ตอนที่ 149.4 ไข่แมลงห้าลัง (4)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เฟิ่งจิ่วหลังเอียงคอมา “เยี่ยนอ๋อง เรื่องนี้เกี่ยวพันกับต้าสือของกระหม่อมด้วย กระหม่อมจะให้ต้าเซวียนออกแรงตรวจสอบเพียงฝ่ายเดียวได้อย่างไร ก็ย่อมต้องตามไปตรวจสอบด้วยสิขอรับ” 

 

 

เยี่ยนอ๋องร้อนรนขึ้นมา “เจ้าไม่ต้องไป” 

 

 

ในหลี่ฝานย่วน มีตนคอยเฝ้าดูอยู่ยังพอว่า หากออกไปแล้วก็คงไม่เหมือนกันแล้ว 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังขมวดคิ้วลง “เยี่ยนอ๋องดูถูกกระหม่อมหรือ หรือว่าดูถูกต้าสือกันแน่” 

 

 

เยี่ยนอ๋องสะบัดแขนเสื้อ ไม่พูดอ้อมค้อมกับเขาแล้ว “ข้าไม่ไว้ใจเจ้า! ในเมื่อพี่สะใภ้สามไปแล้ว คนนอกอย่างเจ้าตามไปด้วย มันเข้าท่าที่ไหนกัน ข้ารู้ว่าต้าสือเปิดกว้างนัก ชายหญิงอยู่ด้วยกันได้ ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไร แต่ราชสำนักจงหยวนนั้นไม่เหมือนกัน มาถึงต้าเซวียน ก็ควรจะเข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตาม รู้จักการหลีกเลี่ยงเสียบ้าง!” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังเห็นเขาใช้อำนาจองค์ชาย ถึงแม้น้ำเสียงยังถือว่าเคารพนบนอบ แต่สีหน้าเยือกเย็น กล่าวเย้ยหยัน “เยี่ยนอ๋อง ต้าสือมีสิทธิ์ในการตรวจสอบว่าใครเป็นคนใส่หนอนเข้าไป ทำลายความสัมพันธ์ทางการค้าของสองเมือง ท่านทูตและฮูหยินนั้นยิ่งมีสิทธิ์รับรู้ ตอนนี้พระชายาฉินอ๋องกังวลเรื่องนี้ยิ่งนัก ท่านกลับคิดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้อยู่” 

 

 

“เจ้า…” เยี่ยนอ๋องปวดหัวยิ่งนัก แทบอยากจะให้ฟ้าผ่าพาพี่สามกลับเมืองหลวงมาตอนนี้เลย ให้เขาได้เห็นความไร้ยางอายของชายหนุ่มต่างแดนผู้นี้ แต่ก็ทำได้เพียงมองดูเฟิ่งจิ่วหลังเดินตัวลอยนำผู้ติดตามก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ไป 

 

 

เมื่อถึงตลาดค้าดอกไม้และนกของเมืองหลวง อวิ๋นหว่านชิ่นก็เพิ่งจะพบว่าชายหนุ่มชุดฟ้าเข็มขัดลายหยกก็ติดตามมาด้วย ตกใจขึ้นมาทันใด “ใต้เท้าเฟิ่งก็มาด้วยหรือ” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังพูดคำพูดที่พูดกับเยี่ยนอ๋องตอนอยู่ในหลี่ฝานย่วนซ้ำอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า “ก็จริงของท่าน เรื่องนี้เกี่ยวพันกับต้าสือ ตามหลักแล้วใต้เท้าเฟิ่งควรจะมาด้วยจริงๆ” 

 

 

ทั้งสองพูดคุยกันสองสามประโยค เกรงว่าหากทั้งสองพาคนติดตามมาด้วย จุดประสงค์จะชัดเจนมากเกินไปจะไม่ดี จึงได้ให้ผู้ติดตามเหล่านั้นห่างออกไปสองสามจั้ง แล้วเดินเข้าตลาดไปเพียงสองคน 

 

 

ในตลาดค้าดอกไม้และนกเสียงดังอื้ออึง ผสมปนเปไปกับเสียงนกร้อง คึกคักและเป็นที่นิยมยิ่งนัก 

 

 

ร้านที่ซื้อขายดอกไม้นกแมลงและปลาสองข้างทางนั้น ส่วนมากจะจัดวางสินค้าออกมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า นกถูกขังอยู่ในกรง ไม่ก็อยู่บนไม้แขวน ถูกแขวนไว้ตรงทางเดินของนอกร้าน บนพื้นก็มีอ่างปลาจัดวางเรียงรายอยู่ ในอ่างนั้นมีปลาสวยงามแหวกว่ายไปมา ด้านข้างยังมีกระชอนไม้สำหรับช้อนปลาและแหจับปลาอีกด้วย 

 

 

เจ้าของร้านและคนงานของแต่ละร้านนั้นพับแขนเสื้อขึ้น บ้างก็ยืนเรียกลูกค้าอยู่นอกร้าน แนะนำสัตว์เลี้ยงประเภทใหม่ บ้างก็กำลังต่อรองราคากับลูกค้าอยู่ 

 

 

ในตลาด เสียงเอะอะครึกโครม 

 

 

ทั้งสองคนทำเหมือนเดินตลาด เดินช้าๆ อยู่ในฝูงคน แต่ตากลับกวาดมองร้านค้าสองข้างทาง และเข้าไปถามไถ่บ้างเป็นครั้งคราว 

 

 

เมื่อเดินถนนตลาดค้าดอกไม้และนกได้ครึ่งหนึ่ง ยังไม่เห็นร้านที่ขายหนอนชิงอูโถว ดูแล้วเหมือนว่าลูกค้าที่ซื้อหนอนชิงอูโถวในเมืองหลวงนั้นมีไม่มากนัก โดยปกติแล้วร้านค้าจึงได้รับสินค้ามาน้อย 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นถอนหายใจเบาๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

เสียงเบายิ่งนัก แต่กลับถูกชายหนุ่มข้างกายได้ยินเข้า แล้วกล่าว “พระชายาถอนหายใจทำไมกัน ยิ่งมีน้อย ก็ยิ่งง่ายต่อการตรวจสอบ” 

 

 

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ก็เหมือนจะจริง อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว “ใต้เท้าเฟิ่งพูดถูก” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังมองไปด้านหน้า แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมากะทันหัน “ว่าแต่ ข้าน้อยมีข้อสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนึกว่าเขาพบข้อสงสัยอะไร จึงรีบกล่าว “เชิญใต้เท้าเฟิ่งพูดมา” 

 

 

“พระชายาดูอายุน้อยเพียงนี้ ออกเรือนแล้วจริงหรือ” เฟิ่งจิ่วหลังสงสัย 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชะงักไปแล้วหลุดหัวเราะออกมา “จะเท็จก็คงไม่เท็จต่อหน้าราชสำนักได้ ข้าออกเรือนประมาณสองสามวันหลังจากที่คณะทูตต้าสือมาเย่ว์จิง” 

 

 

นัยน์ตาที่เพ่งเล็งของเฟิ่งจิ่วหลังค่อยๆ เหม่อลอยไป อ้อ ที่แท้ก็คลาดกันไม่กี่วันเท่านั้น 

 

 

หากมาเร็วกว่านี้สักเดือนสองเดือน นางอาจจะยังไม่ได้แต่งงานกับองค์ชายต้าเซวียนก็ได้ 

 

 

“ทำไมหรือใต้เท้า” อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ 

 

 

“ไม่มีอะไร” เฟิ่งจิ่วหลังมองตรงไปข้างหน้า สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป ในขณะเดียวกัน ก็ชี้ไปด้านหน้ากะทันหัน “ดูสิ ตรงทางเดินของร้านนั้น แขวนนกกระตั้วอยู่ใช่หรือไม่” เขาก็ไม่เคยเจอนกชนิดนี้ของคนจงหยวนเช่นกัน เพียงแต่เห็นว่าหางของนกตัวนั้นเหมือนดั่งพัดที่เปิดออก หัวเหมือนไก่ฟ้า ด้านบนยังมีหงอนสีแดงอีก จึงคาดเดาเช่นนี้ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นแล้วก็ประหลาดใจ “ไป ไปถามกัน” 

 

 

ในเมื่อขายนกชนิดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะขายหนอนชิงอูโถวด้วยเช่นกัน 

 

 

ร้านนั้นไม่สะดุดตานัก เป็นร้านที่อยู่ด้านในสุดของตลาด จำนวนลูกค้าเมื่อเทียบกับร้านที่ขายราคาถูกด้านหน้านั้น น้อยจนน่าเวทนา เพิ่งจะเดินออกมาคนหนึ่ง คราวนี้ไม่มีลูกค้าเลยสักคน กิจการย่ำแย่ยิ่งนัก 

 

 

แต่ป้ายหน้าร้านสวยงามเลิศหรู กรงและอ่างที่ใส่นกและปลานั้นก็ทำด้วยไม้กฤษณาและหินอ่อนชั้นดี ดูก็รู้ว่าขายนกราคาแพงโดยเฉพาะ 

 

 

ส่วนเจ้าของร้านที่ให้อาหารปลาด้วยตนเองอยู่ในร้านนั้น ก็ไม่ได้ตะโกนเรียกลูกค้าเหมือนกับเจ้าของร้านอื่นๆ ราวกับไม่สนใจว่าจำนวนลูกค้าจะมากจะน้อย 

 

 

คนทำการค้า จะไม่สนใจว่าจะได้กำไรหรือไม่ได้อย่างไร 

 

 

ท่าทีไม่รีบไม่ร้อนของเจ้าของร้านผู้นี้ บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่า เขาทำการค้าแบบผูกขาด มีลูกค้าประจำเก่าแก่ระยะยาว ไม่สนใจลูกค้าทั่วไปที่มาเป็นครั้งคราว 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังนำหน้าก้าวเข้าไปก่อน ยกมือขึ้นสั่นกระดิ่งลมที่แขวนไว้ตรงทางเดินเบาๆ “เถ้าแก่!” 

 

 

เมื่อเจ้าของร้านวัยกลางคนเห็นทั้งสองคน เป็นชายหญิงที่แต่งตัวหรูหรา หญิงสาวแม้จะสวมหมวกคลุมหน้า มองใบหน้าไม่ชัดนัก แต่ก็ดูออกว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ทรงผมเป็นการมวยผมแบบหญิงออกเรือน น่าจะเป็นฮูหยินท่านหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มต่างแดน จึงทิ้งงานในมือแล้วเดินเข้ามาหา กล่าวทักทายอย่างมีมารยาท “ลูกค้าต้องการอะไรหรือ” 

 

 

เมื่อเห็นท่าทีนี้แล้ว เจ้าของร้านคนนี้จะต้องพบเจอผู้สูงศักดิ์จนเคยชินเป็นแน่ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นยกมือขึ้น หยอกเย้านกแก้วลายเสือที่อยู่บนไม้แขวนด้านข้าง เหมือนว่ามาเดินตลาดจริงๆ เอ่ยถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “เถ้าแก่ ที่นี่มีไข่หนอนชิงอูโถวขายหรือไม่” 

 

 

เจ้าของร้านวัยกลางคนสีหน้าตะลึงไป 

 

 

ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่วขณะ แต่ทั้งสองคนก็เห็นได้ทั้งหมด 

 

 

หลังจากนั้น เจ้าของร้านก็หัวเราะพลางกล่าวขึ้น “ฮูหยินท่านนี้ หากเพียงจะให้อาหารนกธรรมดา เช่นนกที่ท่านกำลังเล่นอยู่นี้ ไม่ต้องใช้ของแพงอย่างหนอนชิงอูโถวหรอก อาหารนกเช่นนั้นในเมืองหลวงนี้มีของไม่มากนัก หากสินค้าขาดไป แล้วนกของท่านกินจนเคยชินแล้ว ถึงเวลานั้นจะแย่เอา!” 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังเดินเข้าใกล้อวิ๋นหว่านชิ่น แล้วยิ้มเล็กน้อย “ฮูหยินข้ามีนกกระตั้วอยู่ตัวหนึ่งที่บ้าน กินไข่หนอนชิงอูโถวมาตลอด หาซื้อยากจริงๆ หามาหลายร้านในเมืองหลวงก็หาไม่พบ ที่นี่มีขายหรือไม่” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกว่าเขารัดตนไว้แน่น สั่นไหวไปชั่วขณะ ช่างเถิด แสดงละครเท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ 

 

 

เจ้าของร้านเห็นว่าทั้งสองนั้นใกล้ชิดสนิทสนม ชายเก่งหญิงงาม ประหนึ่งคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงานกัน แล้วดูใบหน้าตะวันตกของเฟิ่งจิ่วหลัง ก็พอจะคาดเดาได้ว่า อาจจะเป็นคู่สามีภรรยาฐานะร่ำรวยจากต่างแดน จึงได้วางใจ แล้วหัวเราะขึ้นมา “ทั้งสองท่านหาถูกที่แล้ว ร้านเราก็มีจริงๆ ล่ะ ลูกค้าทั้งสองต้องการเท่าไรหรือ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นปลื้มปีติอยู่ในใจ เชิดหน้าขึ้น จงใจทำเป็นมองเฟิ่งจิ่วหลังด้วยสายตารักใคร่ แล้วหันหน้าไปทางเจ้าของร้าน “พวกเราต้องการจำนวนมาก เพราะว่ายังต้องไปท่องเที่ยวอีกหลายเมือง ของสิ่งนี้หาซื้อยากนัก ในเมื่อหาร้านซื้อได้ ก็กะว่าจะซื้อครั้งละมากหน่อย แล้วเก็บใส่ในน้ำแข็ง ค่อยๆ ใช้ น่าจะต้องการสัก…” พูดจำนวนตัวเลขไป เป็นจำนวนเท่ากับไข่แมลงห้าลังนั้นพอดี แล้วก็หันไปกะพริบตาออดอ้อนเฟิ่งจิ่วหลัง “ดีหรือไม่”