ตอนที่ 149.3 ไข่แมลงห้าลัง (3)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เยี่ยนอ๋องเป็นโรคกลัวรู เห็นแค่ไข่แมลงถี่ยิบเต็มไปหมดก็ขนลุกทั่วตัวแล้ว เวลานี้ยังเห็นนางพลิกกลับไปมาอีก ก็ขมวดคิ้ว “ใครก็ได้ เอาถุงมือมาให้พี่สะใภ้สามของข้าหน่อย” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นหันมากล่าว “ไม่ต้อง” ช่วงเวลาที่อยู่ในบ้านสวน เรื่องไปขุดดินเพาะปลูกในสวนดอกไม้และสวนบ๊วยก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำ หนอนแมลงในดินก็พบเจอได้บ่อยครั้ง 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังมองดูพระชายาต้าเซวียนผู้นี้ทั้งดูทั้งจับ ดวงตาก็ยิ้มขึ้นมาทันใด หากดูนางเพียงภายนอกช่างทำคนสับสนเสียจริง ดูอ่อนแอนุ่มนิ่ม เห็นเป็นเพียงหญิงสูงศักดิ์อ่อนช้อยเรียบร้อย ในงานเลี้ยงวันนั้น แม้จะโดดเด่น แต่ก็เป็นเพียงการละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ไม่คิดว่าข้างในจะเป็นคนดุเดือดเผ็ดร้อน ปากว่ามือถึงนัก 

 

 

แต่ก็อย่างว่า เรื่องนี้นางเป็นผู้ดูแลอยู่เบื้องหลังหากเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษ จะไม่เคร่งเครียดได้อย่างไร 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังปล่อยให้นางทำไป ผ่านไปสักพัก ได้ยินนางหันกลับมากล่าวเสียงใส “พวกท่านดูสิ นี่เป็นรอยงัดใช่หรือไม่” 

 

 

ผู้ติดตามของต้าสือเข้าไป เห็นด้านหลังของฝาลังส่วนล่าง มีรอยเว้าเล็กๆ อยู่ อีกยังมีเศษเสี้ยนไม้หลุดออกไป 

 

 

ด้านหลังของฝาลังส่วนล่างเดิมทีก็มักจะถูกคนมองข้ามอยู่แล้ว รอยเว้าพวกนั้นก็ยิ่งเล็กเข้าไปใหญ่ 

 

 

เยี่ยนอ๋องรีบกล่าว “รีบเข้าไปดูเร็ว!” 

 

 

ผู้ดูแลสำนักสองคนอดความพะอืดพะอมไว้แล้วเดินเข้าไป ปัดไข่แมลงออก แล้วยื่นหน้าเข้าไปตรวจดูรอยเว้า ผ่านไปสักครู่ “ทูลเยี่ยนอ๋อง เป็นรอยงัดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! หากไม่ได้ตรวจอย่างละเอียดก็ดูไม่ออกจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!” 

 

 

เยี่ยนอ๋องบีบรูจมูกไว้แล้วกล่าว “ลังนี้แน่นหนานัก ฝาลังก็หนัก หากใช้มีดงัด น่าจะเป็นรอยใหญ่ชัดเจน ใช้อะไรงัดกัน” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังที่เงียบมาตลอดก็เดินเข้าไปทันใด คว้าฝาที่มีไข่แมลงเต็มไปหมด แล้วมองดูรอยเว้านั้น 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมองดูท่าทางของเขา น่าจะเป็นคนรักสะอาด ครั้งนี้กลับต้องตกตะลึง เมื่อได้ยินเขากล่าวอย่างจริงจังว่า “น่าจะใช้ไขควงสี่แฉกขนาดเล็กที่สุดงัด เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่เอาไว้ขันตะปูควง ค่อยๆ งัดออก จะไม่ปรากฏรอยงัดชัดเจนเหมือนการใช้มีดงัด” 

 

 

เมื่อพูดจบ เฟิ่งจิ่วหลังก็ทิ้งฝาลงแล้วปัดมือ สีหน้าคร่ำเครียด “ใครทำกันแน่ มีอย่างที่ไหนกัน” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นและคนอื่นๆ เดินออกมาจากคลังเก็บสินค้า กลับมายังห้องโถงใหญ่ของหลี่ฝานย่วน แล้วนั่งลงอีกครั้ง 

 

 

ชูซย่าและคนรับใช้ในจวนทางการตักน้ำสะอาดมา แล้วยื่นสบู่ให้พวกเขา หลังจากล้างมือแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นก็กล่าว “เมื่อครู่หม่อมฉันได้ตรวจดูไข่แมลงพวกนั้นอย่างละเอียด ไข่แมลงนี้เรียกว่าชิงอูโถว ในต้าเซวียนนี้ ส่วนมากจะซื้อมาให้อาหารปลาสวยงามและนก ในบรรดาอาหารนกอาหารปลานั้น ชิงอูโถวถือว่าเป็นอาหารที่ราคาค่อนข้างสูง ตามที่หม่อมฉันรู้มา นกที่เรียกว่านกกระตั้วหางกรวยหัวหงส์ จะกินชิงอูโถวราคาแพงเช่นนี้โดยเฉพาะ” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังใช้ผ้าฝ้ายค่อยๆ เช็ดมือ หน้าและคอก็ชะงักไป อ้อ จริงสิ พระชายาผู้นี้ทำน้ำหอมได้ อีกยังครอบครองสวนดอกไม้อีก รู้เอกลักษณ์ของพืชพรรณไม้ต่างๆ สำหรับแมลงที่เกี่ยวข้องกันกับพืชต่างๆ นั้น ก็น่าจะรู้จักด้วย คิ้วก็คลายลง วางผ้าฝ้ายลงในถาดรอง เหมือนว่าคิดอะไรอยู่ “คนที่มีเงินซื้ออาหารเลี้ยงปลาสวยงามและนกได้ ไม่น่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดา อีกยังเลี้ยงปลาและนกราคาแพงอีก อีกทั้งได้กินอาหารชั้นเลิศ… ฉะนั้นพระชายาหมายความว่า คนที่ปล่อยแมลงนั้น น่าจะเป็นคนที่มีฐานะสูงศักดิ์” 

 

 

จริงๆ แล้ว ถึงแม้จะไม่ใช่เพราะไข่แมลง ก็คาดเดาได้ว่าคนที่ก่อกวนอยู่เบื้องหลังนั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาฐานะต่ำต้อยเป็นแน่ 

 

 

คนผู้นั้นไม่ว่าจะอยากทำร้ายตน หรือทำร้ายต้าสือ แต่กล้าทำลายการค้าระหว่างสองเมืองแล้ว ก็ย่อมมีอำนาจระดับหนึ่ง เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา จะไม่กลัวถูกลงโทษหรือ 

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น คิ้วของเฟิ่งจิ่วหลังก็ผ่อนคลายลง สีหน้าของอวิ๋นหว่านชิ่นก็ยิ่งตึงเครียดขึ้น 

 

 

เยี่ยนอ๋องหาโอกาสพูดแทรกได้ในที่สุด “เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว! ข้าจะไปสอบถามบ้านที่เลี้ยงปลาและนกในเมืองหลวงทีละบ้าน! บ้านที่เลี้ยงกระแต้วที่หางกรวยหัวหงส์และปลาสายฟ้าแดงนั้น ตรวจสอบให้มากเป็นพิเศษ! จะต้องตรวจเจอเบาะแสอะไรบ้าง!” 

 

 

“ยากสิไม่ว่า!” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นและเฟิ่งจิ่วหลังพูดขึ้นมาพร้อมกัน 

 

 

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้วทันใด จะต้องรู้ใจกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ พี่สาม ขอโทษนะ ข้าช่วยพี่ได้เท่านี้ล่ะ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าเฟิ่งจิ่วหลังคิดไปทางเดียวกับตนโดยไม่ได้นัดหมาย จึงยกมือขึ้น เป็นการให้แขกต่างเมืองพูดก่อน 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังทำตามประสงค์ของนาง แล้วกล่าว “หากเป็นเมืองเล็กๆ ยังพอจะตรวจสอบได้ง่าย เย่ว์จิงเป็นเมืองใต้พระบาทโอรสสวรรค์ คนที่สามารถเลี้ยงปลาเลี้ยงนกได้มากมายคณานับ คนที่เลี้ยงนกกระตั้วนั้นก็ย่อมมีไม่น้อยเป็นแน่ เยี่ยนอ๋องจะตรวจสอบก็ย่อมได้ ทว่าจะใช้เวลานานมากนัก เกรงว่าหากไม่ใช้เวลาเดือนหนึ่งอย่างน้อยก็ต้องยี่สิบวัน เยี่ยนอ๋องคิดว่าภริยาทูตจะอดทนรอได้นานเพียงนั้นหรือ ระหว่างนี้ เกรงว่าคงจะไปทูลกล่าวถึงในวังแล้ว เช่นนี้ นอกจากพระชายาฉินอ๋องจะถูกลงโทษแล้ว เรื่องก็จะเอิกเกริกไปกันใหญ่ คนที่ใส่หนอนในลังนั้นก็จะยิ่งระวังตัวมากขึ้น คิดหาวิธีป้องกัน ถึงเวลานั้น ก็จะยิ่งยากต่อการตรวจสอบ” 

 

 

“ฉวยโอกาสตอนนี้ที่เรื่องยังไม่แพร่ออกไป และคนผู้นั้นยังไม่รู้ว่าเราพบเรื่องนี้แล้ว เป็นโอกาสดีที่เราจะตรวจสอบเรื่องนี้” อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวเสริม 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังหรี่ตา ดวงตาสีเขียวดั่งมรกตส่องประกายและแฝงด้วยรอยยิ้ม “พระชายามีอะไรจะเสนอเกี่ยวกับการตรวจสอบหรือ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นท่าทางของชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดวิธีออกแล้ว จึงได้ยิ้มกล่าวอย่างเฉยชาเช่นกัน “ไข่แมลงในลังห้าลังนี้มีมากนัก อายุการเก็บรักษาของไข่แมลงชนิดนี้มีจำกัด ซื้อมามากเกินไปก็จะเน่าเสียได้ ฉะนั้นคนที่นำมาเลี้ยงนกเลี้ยงปลานั้น ในครั้งหนึ่งจะไม่ซื้อในจำนวนที่มากเกินไป ตามหลักแล้ว คนผู้นั้นไม่น่าจะเก็บไข่แมลงจำนวนมากเพียงนี้ จะต้องให้คนไปซื้อก่อนหน้าไม่นาน และหลังจากการตกลงเรื่องการค้าในงานเลี้ยงในวังจนถึงวันนี้ก็ผ่านไปเพียงเจ็ดแปดวันเท่านั้น เช่นนั้น ก็ลดเวลาและขั้นตอนในการตรวจสอบไปได้ พวกเราเพียงแค่ต้องตรวจสอบคนที่ไปซื้อหนอนชิงอูโถวจำนวนมากหลังจากงานเลี้ยงในวังก็เพียงพอแล้ว” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังรอยยิ้มชัดเจนขึ้น คำพูดที่นางพูดมาแต่ละคำแต่ละประโยคนั้น เหมือนกับความคิดในใจของเขาโดยไม่ได้นัดหมาย 

 

 

แหที่ติดพันกันจนวุ่นวายไปหมด ถูกทั้งสองคนนี้ร่วมกันค่อยๆ แก้ออก เพียงแต่…ไม่รู้ว่าคนเบื้องหลังที่ตามได้จากเบาะแสนั้น จะเป็นใครกันแน่ 

 

 

เยี่ยนอ๋องและผู้ดูแลสำนักข้างกายทั้งสองคุยกระซิบกันแผ่วเบาสักครู่แล้วหันหน้ามา “อาหารปลาและนกชั้นเลิศราคาแพงเช่นนี้ ในเมืองหลวงนั้นมีร้านที่ขายอยู่ไม่กี่ร้าน อีกทั้งยังมีตลาดค้าดอกไม้และนกโดยเฉพาะ ขอบเขตเล็กลงมาก! พี่สะใภ้รอบคอบนัก ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่ตลาดเดี๋ยวนี้” พูดอยู่ก็สั่งผู้ดูแลสำนัก แต่กลับได้ยินอวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว “องค์ชายแปด หม่อมฉันไปด้วย” 

 

 

เยี่ยนอ๋องชะงักไป “เรื่องเช่นนี้จะต้องให้พี่สะใภ้ไปอีกทำไมกัน อีกอย่างตลาดค้าดอกไม้และนกผู้คนมากหน้าหลายตา…” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังขนตากระพริบ เหลือบมองอวิ๋นหว่านชิ่น “เยี่ยนอ๋อง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความบริสุทธิ์ของพระชายาฉินอ๋องและชื่อเสียงของจวนฉินอ๋อง พระชายาฉินอ๋องจะเคร่งเครียดก็เป็นเรื่องธรรมดา หากไม่ให้นางไป เกรงว่าพระชายาฉินอ๋องกลับจวนไปก็คงไม่สบายใจ ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยนอ๋องก็เห็นแล้วว่า พระชายาฉินอ๋องมีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านนี้ หากไปแล้ว ก็น่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดีได้” 

 

 

เยี่ยนอ๋องยังคงลังเล กลับเห็นอวิ๋นหว่านชิ่นสวมหมวกคลุมหน้าเรียบร้อยแล้ว บดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แล้วหันหน้ากลับมา “องค์ชายแปดอย่าชักช้าอีกเลย” กล่าวจบก็พาชูซย่า และเหล่าทหารเดินออกห้องโถงใหญ่ไป 

 

 

ช่างเถิด ถึงแม้พี่สามอยู่ก็คงจะห้ามไม่อยู่ เยี่ยนอ๋องเรียกเฉียวเวยองครักษ์ติดตามของตนออกมา แล้วสั่งให้เขาตามไปที่ตลาด แอบรักษาความปลอดภัยของอวิ๋นหว่านชิ่นอยู่เงียบๆ เพิ่งจะสั่งกำชับเสร็จ มองดูเฉียวเวยออกไป กลับเห็นเฟิ่งจิ่วหลังยกกระโปรงขึ้น เดินออกไปข้างนอกเช่นกัน จึงรีบเรียกไว้ “นี่…พวกเจ้าจะไปที่ใดกัน”