บทที่ 348 เกือบพินาศไปด้วยกันกับหมอกโลหิต

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เคล็ดวิชาโครงกระดูกสังหารของหมอกโลหิตถูกทำลายแล้ว เขารู้สึกโกรธและคิดไม่ถึงจริงๆ ถือกระบี่อวี๋ฉางในมือพุ่งเข้าใส่เย่เทียนเฉิน ส่วนเย่เทียนเฉินก็กำหมัดทั้งสอง ระเบิดลำแสงที่แข็งแกร่งออกมา ในตอนนี้พลังหมัดของเย่เทียนเฉินมีความสามารถขั้นสูงสุดของขอบเขตจอมราชันแล้ว

สิ่งที่ทำให้หมอกโลหิตคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับกระบี่อวี๋ฉางซึ่งเป็นหนึ่งในสิบกระบี่เทพบรรพกาล มีอำนาจในการทำลายทุกสิ่ง เขาถึงกับไม่ยอมหลบเลี่ยง พุ่งเข้ามาโดยตรงเช่นเดียวกัน ความกล้าและบ้าบินเช่นนี้ หมอกโลหิตได้พบเป็นครั้งแรก เพราะความลำพองใจของเขาจึงถูกหมัดของเย่เทียนเฉินต่อยเข้าที่หน้าอก ไม่เพียงแต่ที่มุมปากจะมีเลือดไหลออกมา กระทั่งแผ่นหลังก็มีเลือดสดๆ พุ่งกระฉูด บริเวณหน้าอกถูกหมัดของเย่เทียนเฉินต่อยทะลุ กระบี่อวี๋ฉางในมือก็แทงถูกหน้าอกด้านซ้ายของเย่เทียนเฉินเช่นกัน

เนื่องจากความลำพองใจของหมอกโลหิต การโจมตีนี้จึงทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสรุนแรงยิ่งกว่าเย่เทียนเฉิน กระทั่งได้รับบาดเจ็บจนถึงขั้นต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย ดังนั้นหมอกโลหิตจึงพุ่งไปด้านหน้าต่อไปโดยไม่สนใจชีวิต เย่เทียนเฉินถอยหลังไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขวาง แต่ตอนนี้หมอกโลหิตใช้วิธีการต่อสู้ที่ไม่สนใจชีวิตแล้ว รวมกับที่กระบี่อวี๋ฉางแข็งแกร่งมากจริงๆ กระบี่นี้เป็นกระบี่ที่สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ เป็นกระบี่ที่จะทำลายทุกสิ่งที่เผชิญหน้ากับมัน เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแข็งกร้าวนั้น เป็นความแข็งแกร่งที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าคิด มิน่าล่ะการโจมตีของกระบี่ไท่อาในมือตนจึงถูกมันขัดขวางเอาไว้ได้

ฉึก!

บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของเย่เทียนเฉินก็ถูกกระบี่อวี๋ฉางแทงทะลุเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกการเคลื่อนไหวของหมอกโลหิตกดดันจนชนเข้ากับกำแพงด้านหลัง เย่เทียนเฉินและหมอกโลหิตมองอีกฝ่ายอย่างดุดัน ความแข็งแรงของสองคนนี้เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย

“ต่อให้ฉันต้องตายก็จะลากแกไปตายเป็นเพื่อน!” หมอกโลหิตตะโกนเสียงดัง

“คุณชายใหญ่โหดเหี้ยมจริงๆ ไม่ใช่เจ้านายที่ดี ควรค่ากับการสละชีวิตแบบนี้ของแกรึไง?” เย่เทียนเฉินมองหมอกโลหิตแล้วถามด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่ปัญหาเรื่องคู่ควรหรือไม่คู่ควรอะไร เพราะความแข็งแกร่งของแก ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!” หมอกโลหิตพูดอย่างเย็นชา

หมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก ถึงแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับความตายก็ยังต้องการตัดสินแพ้ชนะ ระหว่างคนทั้งสอง หากเย่เทียนเฉินไม่ตายหมอกโลหิตก็ต้องตาย ไม่มีทางเลือกอื่นใด แต่เย่เทียนเฉินยังคงรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ความรู้สึกราวกับวีรบุรุษเสียดายวีรบุรุษ หมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก หากคนเช่นนี้ตายไปจะทำให้ยอดฝีมือของโลกลดลงไปอีกคนหนึ่งเท่านั้น เย่เทียนเฉินเป็นคนที่เสียดายคนมีความสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นยอดฝีมือ ต่อให้เป็นศัตรูที่จะฆ่ากันจนตาย เขาก็เคารพนับถือ เนื่องจากผู้แข็งแกร่งแบบนี้ร้ายกาจยิ่งกว่าคนไร้ความสามารถที่เอาแต่ตะโกนด่าสวรรค์ไปวันๆ มาก

เพี๊ยะ ตู้ม!

เย่เทียนเฉินรู้สึกเสียดายผู้เก่งกาจ แต่กลับไม่ยั้งมือ หากยั้งมือ คนที่จะตายก็คือตน ดังนั้นฝ่ามือจึงตบลงบนหน้าอกของหมอกโลหิตอย่างรุนแรง มีดอกไม้เลือดพุ่งออกมาอีกครั้ง พุ่งจากบริเวณหน้าอกของหมอกโลหิต ไปด้านหลัง หน้าอกของหมอกโลหิตปรากฏรูใหญ่ขึ้นรูหนึ่ง เขาจะต้องตายแน่แล้ว ตอนนี้คิดเพียงจะลากเย่เทียนเฉินไปตายด้วยกัน ไม่ใช่ว่าความสามารถของหมอกโลหิตสู้เย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่เป็นเพราะความลำพองใจของเขา เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อเย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับกระบี่อวี๋ฉางจะยังมีความกล้าและบ้าบิ่นแบบนี้ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเอง สูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการตัดสินไป

การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือก็เป็นเช่นนี้ มีบางครั้งที่ต่อสู้กันสามวันสามคืนแต่ก็ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ และในช่วงเวลาเปลี่ยนแปลง ใครลำพองใจผู้นั้นก็จะสูญเสียโอกาสไปก่อน คนที่ตายก็อาจจะเป็นเขา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดอะไรมาก คนที่ไม่ระมัดระวังก็จะแพ้ ประโยคนี้เหมาะสมที่จะใช้บรรยายการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือเป็นอย่างมาก นอกจากความสามารถของตนเองแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องฟ้าดินเวลาและผู้คน ตลอดจนการตัดสินใจจากประสบการณ์การต่อสู้จริงอยู่ด้วย

แต่ในตอนนี้ หมอกโลหิตรู้ตัวว่าตนเองต้องแพ้แล้ว จะต้องตายแน่ เขาต้องการลากเย่เทียนเฉินไปตายเป็นเพื่อน ไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะโจมตีเขาอย่างไร เขายังคงถือกระบี่อวี๋ฉางพุ่งไปเบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง ต้องการลากเย่เทียนเฉินลงพื้นไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดจากความซื่อสัตย์ต่อคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง หรือจะเป็นเพราะเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างเย่เทียนเฉิน หมอกโลหิตก็ไม่พอใจ อย่างน้อยเขาต้องการพินาศไปด้วยกันกับเย่เทียนเฉิน

ตู้ม!

แผ่นหลังของเย่เทียนเฉินชนเข้ากับกำแพงด้าน หลังสิ่งแรกที่แทงทะลุกำแพงก็คือกระบี่อวี๋ฉาง ตามมาด้วยแผ่นหลังของเย่เทียนเฉินที่ชนเข้าด้านบน กำแพงถล่มลงในพริบตา มุมปากของเย่เทียนเฉินมีเลือดไหลออกมา หมอกโลหิตแข็งแกร่งมาก ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาลำพองใจ คิดไม่ถึงว่าเมื่อเย่เทียนเฉินเผชิญหน้ากับกระบี่อวี๋ฉางยังกล้าสู้มือเปล่า เขาคงไม่แพ้ หรืออย่างน้อยก็ไม่แพ้เร็วและอนาถขนาดนี้

ตอนนี้หมอกโลหิตมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือลากเย่เทียนเฉินไปตายด้วยกัน ในชีวิตของเขาหมอกโลหิตไม่ทราบว่าผ่านประสบการณ์ต่อสู้เป็นตายมามากน้อยแค่ไหน เขาล้วนฆ่าศัตรูได้สำเร็จ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะถึงตาเขาแล้ว เย่เทียนเฉินอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น แต่มีความสามารถขนาดนี้ หากเติบโตต่อไป เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าหากคุณชายใหญ่ต้องการลงมือกับเขาจะต้องลำบากแน่นอน

การต่อสู้กับหมอกโลหิตทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ว่า ความสามารถของตนในตอนนี้ยังห่างชั้นจากคุณชายใหญ่อยู่ขั้นใหญ่ ถ้าหากตอนนี้คุณชายใหญ่มาโจมตี เขาจะต้องไม่ใช่คู่มือของคุณชายใหญ่แน่ ต่อให้เขามีความสามารถที่แข็งแกร่งกว่านี้และมีศักยภาพในการต่อสู้ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของคุณชายใหญ่ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าตนเองจะต้องรีบเพิ่มพูนความสามารถให้เร็ว มิฉะนั้นในการต่อสู้กับคุณชายใหญ่ที่ต้องมาถึงซักวัน คนที่จะตายก็ต้องเป็นเขาแน่นอน

เหตุผลนั้นง่ายมาก หมอกโลหิตเป็นแค่ขุนพลใหญ่ซึ่งเป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเท่านั้น แต่ก็สามารถสู้กับเขาได้แล้ว หากไม่ใช่ว่าลำพองใจคงไม่ตกอยู่ในความพ่ายแพ้ หากเป็นคุณชายใหญ่จะแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน? ไม่ต้องคิดก็รู้

“ไปตายซะ!”

หมอกโลหิตตะโกนลั่น มือทั้งสองจับด้ามกระบี่อวี๋ฉางแน่น ฟันในแนวขวางไปด้านขวาอย่างสุดแรง ต้องการฟันเย่เทียนเฉินให้ขาดเป็นสองท่อน เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงอันตรายอย่างรุนแรง หมอกโลหิตแข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาส ตนเองโจมตีหนึ่งหมัดหนึ่งฝ่ามือทะลุหัวใจเขา ถึงกับยังมีแรงขนาดนี้ ราวกับไม่รู้จักตาย นี่เป็นการโจมตีสุดท้ายที่ต่อให้ตายก็จะลากเขาไปตายเป็นเพื่อน

เพี๊ยะ!

มือซ้ายของเย่เทียนเฉินจับด้ามกระบี่อวี๋ฉาง หยุดพลังที่ฟันมาในแนวขวางทางด้านขวาของกระบี่อวี๋ฉางที่หมอกโลหิตกำเอาไว้ในมือ แต่กลิ่นอายโหดเหี้ยมที่ราวกับสามารถสังหารจักรพรรดิได้ของกระบี่อวี๋ฉางนั้นยังคงโจมตีมาด้านขวาไม่หยุด อีกเพียงนิดเดียวก็จะฟันร่างกายของเย่เทียนเฉินขาดเป็นสองท่อนแล้ว นี่คือปราณกระบี่ ต่อให้ตัวกระบี่ไม่ได้เคลื่อนไหว ร่างกายของเย่เทียนเฉินก็ยังอาจจะถูกปราณกระบี่ฟันขาด

“ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครหนีจากการสังหารของกระบี่อวี๋ฉางได้ ทุกคนถูกกระบี่อวี๋ฉางทำร้ายจะไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ทำเพียงได้แต่รอความตายเท่านั้น!” หมอกโลหิตพูดอย่างเย็นชา เขารู้ว่าตนต้องตายแน่แล้ว แต่เย่เทียนเฉินก็ต้องตายไปด้วย ลากยอดฝีมือรุ่นเยาว์อย่างเย่เทียนเฉินไปตาย เขาหมอกโลหิตก็นับว่าไม่ไร้ค่าจนเกินไป

เลือดในปากของเย่เทียนเฉินกระอักออกมาด้านนอกไม่หยุด บาดเจ็บรุนแรงมาก ปราณกระบี่ของกระบี่อวี๋ฉางพุ่งมายังร่างกายของเขาไม่หยุด จากซ้ายไปขวา เกือบจะถูกหัวใจอยู่แล้ว เย่เทียนเฉินจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย

ชิ้ง!

ในตอนนี้เอง กระบี่ไท่อาที่ถูกปักอยู่บนพื้นก็ร้ายกาจยิ่งขึ้น มันสัมผัสได้ถึงอันตรายของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินก็ไม่มีวิธีแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หมอกโลหิตยังสามารถทำร้ายเขาได้ ช่างแข็งแกร่งจริงๆ

นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวารวบเข้าด้วยกัน ในตอนที่หมอกโลหิตตะโกนออกมา ต้องการฟันเย่เทียนเฉินให้ขาดเป็นสองท่อน พาเย่เทียนเฉินไปสู่เส้นทางแห่งความตาย ลำแสงของกระบี่สายหนึ่งก็ร่วงหล่นมาจากฟ้า กระบี่ไท่อาพุ่งปักทะลุศีรษะของหมอกโลหิตอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า

“แกแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่น่าเหลือเชื่อ บางทีตอนที่คุณชายใหญ่สู้กับแก คงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ดูเบาไม่ได้เลยจริงๆ!” หมอกโลหิตมองเย่เทียนเฉินที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ยินยอม มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีแรงที่จะลากเย่เทียนเฉินไปตายด้วยกันแล้ว ทำได้เพียงทอดถอนใจเท่านั้น เขาหมอกโลหิตต่อสู้มาชั่วชีวิต แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยแพ้ วันนี้กลับพ่ายแพ้อยู่ในมือเย่เทียนเฉิน ตายอยู่ในมือเย่เทียนเฉิน ชายวัยรุ่นที่อายุไม่เกิน 20 ปีคนนี้มีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจบรรยายจริงๆ ความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา

หมอกโลหิตตายแล้ว เย่เทียนเฉินดึงกระบี่อวี๋ฉางออกจากอกของตน เลือดสดๆ พุ่งออกมาไม่หยุด บาดแผลนั้นน่าหวาดกลัวมากจนดูเหมือนจะเห็นกระทั่งหัวใจของเย่เทียนเฉิน อีกนิดเดียวเขาเย่เทียนเฉินก็จะตายไปด้วยกันกับหมอกโลหิตแล้ว อย่างไรก็ตามเพียงไม่นาน พลังอันอ่อนโยนที่จางรั่วถงเหลือไว้ในร่างกายของเย่เทียนเฉินก็มาควบคุมบาดแผลเอาไว้ ค่อยๆ ทำการรักษาถึง แม้จะช้าแต่อาการบาดเจ็บก็ไม่ทรุดลงต่อไป นี่จะไม่ทำให้เย่เทียนเฉินตาย

เย่เทียนเฉินนั่งลงกับพื้น การต่อสู้นี้กินแรงมากจริงๆ ความแข็งแกร่งของหมอกโลหิตเกินกว่าจินตนาการของเขาไปแล้ว มองไปยังหมอกโลหิตที่ยืนอยู่บนพื้นไม่ยอมล้มลง ถูกกระบี่ไท่อาปักทะลุศีรษะจนตาย เย่เทียนเฉินก็รู้สึกนับถือจริงๆ หมอกโลหิตเป็นผู้แข็งแกร่ง เรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษ เพียงแต่ทั้งสองยืนอยู่คนละฝั่ง จะอย่างไรก็ต้องต่อสู้เป็นตาย มิฉะนั้นอาจจะกลายเป็นเพื่อนกันก็ได้ บนโลกใบนี้มีหลายอย่างที่ถูกกำหนดมาแล้ว

ในตอนที่หมอกโลหิตตาย โครงกระดูกโลหิตที่ถูกสร้อยประคำควบคุมอยู่บนอากาศก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเล็กลงและหายไปในที่สุด ที่นั่นมีประกายแสงเล็กน้อย เป็นแสงที่อ่อนโยนและอบอุ่น ไม่มีบรรยากาศแห่งการฆ่าฟันอีกต่อไป และไม่มีอากาศที่แย่งชิงชีวิตผู้คนอีก เย่เทียนเฉินราวกับได้เห็นคนทั้ง 99 คนที่ถูกหมอกโลหิตสังหารอย่างโหดเหี้ยม ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการปลดปล่อยแล้ว ได้รับการปลดปล่อยหลังจากตายมา 20 ปี นี่ช่างเป็นเรื่องโหดร้ายจริงๆ แต่ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว ไม่ต้องรับการหลอมรวมแบบนั้นอีก และไม่ต้องรับความเจ็บปวดหลังความตายอีก

หลังจากการต่อสู้จบลง เย่เทียนเฉินก็นั่งขัดสมาธิบนพื้น เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว ถึงแม้จะมีพลังที่จางรั่วถงเหลือไว้ในร่างกายคอยรักษาแผล แต่ครั้งนี้อาการบาดเจ็บเขาสาหัสมาก อีกนิดเดียวก็จะบาดเจ็บถึงหัวใจ เขาเกือบจะถูกฟันขาดอยู่แล้ว นี่เป็นความน่าหวาดกลัวระดับไหนกัน การที่สามารถอยู่ต่อไปได้ นอกจากพลังที่จางรั่วถงเหลือไว้คอยช่วยสมานแผลแผล ยังเป็นเพราะความแข็งแกร่งในร่างกายและความสามารถส่วนตัวด้วย เขาต้องการเวลารักษา ในขณะเดียวกันตอนที่ซ่อมแซมอาการบาดเจ็บก็ยังสามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งอีกด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่คุณชายใหญ่จะมาโจมตี เมื่อถึงตอนนั้นจะต้องเป็นการต่อสู้ร้ายแรงเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าตนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่…