหญ่ และกล่าวตอบว่า

“งั้นรึ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้นางกลับชาติมาเกิดได้อีกตลอดกาลเช่นกัน!”

เมื่อกล่าวจบ ตะปูกระดูกยาวอันหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของข่านนั่ว พร้อมปราดตะปูกระดูกคมเจาะทะลวงไปที่กลางหน้าอกของมู่หลินเสวียทันที!

 

“อ๊ะ…”

ความเจ็บปวดโฉบแล่นสะท้านถึงขั้นหัวใจของนาง!

คิ้วโค้งทรงงามของมู่หลินเสวียขมวดแน่น ลมหายใจของนางยามนี้อ่อนระทวยเบาบาง สีหน้าซีดขาวคล้ายคนตายขึ้นทุกที แต่ไม่ว่าเจ็บปวดเพียงใด นางพยายามข่มใจไม่เอ่ยปากร้องออกมา

 

“หลินเสวีย!!”

เย่หยวนกรีดร้องลั่น

 

“ความน่ากลัวของตะปูผนึกวิญญาณเป็นอย่างไร เจ้าเองก็ควรทราบ?”

ข่านนั่วกล่าวขึ้นกับเย่หยวนด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม

ความน่ากลัวของตะปูผนึกวิญญาณ เย่หยวยย่อมทราบประจักษ์ชัดดี!

ไม่เพียงจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยตรง แต่นั้นยังส่งผลยาวไปถึงชาติหน้าและชาติต่อๆไป! หรืออย่างเลวร้ายที่สุด จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะไม่สามารถได้ผุดได้เกิดอีกเลย!

มันจะสร้างความทรมานให้แก่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปเรื่อยๆอย่างไร้สิ้นสุด

ไม่มีใครสามารถจินตนาการออกเลยว่า ตอนนี้มู่หลินเสวียเจ็บปวดทรมานเพียงใด

 

สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนดูเลวร้ายสุดขีด เอ่ยปากเสียงดังสนั่นคล้ายประกาศิตสวรรค์

“แกต้องการอะไร?!”

 

 

ข่านนั่วกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มแสนร้ายกาจ

“เจ้าตายหรือนางตาย!”

 

“จี้ฉิงหยุน เจ้า…ยังไม่ได้ตอบข้า!”

มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นอย่างอ่อนแรง

 

ทันทีที่ตะปูนี้ตอกลงกลางอกของนาง พลังชีวิตของมู่หลินเสวียก็อ่อนลงอย่างมาก แต่คู่ดวงเนตรงามยังคงจับจ้องไปยังเย่หยวนไม่วางตา

 

ดวงใจเย่หยวนสั่นเทารวนเร เขาโพล่งตอบไปว่า

“ร้อยพันความเหน็บหนาวเพียงข้ามคืน ธารน้ำแข็งจงหมดสิ้นไป! หลินเสวียน ที่ผ่านมาข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง…”

กลางทรวงอกของมู่หลินเสวียสั่นระรัว ถึงยามนี้มีตะปูผนึกวิญญาณตอกทะลุ

ถึงนางจะมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต กระทั้งหายใจยังติดขัด แต่คำตอบนี้ของเย่หยวนก็เป็นดั่งดวงสุริยันอันอบอุ่นกลางฤดูหนาว พร้อมหลอมละลายหัวใจอันเย็นชาของนางจนหมดสิ้น

นางไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน!

 

เหล่าฝูงชนทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรเบื้องล่างต่างอมยิ้มอย่างอดมิได้เมื่อได้ฟัง

แม้จะทราบดีว่านี่มีช่วงเวลาสุดท้ายของจอมราชันย์เหมันต์แล้วก็ตาม!

 

 

“เพียงประโยคนี้ของเจ้า มัน…ก็เกินพอแล้ว!”

มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า คู่หงส์ครองรักนิรันดร์กระมัง? แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าทั้งคู่จะไม่มีโอกาสได้สานต่อความสัมพันธ์ในอดีตอีกต่อไป! ทันทีที่ตอกตะปูผนึกวิญญาณเล่มสุดท้ายลงไป ก็เตรียมนับถอยหลังสู่ความตายนิรันดร์!”

ข่านนั่วกล่าวขึ้นพรางหัวเราะลั่น

 

ความอาฆาตกลางทรวงอกของเย่หยวนเปี่ยมแน่นแทบปริระเบิด เขาไม่รู้จริงๆว่าจะจัดการอย่างไรกับมันดี!

 

 

“เย่หยวน จงเดินหน้าต่อไปและใช้ชีวิตเคียงคู่กับนาง! จากคำตอบนี้ของเจ้า หลินเสวียคนนี้ไม่เหลือเรื่องใดที่ค้างคาใจอีกต่อไป! ต่อให้ตายไปก็ไม่มีอะไรให้เสียใจอีก!”

จู่ๆมู่หลินเสวียก็โพล่งกล่าวประโยคนี้ขึ้นดั่งมีนัยยะสำคัญ

ในสายตาของนางที่จับจ้องเย่หยวน มันเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและความรักใคร่ สิ่งนี้ทำให้เย่หยวนที่กำลังมืดมน สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ปรากฏขึ้นภายในใจ

มีเพียงเย่หยวนเท่านั้นที่ทราบ แท้ที่จริงแล้ว มู่หลินเสวียเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนและใจดีอย่างหาที่เปรียบไม่

 

ข่านนั่วที่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่นแทบกลิ้งตัวลงนอน

“ตาย? ต่อหน้าพระเจ้าผู้นี้ อย่าหวังว่าจะตายง่ายๆ! เจ้าถูกผนึกพลังปราณและจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์แล้ว! ต่อให้อยากตายเพียงใด เกรงว่าเป็นไปไม่ได้! ฮ่าฮ่าฮ่า….”

 

คู่ดวงเนตรงามของมู่หลินเสวียกลับสู่ความเยือกเย็นอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำกล่าวของข่านนั่ว เจาะลงไปในเบื้องลึกของนัยน์ตาช่างหนาวเย็บจับขั่วกระดูกนัก!

 

“ข่านนั่ว ที่เจ้าจับข้าเพื่อข่มขู่ฉิงหยุน เจ้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือสิ่งที่ข้าคาดหวัง! หากมิใช่เพราะข้าเต็มใจ มีหรือเจ้าจะจับตัวข้าได้?”

มู่หลินเสวียแสยะยิ้มเยาะสุดเยือกเย็น ทันใดนั้นจู่ๆนางก็เริ่มแช่แข็งตัวเองทันที ไอเย็นสะท้านแผ่ซ่านออกจากร่างอรชรบางของนางอย่างบ้าคลั่ง

ไอเย็นสุดขั้วนี้แทบทำเอาฟ้าดินถูกแช่งแข็งไปตามๆกัน!

 

ในไม่ช้าเกล็ดหิมะก็เริ่มร่วงโรยลงมาจากน่านฟ้าคล้ายขนห่านเนียนนุ่มสีขาวโพล่น

 

“เสียสติไปแล้ว! เจ้ามันเสียสติไปแล้ว! จะ-เจ้า…เจ้าคิดจะทำบ้าอะไร?!”

สุ่มเสียงของข่านนั่วดูสั่นเทาอย่างหนักราวกับกำลังหวาดกลัว เสมือนนี่เป็นวันโลกาวินาศเสีย

 

ทันทีที่เย่หยวนเห็นภาพฉากเหล่านี้ ร่างกายพลันสั่นกระตุกอย่างแรงพร้อมนึกถึงบางเรื่องได้ในบัดดล!

 

 

…………………..

 

 

“ฉิงหยุน เจ้าทราบหรือไม่ว่า กระบวนท่าที่ทรงอนุภาพที่สุดของเส้นโลหิตเก้าทมิฬคือ?”

 

“เส้นโลหิตเก้าทมิฬ? นั้นเป็นเพียงกายวิญญาณหายากชนิดหนึ่ง มันมิใช่ทั้งวรยุทธบ่มเพาะพลังหรือวรยุทธต่อสู้ ไฉนถึงมีกระบวนท่าที่ทรงอนุภาพที่สุดอะไรนั่น?”

 

“แน่นอนว่าต้องมี! หากใช้กายวิญญาณชนิดนี้ควบคู่กับเคล็ดเหมันต์ลวงสวรรค์ จะก่อกำเนิดกระบวนท่าที่ทรงพลังยิ่งเรียกว่า ใต้หล้าเหมันต์แสนลี้! ยามที่กระท่านี้ถูกปลดปล่อยออกมา ฟ้าดินรัศมีหนึ่งแสนลี้จะถูกระเบิดเหมันต์แช่แข็งทั้งหมด ผืนพิภพจะกลายเป็นฤดูหิมะเป็นเวลาสามปีเต็ม แม้แต่เซียนอาณาจักรบัญชาสวรรค์ขั้นสุดก็จะถูกแช่แข็งทั้งเป็นโดยทันที!”

 

“ทรงพลังขนาดนั้นเชียว? หากมีกระบวนท่าเช่นนี้อยู่ วังเทพเหมันต์ของเจ้าคงมิเป็นหนึ่งใต้สวรรค์เลยหรอกรึ? ไฉนข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?”

 

“เพราะกระบวนท่านี้ใช้ได้เฉพาะกับคนที่มีเส้นโลหิตเก้าทมิฬเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดคือ หลังจากที่ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกไป เส้นลมปราณทั่วร่างจักขาดสะบั้น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะได้รับความเสียหายหนักจนมิอาจฟื้นฟูได้อีก หากเจ้าไม่ยอมสัญญากับข้า ข้าจะใช้กระบวนท่านี้และขอตายไปพร้อมกับเจ้า!”

 

“หุหุ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

“ข้ามิได้พูดเล่น! จี้ฉิงหยุน ข้าจะมอบกวีบทหนึ่งให้กับเจ้า หากเจ้าไม่ยอมต่อกวีบทหลัง ข้าจะเริ่มสำแดงใช้กระบวนท่านี้ทันที ธารน้ำแข็งปิดผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง!”

 

 

“….”

 

มู่หลินเสวียมิได้ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ทันที แต่นางเลือกที่จะจากไปในบัดดล

เย่หยวนคิดเสมอว่า นางคงหยอกเขาเล่นมาโดยตลอดหวังใช้กลยุทธ์นี้เพื่อบีบบังคับเขา

แต่กลับไม่คิดไม่ฝัน ยามนี้นางจะปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกมาจริงๆ!

 

ปรากฏว่า วรยุทธใต้หล้าเหมันต์แสนลี้ กลับมีอยู่จริงๆ!

 

ห้วงอากาศเมฆาสรรพสิ่งเริ่มจับตัวเยือกแข็ง ฟ้าดินในยามนี้ขาวโพล่นไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา ราวกับว่าผืนพิภพกำลังประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวง

 

อนุภาพของกระบวนท่านี้ช่างทรงพลังเกินไป

หากมู่หลินเสวียสำแดงใช้กระบวนท่านี้ก่อนที่เย่หยวนจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้า เขาที่อยู่ในระยะใกล้สุดคงเตรียมตัวตายได้เลย

แต่มู่หลินเสวียย่อมทราบดี เย่หยวนในปัจจุบันขึ้นกลายเป็นบุคคลที่ไร้เทียมทานที่สุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว อากาศหนาวเย็นเพียงแค่นี้กลับมิอาจทำอันตรายใดๆได้!

 

จุดประสงค์ของนางชัดเจนแจ่มแจ้ง นางต้องการฆ่าตัวตาย!

นางต้องการใช้ท่านี้เพื่อกำจัดไพ่ตายเพียงใบเดียวที่เหลืออยู่ของข่านนั่ว!

หากนางตายลง ข่านนั่วจะไม่เหลืออำนาจต่อรองใดๆอีกต่อไป!

 

 

“หลินเสวียหยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!!”

เย่หยวนโห่ร้องลั่นสุดเสียงจนแหบแห้ง

ร่างของเย่หยวนปรากฏขึ้นทันทีต่อหน้าต่อตามู่หลินเสวีย พร้อมโอบกอดนางเข้าสู่อ้อมอก

ข่านนั่วที่เพิ่งรู้สึกฟื้นตัวได้เห็นภาพฉากนี้ มันก็พลันถอดสีหน้าในทันที

 

เงาร่างเคลื่อนขยับ มันเร่งพลังถึงขีดสุดเพื่อหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า!

ยามนี้มันไม่เหลือสิ่งใดใช้ต่อรองกับเย่หยวนอีกต่อไป!

สิ่งเดียวที่ทำได้คือ…หนีตาย!

 

แต่ในขณะที่ข่านนั่วกำลังหนีอยู่นั่นเอง กลับมีพลังศักดิ์สิทธิ์คล้ายบัญญัติสวรรค์เข้ากดดันจากทั่วฟากฟ้า คล้ายกรงขังมิให้มันหนีไปไหนได้

ร่างของข่านนั่วหยุดชะงักลงในบัดดล พร้อมเสียงกรีดร้องสุดโหยหวนดังระงมลั่นแสนเวทนากึกก้องไม่รู้จบ