จิตวิญญาณที่มิอาจดับสูญ

 

เสียงกรีดร้องของข่านนั่วดังระงม เสมือนหมูที่ถูกนำไปเชือดทิ้ง เสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

พลังศักดิ์สิทธิ์นี้กอปรไปด้วยศาสตร์แห่งสวรรค์ที่หายสาบสูญไปนับแสนปี ตัวมันในตอนนี้กลับไม่มีพลังอำนาจใดไปต่อกรได้เลย

 

เย่หยวนเลือกที่จะไม่ฆ่ามันทันที แต่กักขังมันแทนมิให้หนีไปไหนได้อีก

 

“อ๊ากกก!!”

เสียงกรีดร้องเสมือนหมูถูกเชือดนี้ดังนั่นจนเย่หยวนเริ่มรำคาญ เขายกฝ่ามือขึ้นและซัดคลื่นพลังโจมตีใส่เต็มสูบอัดหน้าของมันโดยตรง!

 

บูมมมม!!

เสียงร้องของข่านนั่วเงียบสงัดลงทันใด และไม่ส่งเสียงอะไรอีกเลย

ร่างของมันระเบิดออกเหลือแค่เพียงมวลไอหมอกทมิฬกลุ่มเล็กๆที่กระจัดกระจายไร้ทิศทาง

ในที่สุดทุกอย่างก็จบลง

 

เย่หยวนเร่งยิงลูกไฟสีเขียวที่เหลืออยู่เข้าสู่ร่างของมู่หลินเสวียทันที

แต่นั้น…กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

รัศมีพลังชีวิตของมู่หลินเสวียยังคงลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องดังเดิม

เย่หยวนที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายยาว เขาทั้งกรอกเทพลังจิตวิญญาณและพลังปราณลงไปอย่างบ้าคลั่งหวังช่วยชีวิตมู่หลินเสวีย

แต่นั้นก็มิอาจหยุดโชคชะตาที่กำลังจะดับสูญของนางได้

 

 

ติ้งง… ติ้งง…

เย่หยวนงัดเอาทุกศาสตร์ที่คิดว่าสามารถช่วยชีวิตนางได้ออกมาจบไม่เหลือ ขณะที่น้ำตายังคงไหลรินออกมาไม่หยุด

ในอ้อมกอดของเขา คู่ดวงเนตรของมู่หลินเสวียเริ่มอับแสงหม่นหมองกลายเป็นสีเทาไร้ชีวิต มือบางคู่นั้นที่พยายามโอบกอดเย่หยวน ยามนี้กลับค่อยๆคลายหลวมออก แต่ไม่ว่าใครที่เห็นสีหน้าของนางในยามนี้ กลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า นางหากได้เสียใจอันใดไม่

ในทางตรงข้าม กลับมีรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นแขวนค้างอยู่บนใบหน้าของนาง มันแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจยิ่ง

 

“เจ้า…ความฝันของเจ้า…ในที่สุดก็เป็นจริง ยิน…ยินดีด้วย”

วาจาเพียงประโยคเดียวนี้ มันคือพละกำลังทั้งหมดที่เหลือของนางแล้ว

นางทราบดี ปนิฐานตลอดชั่วชีวิตนี้ของเย่หยวนก็คือ การขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้า

และในวันนี้ เย่หยวนก็ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าได้แล้ว ในที่สุดฝันก็เป็นจริง

อย่างน้อยที่สุด มู่หลินเสวียก็อยากเป็นสักขีพยานต่อความสำเร็จของเย่หยวน ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายนี้นางก็ไก้ฟังความในใจของเขาแล้วเสียที นางไม่เหลือสิ่งใดติดค้างภายในใจอีกต่อไป

กระบวนท่าที่สำแดงใช้ออกไปคือ วรยุทธใต้หล้าเหมันต์แสนลี้นี้ จุดจบที่รออยู่มีแต่ความตายและความตายเท่านั้น!

หลังจากที่สำแดงใช้กระบวนท่านี้ออกไป เส้นลมปราณทั่วร่างจะขาดสะบั้นไม่เหลือทันที

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นแตกสลายไป!

 

เมื่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แตกสลายไป คนๆนั้นจะไม่ได้ผุดได้เกิดอีกชั่วนิรันดร์!

ทันทีเริ่มใช้กระบวนท่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีกจนกว่าจะตาย!

แม้เย่หยวนจะมีศาสตร์แห่งสวรรค์ แต่เขากลับมิใช่ทวยเทพที่จะประทานทุกสิ่งได้ดั่งใจ

 

เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ เขาเองก็ไร้พลังอำนาจช่วยเหลือเช่นกัน

ไม่ว่าเขาจะงัดวิธีไหนออกมาใช้ แต่ก็มิอาจช่วยชีวิตของมู่หลินเสวียได้เลย

 

“ไม่ต้องกล่าวแล้ว! เจ้าโง่! ไฉนถึงต้องทำเช่นนี้?! อย่าเพิ่งตาย! เจ้ายังตายไม่ได้! ข้า…ข้ายังทำสัญญาที่ให้ไว้ไม่เป็นจริงเลย!”

เบื้องลึกในใจเย่หยวนปวดร้าวเกินพรรณนา

มู่หลินเสวียพยายามอ้าปากราวกับต้องการจะกล่าว แต่นางกลับไม่เหลือเรี่ยวแรงจะกล่าวอันใดอีก

สีหน้าของนางซีดจางลงอย่างเห็นได้ชัด พลังชีวิตตกฮวบอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางไม่สามารถประคองเสถียรภาพได้อีกต่อไป กระทั้งจะเอ่ยปากกล่าวยังทำไม่ไหว

 

เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เหล่าฝูงชนทั้งหมดต่างรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง

มีหลายต่อหลายคนถึงกับอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ พร้อมเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

 

“เฮ้ออ… เจ้าเด็กปากแข็ง! ปากแข็งจริงๆ!”

น้ำตาไหลรินจนอาบแก้มของฟางเทียน ชายชราผู้นี้ทนดูภาพฉากอันน่าโศกเศร้านี้มิไหวจริงๆ

 

ความรักอันแสนซื่อสัตย์ของมู่หลินเสวียทำให้เขารู้สึกสะท้อนใจยิ่ง

การมีคู่ชีวิตที่ดีขนาดนี้ได้ นี่นับเป็นรางวัลของเย่หยวนแล้ว

แต่ทว่า…ไฉนตอนจบต้องกลับกลายเป็นเช่นนี้?

 

 

“ความหาญกล้าของจอมราชันย์เหมันต์ช่างควรค่าแก่การเลื่อมใสยิ่ง! ความรักของนางที่มีต่อจอมราชันย์พิชิตสวรรค์เองก็สวยงามยิ่งกว่าสิ่งใดเช่นกัน! ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเฝ้ารอชายผู้เป็นที่รักกลับมาอีกครั้ง เพียงเพื่อฟังคำตอบของเขาแค่ประโยคเดียว! ข้า…”

ขณะนั้นเองคนที่กำลังกล่าวก็สำลักน้ำตากลางคัน

 

“จอมราชันย์เหมันต์เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทุกคน! นางช่วยทุกชีวิตใต้สวรรค์เอาไว้! เรา…เรามาช่วยส่งแรงอธิษฐานให้นางกันเถอะ!”

ทันทีที่คำแนะนำนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างพยักหน้ารับคำในทันที

 

ตึงง… ตึงงง…

มวลมนุษย์ทุกคนต่างคุกเข่าลงโดยพร้อมเพรียง

 

“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”

 

“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”

 

“ขอให้จอมราชันย์เหมันต์ปลอดภัย!”

 

 

……………………….

 

 

เสียงอธิฐานดังอึกทึกครึกโครมกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้า สะท้อนดังลั่นทั้งผืนพิภพ

 

เย่หยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“หลินเสวีย เจ้าได้ยินหรือไม่? ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวขอร้องให้เจ้ามีชีวิตต่อไป ทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างไม่อยากให้เจ้าจากไปเช่นนี้! เจ้า…เจ้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด!”

อย่างำรก็แล้วแต่ ไม่ว่าฝูงชนหรือเย่หยวนจะตะโกนเสียงดังเพียงใด ทว่ามู่หลินเสวียในยามนี้กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป

นางหลับตาลงอย่างช้าๆ ราวกับกำลังเข้าสู่ห้วงนิทราสงบ

เย่หยวนหยิบใช้ทุกศาสตร์แขนงออกมา แต่ไม่อย่างไรก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของนางได้เลย

 

ทันทีทันใด เย่หยวนพลันกัดฟันแน่น พร้อมโอบอุ้มร่างของมู่หลินเสวียขึ้นมา ก่อนจะอันตรธานหายวับต่อหน้าทุกคน

เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เย่หยวนข้ามน้ำข้ามทะเลนับหลายร้อยล้านลี้ เพื่อมายังส่วนลึกของหุบเขาเหวพระเจ้า

 

ผู้ใดที่ได้การยอมรับจากเต๋าแห่งดินเดน ผู้นั้นสามารถท่องทั่วหล้าไร้จำกัด!

เย่หยวนสามารถเดินทางไปที่ใกด็ได้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ได้อย่างใจนึก!

 

“ท่านอาวุโส ท่านเป็นผู้เดียวที่ทรงพลังที่สุดในที่แห่งนี้! โปรดช่วยนางด้วย!”

เย่หยวนค่อยๆวางร่างของมู่หลินเสวียให้นอนลงกับพื้น ก่อนคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าคุนหวู

 

คุนหวูเหลียวมองมู่หลินเสวียเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจกล่าวว่า

“เจ้าเองก็ศึกษาในเส้นทางแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แถมยังมีความรู้ความเข้าใจในระดับลึกซึ้ง จึงควรทราบดี ตราบใดที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสียหายถึงแกนใน นั้นจะไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก! อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นตาแก่จอมเทพนิรันดร์อยู่ตรงนี้ เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน”

 

ทั่วทั้งร่างกายของเย่หยวนสั่นเทาอย่างหนัก เขาโพล่งกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า

“จะเป็นไปได้อย่างไร? มะ-มิใช่ว่าท่านผู้นั้นเป็นถึงจอมเทพผู้สร้างโลก?”

 

คุนหวูกล่าวอย่างไร้ทางช่วยว่า

“สร้างโลกก็มิได้หมายความว่าจะสามารถควบคุมสรรพสิ่งในโลกได้! มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่วิเศษที่สุดแล้วในมหาพิภพแห่งนี้! แม้เขาจะสร้างมนุษย์ขึ้นมาได้ในดินแดนพฤกษานิรันดร์ แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมวัฏจักรเกิด-แก่-เจ็บ-ตายของมนุษย์ได้! ทุกอย่างต้องดำเนินไปโดยกฎของธรรมชาติ กระทั้งตาแก่นั้นเองก็มิอาจหลีกเลี่ยงวัฏจักรนี้ได้เช่นกัน สรรพสิ่งล้วนคือเต๋า!”

 

แกร๊กก! แกร๊กก!

เย่หยวนได้แต่ซัดกำปั้นลงดินด้วยความเจ็บใจ ผืนดินที่แตกแขนงออกไปไม่ต่างอะไรจากหัวใจของเขาที่แตกร้าวในขณะนี้เลย

 

ผลลัพธ์ที่ต้องลงเอยเช่นนี้ เขาไม่สามารถยอมรับได้เลยสักนิด

 

“ไม่…ไม่มีหนทางเลยรึ?”

เย่หยวนกล่าวขึ้น

 

คุนหวูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อยเอ่ยตอบว่า

“ไม่ใช่ว่าไม่มี…แต่นั้นยากเกินไปที่จะเป็นไปได้!”

ทันทีที่เอ่ยถึงคำว่า‘ยากเกินไป’ แม้แต่คุนหวูเองก็ยังถอดใจพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

แต่สำหรับเย่หยวน นั้นคือแสงแห่งความหวังอย่างแม่นยำ!

เขาเงยหน้าช้อนสายตาจับจ้องคุนหวูพร้อมท่าทางแสนตื่นเต้น เขาเร่งกล่าวขึ้นทันที

“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะ! ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เย่หยวนคนนี้ต้องทำมันให้สำเร็จ!”

 

คุนหวูกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดอ่อนใจว่า

“เป็นสิ่งที่แม้แต่ตาแก่จอมเทพนิรันดร์ก็ไม่สามารถทำได้ เจ้าแน่ใจหรือไม่?”

 

กายาทั่วร่างสั่นเทาโดยมิตั้งใจ ทว่าเบื้องลึกในแววตานั้นฉายแววมุ่งมั่นสะท้อนออกมาอย่างไม่เกรงกลัว เย่หยวนพยักหน้าตอบทันทีและกล่าวว่า

“ท่านอาวุโสโปรดชี้แนะ!”

 

คุนหวูถอนหายใจอย่างไม่หยุดหย่อนและกล่าวว่า

“ในขั้นต้น การบอกวิธีนี้แก่เจ้ากลับปราศจากภัยอันตรรายอันใด แต่นี่…โอกาสสำเร็จกลับน้อยจนเกือบเท่ากับศูนย์! แต่ก่อนที่ข้าจะอธิบาย ข้าจะใช้วรยุทธลับจิตศักดิ์สิทธิ์ประคองชีพนางก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยว่ากันอีกที!”

 

สีหน้าของเย่หยวนแประเปื้อนไปด้วยความปิติยินดี เขารีบกล่าวขอบคุณทันทีว่า

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งท่านอาวุโส!”

 

เย่หยวนถอยกลับออกมาเล็กน้อย ทันทีทันใดคุนหวูก็ยิงลำแสงออกมาทั้งหมดเก้าเส้นเข้ารายล้อมร่างของมู่หลินเสวียโดยตรง

เย่หยวนตื่นตกใจอย่างมากที่เห็นเช่นนั้น เขาทราบดี นั้นเป็นกิ่งแขนงของพฤกษาคุนหวู

สิ่งนี้เปรียบเสมือนกับอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกายของคุนหวู ซึ่งมีค่าอย่างหาที่ประเมินไม่!

บุปผาคุนหวูที่เย่หยวนต้องการในทีแรก สิ่งนั้นจะเป็นแค่ผลผลิตที่ได้จากคุนหวู แต่นี่คืออวัยวะส่วนหนึ่งในตัวเขา!

คุนหวูเร่งท่องคาถาบางอย่างดังออกมา กิ่งแขนงทั้งเก้าสายเริ่มชอนไชเข้าหลอมรวมกับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมู่หลินเสวียทันที

 

มู่หลินเสวียหาได้ตอบสนองใดๆไม่ แต่เย่หยวนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางที่กำลังจะสูญสลายไป ในที่สุดก็ได้รับการเยียวยา!