พื้นที่อาศัยภายในบ้านหลังนี้ไม่กว้างนัก เสาต้นเหมยแก่ๆ ต้นหนึ่งภายในเรือนโย้ไปเย้มา มุมห้องมีตะไคร่น้ำขึ้นอยู่บางๆ พอเด็กน้อยเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งเห็นพวกนางเดินเข้ามาก็วิ่งออกไปยืนอยู่หลังผู้เฒ่า
“ที่บ้านมีแต่พวกเจ้าหรือ” พ่อบ้านเฉาเอ่ยถามพลางมองไปรอบๆ แม้ว่าจะยังเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้านอยู่ แต่ความสะอาดเหล่านี้ไม่เหมือนกับความสะอาดเวลาที่มีหญิงสาวอยู่ในเรือนด้วย
“ใช่ แม่เฒ่าจากไปเร็ว โรคระบาดปีนั้นลูกชายกับลูกสะใภ้ล้วนตายหมด” ผู้เฒ่ายิ้มตอบพลางยื่นมือไปลูบเด็กน้อยด้านหลัง “เหลือเจ้าตัวน้อยคนนี้ไว้คนเดียว”
เสียภรรยาและลูกชายไปทั้งตระกูลจนแทบไร้ทายาท แต่สีหน้าเขากลับไร้ซึ่งความเจ็บปวดโศกเศร้า ซ้ำยังอบอุ่นดังเดิม
“สวรรค์เมตตา เด็กคนนี้จึงเติบโตมาได้” ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย
สภาพเช่นนี้ยังบอกว่าสวรรค์เมตตาอีก…
ปั้นฉินเจ็บปวดอยู่ในใจ
คนมั่งมียิ่งมีก็ยิ่งรู้สึกไม่พอ คนไม่มียิ่งไม่มีกลับสำนึกในบุญคุณ
เฉิงเจียวเหนียงพยักหน้านั่งลง ผู้เฒ่าจึงไปหยิบโต๊ะอีกด้านมา เด็กน้อยคนนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้ก็กระโดดโหยงๆ เข้ามาในห้องพร้อมกับกาน้ำในมือ
“ข้าเอง ข้าเอง” ปั้นฉินรีบเข้าไปรับไว้ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ “ระวังลวกโดนเจ้า”
เด็กน้อยปล่อยมือ ก้มหน้าวิ่งไปยืนหลบหลังผู้เฒ่าอีกครั้ง
“ไม่ใช่ชาดีอะไร…” ผู้เฒ่าหยิบชามใบใหญ่ออกมา ใช้น้ำล้างอยู่หลายครั้งแล้วจึงวางลงบนโต๊ะเหลี่ยม จากนั้นก็หยิบชามาต้ม
“ไม่ต้อง ท่านผู้เฒ่า นายหญิงข้าไม่ดื่มชา” ปั้นฉินเอ่ยพลางรินน้ำเปล่าใส่ถ้วยแทน
ก็จริง แม่นางน้อยเป็นใคร ชอบกินดื่มอะไร ไหนเลยจะกินของของพวกเขาได้
ผู้เฒ่ายืนยิ้มอยู่อีกด้านไม่คะยั้นคะยออีก
เฉิงเจียวเหนียงพินิจมองเรือนอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า
“ข้าอยากเช่าอยู่ที่นี่สักระยะได้หรือไม่” นางเอ่ยพลางมองคนข้างๆ
พ่อบ้านเฉารีบแกะถุงเงินยื่นให้ผู้เฒ่า
“โธ่ ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ผู้เฒ่ารีบโบกมือปัด “อยากอยู่ก็อยู่เถิด เหตุใดต้องให้เงินด้วย นี่ไม่เหมือนการตามหาคน ไม่เหมือนกัน”
ไม่ว่าพ่อบ้านเฉาจะยัดให้อย่างไร เขาก็ไม่ยอมรับไว้
เฉิงเจียวเหนียงโบกมือ พ่อบ้านเฉาจึงเก็บถุงเงินคืนไป
“ข้าไม่อาจอยู่ที่บ้านพวกท่านเฉยๆ ได้ หากพวกท่านไม่ยอมรับเงินไว้ เช่นนั้นก็ให้คนมาสร้างอีกหลังให้พวกท่านดีหรือไม่” นางเอ่ย
สร้างอีกหลังรึ
ผู้เฒ่าตะลึงงัน คนที่มามุงดูอยู่ด้านนอกก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
ไม่หรอกน่า…
“ปั้นฉิน” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยเรียก
ปั้นฉินรีบรับคำ
“เจ้ายังมีเงินอยู่อีกเท่าใด” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
“ตอนมาเอามาแค่หมื่นก้วนเจ้าค่ะ” ปั้นฉินเอ่ย “พี่ปั้นฉินบอกว่า ตอนปลายปีจะเอามาเพิ่มให้อีก”
เฉิงเจียวเหนียงได้ยินก็พยักหน้ามองผู้เฒ่า
“น่าจะพอแล้วล่ะ” นางเอ่ย “วางแปลน ซื้อของ แรงงาน เจ้าไปจัดการแล้วมาเอาที่ข้า”
หนึ่งหมื่นก้วน!
นึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยผู้นี้มีเงินเป็นหมื่นก้วน!
ผู้เฒ่ารู้สึกแข้งขาไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะลงไปนั่งกับพื้น
หนึ่งหมื่นก้วน! ยามนี้ที่นาสามหมู่[1]ในเมืองเจียงโจวยังไม่ถึงยี่สิบก้วนเลย นี่หนึ่งหมื่นก้วน! ซื้อเรือนดีๆ ในเมืองเจียงโจวได้ตั้งสามหลัง…
มีเงินมากมายเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่านางยังจะมาอยู่ที่บ้านซอมซ่อของเขา ซ้ำยังจะปลูกหลังใหม่ให้เขาอีก!
แม่นางผู้นี้กำลังเล่นตลกอันใดอยู่!
“แม่นาง แม่นาง กำลังล้อเล่นอยู่หรือ…” เขาเอ่ยถามเสียงสั่น
“ล้อเล่นอันใด” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ย “ข้าเห็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าพวกนั้นยังคงว่างอยู่ ไม่สู้ปรับปรุงให้ดี…”
นางเอ่ยพลางมองกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันอยู่ด้านนอก
“…หากยอมที่จะออกแรง ก็จะแบ่งให้คนละห้อง”
ประโยคนี้จบลงด้านนอกก็เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมา
เมื่อครู่พวกเขาก็ได้ยินด้วยเช่นกัน แม่นางผู้นี้จะปลูกบ้านให้ผู้เฒ่า ขณะกำลังตะลึงงันกันอยู่นั้นก็ได้ยินพระโพธิสัตว์เดินดินนางนี้บอกออกมาคำหนึ่ง ช่างเหมือนกับฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะแล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาจริงๆ
นี่มันเหมือนกับคนอื่นออกเงินให้แล้วให้ตัวเองสร้างบ้านเองไม่ใช่หรือ! เรื่องเช่นนี้เหมือนในตำนานที่สวรรค์ประทานพรมาให้!
“ตกลง ตกลง” มีคนตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างอดไม่ได้
ผู้เฒ่าโบกมือบอกให้ข้างนอกอย่าวุ่นวายด้วยสีหน้ากังวล แล้วหันมามองเฉิงเจียวเหนียงอีกครั้ง
“แม่นาง ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย นะ…นี่มันไม่มีประโยชน์” เขาเอ่ย
“ที่ดินพวกนั้นเป็นของพวกเจ้าใช่หรือไม่” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ล้วนเป็นมรดกตกทอดกันมา ตะ…แต่ว่าไร้ปัญญาทำให้ดีขึ้นได้…” คนด้านนอกรีบตะโกนตอบอย่างอดไม่อยู่
ผู้เฒ่าหันไปถลึงตาใส่พวกเขาแล้วโบกมือ
“พวกเจ้าเหลวไหลอันใดกัน!” เขาตะหวาดขึ้น
คนด้านนอกพลันเงียบเสียงลง
ใช่สิ สร้างบ้าน เป็นเรื่องใหญ่ภายในบ้าน อีกทั้งต้องใช้เงินมหาศาล ไหนเลยจะเหมือนเด็กเล่นขายของ
ดูท่าแล้วแม่นางผู้นี้สติไม่ดีเป็นแน่ …
แต่เหตุใดบ่าวพวกนี้จึงไม่ห้ามปรามนางบ้างเล่า ซ้ำยังเห็นดีเห็นงามเหมือนเรื่องปกติอีกต่างหาก
“รีบมา…รีบมาสิ…แม่นางน้อยตระกูลเฉิงผู้นั้นมาอีกแล้ว”
เสียงตะโกนดังระงมทั่วฝั่งเฉิงใต้ เรียกผู้คนแต่ละบ้านให้ชะเง้อออกมามอง
“อะไรหรือ เกิดอะไรขึ้น แม่นางผู้นั้นแจกเงินอีกแล้วหรือ”
“ไม่ใช่แจกเงิน ครั้งนี้แจกบ้าน!”
แจกบ้านรึ!
ประโยคนี้ทำเอาทุกคนต่างมุ่งตรงไปที่นั่น ตรอกที่แคบอยู่แล้วยิ่งเบียดเสียดกันเข้าไปใหญ่ พวกนายใหญ่เฉิงแทบจะเบียดกันไม่ได้
“ไสหัวไป ไสหัวไปซะ!”
บ่าวรับใช้เจ็ดแปดคนยกกระบองตีจึงแหวกฝูงชนเหล่านั้นได้
นายใหญ่เฉิงพาคนเดินไปถึงที่นั่นก็เห็นรถม้าของเฉิงเจียวเหนียงจอดอยู่หน้าประตูครอบครัวนี้ พ่อบ้านเฉากำลังพาคนขนของลงจากรถไว้ในบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องของผู้เฒ่าได้ย้ายมากองอยู่หน้าประตูหมดแล้ว เด็กน้อยบางคนกำลังปีนเล่นกันอยู่บนกองนั้น
“เฉิงเจียวเหนียง พวกเจ้าทำอะไรกัน!” นายใหญ่เฉิงขมวดคิ้วตะคอกขึ้น
เฉิงเจียวเหนียงที่ยินอยู่ในเรือนหันมามอง
“เก็บของ ต่อไปข้าจะมาอยู่ที่นี่” นางบอก
“ใครให้เจ้าอยู่ที่นี่!” นายใหญ่เฉิงตะหวาด
“นี่บ้านท่านหรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยถาม
แน่นอนว่าไม่ใช่
“เฉิงเจียวเหนียง เจ้าหยุดก่อเรื่องได้แล้ว!” นายใหญ่เฉิงตวาดเสียงเข้ม
เฉิงเจียวเหนียงมองเขา
“ในเมื่อที่นี่มิใช่บ้านท่าน ท่านก็อย่ายุ่งกับข้า” นางเอ่ย “อยู่ที่บ้านท่าน ท่านไล่ข้าออกได้ อยู่ที่นี่ ท่านก็ลองไล่ข้าดูสิ”
ลองก็ลอง!
นายใหญ่เฉิงยิ่งเดือดดาลเข้าไปใหญ่ ยกมือชี้นิ้ว
“พวกเจ้ามัดนางไว้เดี๋ยวนี้!” เขาตะคอกสั่ง
บ่าวข้างกายขานรับคำ ก่อนจะกรูกันเข้ามาจริงๆ
พ่อบ้านเฉาและพรรคพวกวางเครื่องเรือนในมือลงกันนานแล้ว กำลังจะเข้าปะทะพร้อมกับเสียงนายใหญ่เฉิงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ แต่ได้ยินเสียงหวีดร้องดังขึ้นเสียก่อนจึงพากันหันไปมอง
เฉิงเจียวเหนียงที่อยู่อีกด้านของเรือนสาวเท้าเข้าไปพลางยืนถือธนูเตรียมเล็งไปที่บ่าวที่กำลังจะเข้ามาด้านใน
นางก้าวเท้าไปข้างหน้า ง้างธนู ปล่อยศร
ได้ยินเพียงเสียงของสายธนูดังขึ้น ลูกธนูยาวเป็นประกายเย็นยะเยือกพุ่งไปยังบ่าวที่อยู่หน้าสุด บ่าวคนนั้นหวีดร้องอย่างอนาจ ก่อนหงายหลังล้มตึงไป เขากลิ้งอยู่บนพื้นกุมแขนไว้
คนอื่นๆ ต่างยืนอยู่กับที่ มองคนๆ นั้นอย่างตะลึงงัน
นี่มันฉากเดียวกับเมื่อครู่นี้ แต่ครั้งนี้มือที่กุมแขนไว้มีเลือดไหลตามง่ามนิ้วออกมาช้าๆ
“ท่านคิดว่าข้าล้อเล่นอยู่หรือ” เฉิงเจียวเหนียงเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไม่เรียบเฉย
ขณะที่พูดก็หยิบลูกธนูมาขึ้นคันชัก เล็งไปยังนายใหญ่เฉิง
……………………….
[1] หมู่ หน่วยวัดของจีน 1 หมู่ เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร