ตอนที่ 150.1 ติดกับดักเสียเอง (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

เฟิ่งจิ่วหลังก็แสดงละครได้สมบทบาทนัก กล่าวอย่างรักใคร่เอ็นดู “ข้าเคยไม่ตามใจเจ้าเสียเมื่อไรเล่า” 

 

 

เจ้าของร้านได้ยินว่าอวิ๋นหว่านชิ่นอยากได้ไข่หนอนชิงอูโถวมากมายเพียงนั้น ก็ตกตะลึงอยู่ในใจ บนใบหน้าก็เหมือนมีอะไรแวบผ่านไป เมื่อฟังเหตุผลอันน่าเชื่อถือของทั้งสองแล้ว ก็ไม่ได้สงสัยอีก แต่กลับลังเลไปสักครู่ “เอ่อ…” 

 

 

“ทำไมหรือเถ้าแก่ ไม่มีมากมายเพียงนั้นหรือ” อวิ๋นหว่านชิ่นขมวดคิ้ว ในสายตาของเจ้าของร้านนั้น สีหน้าเช่นนี้เป็นอาการที่เกรงว่าจะซื้ออาหารนกหายากนี้ไม่ได้ ที่จริงแล้วนางตึงเครียดจริงๆ 

 

 

เจ้าของร้านลังเลอยู่สักครู่ หลังจากคนสูงศักดิ์ที่ถูกไหว้วานให้มาซื้อหนอนชิงอูโถวจำนวนมากก่อนหน้านั้น ยัดเงินเพิ่มให้ แล้วกำชับหนักหนาว่าไม่ให้เขาพูดถึงเรื่องที่พวกเขาซื้อไข่หนอนชิงอูโถว จะให้ดีช่วงนี้อย่าเพิ่งขายเลย 

 

 

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่ทั้งสองเป็นคนต่างแดน อีกยังเพียงซื้อไปให้อาหารสัตว์เลี้ยงเท่านั้น คาดไว้ว่าน่าจะซื้อจำนวนมาก เจ้าของร้านคงปฏิเสธว่าไม่มีไข่แมลงชนิดนี้แต่แรกแล้ว ไม่คิดว่าทั้งสองจะต้องการซื้อจำนวนมากเพียงนี้ ตอนนี้ถูกถามเช่นนี้ จะไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว 

 

 

ช่างเถิด อย่างไรเสียก็เป็นคนต่างแดน ไม่เป็นไรหรอก เจ้าของร้านกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าจะบอกตามความเป็นจริงให้ เดิมทีก็มีจำนวนมากเพียงนั้นล่ะ แต่ก่อนหน้านี้มีลูกค้าซื้อไปหมดแล้ว อีกยังซื้อจำนวนใกล้เคียงกับที่พวกท่านต้องการด้วย! แต่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงพวกเจ้าสองสามีภรรยารอสักวันสองวันได้ ข้าจะไปขนย้ายสินค้ามาให้…” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนึกอะไรได้ บนใบหน้าก็เผยความเสียดายออกมา กล่าวอย่างเสียดาย “บังเอิญเพียงนี้เชียว เถ้าแก่ คนผู้นั้นเขามาซื้อเมื่อไรหรือ” 

 

 

เจ้าของร้านพูดโพล่งออกมาอย่างไม่ได้ระวัง “วันที่สิบของเดือนนี้เอง” 

 

 

หลังงานเลี้ยงในวังสามวันพอดี 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นและเฟิ่งจิ่วหลังมองตากัน แล้วกล่าวเสียงดังขึ้นมากะทันหัน “ทหาร” 

 

 

ผู้ติดตามคุ้มกันที่ตามติดมาได้ยินคำบัญชา ก็รีบเข้ามาอย่างเร็วไว 

 

 

เจ้าของร้านยังไม่ทันได้รู้ตัว เบิกตาโต “นี่ นี่มันอะไรกัน พวกเจ้าเป็นใคร พวกเจ้าจะทำอะไร” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับคนของหลี่ฝานย่วน ทหารเหล่านั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง รัดแขนสองข้างของเจ้าของร้านไว้ แล้วใช้ความรวดเร็วที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้กุมตัวเข้าร้านค้าไป 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นและเฟิ่งจิ่วหลังก็เดินตามเข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อเข้าไปแล้วก็รีบปิดประตู แล้วแขวนป้ายปิดร้านเอาไว้ 

 

 

ในร้านค้านกและดอกไม้นั้น ทหารสองนายกดทับตัวเจ้าของร้านวัยกลางคนบนเก้าอี้ยาวหน้าโต๊ะเก็บเงิน 

 

 

เจ้าของร้านได้สติหลังจากตกใจแล้วก็พยายามดีดดิ้น จนทำให้นกที่แขวนอยู่บนไม้ข้างๆ ต่างก็กระพือปีกและส่งเสียงร้องขึ้นมา 

 

 

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่…ผืนดินใต้พระบาทโอรสสวรรค์…กลับมีคนกล้าบุกเข้าร้าน…ไม่มีกฎหมายบ้านเมืองกันแล้วหรืออย่างไร…” 

 

 

พูดไม่ทันขาดคำ ก็ถูกทหารนายหนึ่งกดลงไปอีก ทหารอีกนายสีหน้าเคร่งขรึม เปิดเสื้อคลุมออก อวดป้ายเจ้าพนักงานสีแดงกรอบทองข้างเอวออกมา “พวกเราก็คือกฎหมาย! คนของหลี่ฝานย่วน! เจ้าชื่ออะไร เป็นเจ้าของร้านนี้ใช่หรือไม่” 

 

 

เถ้าแก่ถานกลืนน้ำลาย ทำไมถึงได้ล่วงเกินคนของทางการได้ เนื้อตัวเริ่มสั่นเทา “ท่านเจ้าพนักงาน ข้าน้อยแซ่ถาน เปิดร้านนี้มาสิบกว่ายี่สิบปีแล้ว เป็นกิจการที่สืบทอดต่อจากบรรพบุรุษ เป็นร้านเก่าแก่ ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายเลย!” 

 

 

“ใครทำอะไรที่เป็นการต่อต้านราชสำนัก ย่อมรู้อยู่แก่ใจ หรือจะลองให้พวกเราจับเจ้ากลับไปในคุกของหลี่ฝานย่วนดี ยังไม่รีบยอมรับอีก!” ทหารจับปลอกดาบข้างเอว 

 

 

เมื่อเถ้าแก่ถานได้ยินคำว่า ‘ต่อต้านราชสำนัก’ ก็ตกใจจนร้องโอดโอยระบายความทุกข์ “ข้าน้อยเป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ ทำการค้าขายอย่างสุจริต ให้มีความกล้าหาญเพียงใดก็มิกล้าจะไปต่อต้านราชสำนักหรอก!” 

 

 

ในขณะเดียวกัน เมื่ออวิ๋นหว่านชิ่นเข้ามา ก็ได้คว้าสมุดบัญชีเล่มหนาบนโต๊ะเก็บเงินมา แล้วเปิดพลิกดูอย่างว่องไว เป็นบันทึกการซื้อขายรายวันของร้านค้าดอกไม้และนกนี้ เวลานี้ได้ยินเจ้าของร้านยังคงปากแข็งอยู่ จึงหันหน้าไป กวาดดวงตาที่เยือกเย็นมองไป ในน้ำเสียงแอบแฝงไปด้วยอำนาจน่าเกรงขาม คำพูดค่อยๆ ลอยออกมาจากหมวกคลุมหน้าที่บดบังครึ่งใบหน้า ยิ่งดูลึกลับและมีพลังสยบ “เถ้าแก่ถานเมื่อครู่ตอนอยู่ด้านนอกเพิ่งจะบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้ขายไข่หนอนชิงอูโถวไปเป็นจำนวนมากมิใช่หรือ น่าจะถือเป็นการซื้อขายจำนวนมากสิ ในสมุดบัญชีนี้ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วจนกระทั่งเช้าวันนี้ บันทึกไว้ทุกรายการ ทำไมมีเพียงการซื้อขายจำนวนมากนั้นที่ไม่ได้จดบันทึกเอาไว้ล่ะ” 

 

 

เถ้าแก่ถานชะงักไป อ้ำอึ้ง “ข้าน้อย ข้าน้อยลืมไป…” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นโยนสมุดบัญชีให้ชูซย่า “ดูเหมือนว่าเถ้าแก่จะอยากไปดื่มน้ำชาที่ที่ว่าการแล้วจริงๆ สินะ ทหาร…” 

 

 

เถ้าแก่ถานเนื้อตัวสั่นเทา แต่ยังคงกัดปากไว้แน่น “ฮูหยิน อ้อไม่สิ นายหญิงภรรยาเจ้าพนักงาน! ข้าน้อยลืมไปจริงๆ!” ไม่รู้ว่าหญิงสาวผู้นี้สถานะอะไร เห็นว่าเหล่าทหารทางการต่างก็เชื่อฟังนาง จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ จึงทำได้เพียงลองเรียกไปเรื่อยดู 

 

 

เฟิ่งจิ่วหลังนั่งยองลง กำลังเล่นปลาเฉียงเวยในอ่างปลาหินไท่หู เวลานี้ก็หันมา แล้วยิ้มเล็กน้อย “พอถึงคุกของที่ว่าการแล้ว ไม่ได้ออกมาง่ายขนาดนั้น อีกยังไม่ได้อ่อนโยนเหมือนกับเจ้าพนักงานสองท่านนี้แล้ว เถ้าแก่ตัดสินใจเอาเองแล้วกัน” 

 

 

เถ้าแก่ถานถูกทหารทางการแรงมหาศาลสองนายกุมขนาบไว้ ลอยตัวจากพื้น เห็นว่ากำลังจะถูกนำตัวออกจากร้านไป ในที่สุดก็ยอม แล้วดีดดิ้นขัดขืนขึ้นมา “วันที่สิบนั้น มีคนมาซื้อไข่หนอนชิงอูโถวจำนวนมากจริงๆ ข้าน้อยก็คิดว่าน่าแปลก น้อยคนนักจะซื้อไข่แมลงมากมายเพียงนี้ในครั้งเดียว ยังถามไถ่เพิ่มเติมอยู่ คนนั้นก่อนไปก็ให้เงินจำนวนหนึ่งกับข้าน้อย ให้ข้าน้อยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากมีคนมาหาซื้อกับข้าน้อย ก็ให้ข้าน้อยบอกว่าไม่มีสินค้าชนิดนี้ หากกล้าเล็ดลอดออกไปแล้วพวกเขาได้ยินเข้า ก็จะมาปิดร้านของข้าน้อย!” 

 

 

ปิดร้านหรือ ช่างกล้านัก อวิ๋นหว่านชิ่นขยับคิ้วอันเรียวงาม “ใครกัน” 

 

 

เถ้าแก่ถานชะงักไปทันใด พูดจาอ้ำอึ้ง “ข้าไม่รู้จัก ฮูหยิน ท่านเจ้าพนักงานทั้งหลาย ข้าน้อยไม่รู้จักจริงๆ…” หวังว่าจะหยุดเพียงเท่านี้ ไม่ถามเอาเรื่องต่อ 

 

 

เถ้าแก่ถานผู้นี้ คาดว่าน่าจะยังกังวลคำข่มขู่ว่าคนผู้นั้นจะปิดร้านเขาเอาได้ 

 

 

หากเป็นลูกค้าแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน เจ้าของร้านคงไม่ใส่ใจคำข่มขู่นี้ จะต้องเป็นคนรู้จักเป็นแน่ จึงทำให้เจ้าของร้านเชื่อว่าคนผู้นั้นมีความสามารถที่จะปิดร้านได้จริงๆ อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว “คดีนี้เป็นคดีใหญ่ หากสืบสวนได้ความว่าเกี่ยวข้องกับเจ้า ถึงเวลานั้นราชสำนักจะไม่ปิดร้านของเจ้า แต่จะส่งพวกเจ้าทั้งบ้านไปลงนรก เป็นอย่างไรเล่า เถ้าแก่ ความคุ้มค่านี้ เจ้าคิดคำนวณแล้วคำตอบคือใช่หรือไม่” 

 

 

เถ้าแก่ถานสีหน้าซีดเซียว คิดอยู่นาน จึงกล่าวเสียงสั่นเครือ “เป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปี น่าจะเป็นสาวใช้คนหนึ่ง มาซื้อให้นายของนาง ทุกครั้งที่สาวใช้ผู้นี้มาก็จะซื้อแต่หนอนชิงอูโถว เนื่องจากร้านที่ขายไข่แมลงชนิดนี้ในเมืองหลวงมีไม่มากนัก ฉะนั้นนางมาได้หลายครั้งแล้ว นับว่าเป็นลูกค้าประจำของร้าน” 

 

 

“เป็นคนของบ้านใด” อวิ๋นหว่านชิ่นขมวดคิ้วทันใด ทำเรื่องเช่นนี้ จะต้องส่งคนติดตามรู้ใจมาเป็นแน่ ในเมื่อคนติดตามรู้ใจเป็นสาวใช้คนหนึ่ง นายผู้นั้นก็น่าจะเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งเช่นกัน 

 

 

เถ้าแก่ถานโบกไม้โบกมือ สีหน้าหวาดกลัว “เรื่องนี้ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ทุกครั้งที่มาก็ไม่ได้บอกว่าตัวตนของนางนี่ เพียงแต่สาวใช้ผู้นั้นแต่งตัวพิถีพิถันสง่างาม จะดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นชาวบ้านคนธรรมดา พูดตามตรง ร้านของข้าน้อยนี้จัดหาอาหารชั้นดีให้กับสัตว์เลี้ยงนกและปลาสวยงามราคาแพงโดยเฉพาะ ฉะนั้นจึงเคยเห็นแต่บ่าวรับใช้ของบ้านใหญ่ตระกูลโตเท่านั้น แต่ท่าทางสาวใช้คนนั้น ดูสูงศักดิ์ยิ่งกว่า ดูออกว่าเป็นคนมีอำนาจไม่น้อย ฉะนั้น…ฉะนั้นเมื่อครู่ข้าน้อยถึงได้ไม่กล้าพูดอะไรมาก” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเอ่ยถาม “สาวใช้คนนั้นชื่ออะไร ฟังจากคำพูดคำจา และการแต่งตัวมีเอกลักษณ์ตรงไหนอย่างไรบ้าง”