ตอนที่ 64 สะเทือนสยบ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

เมื่อไปถึงไซต์งานก่อสร้าง ตอนนี้งานก่อสร้างทั้งหมดได้หยุดแล้ว

คนงานนั่งรวมกันเป็นกลุ่มสองสามคน เล่นไพ่และคุยโว

บางส่วนกลับบ้านแล้ว

แรงงานก็จะเป็นลักษณะนี้ ทำงานในไซต์งานก่อสร้างเสร็จแล้ว กลับบ้านก็ต้องดูแลงานเกษตรอีก

“เจ้าห้าได้เงินมาไหม?”

เมื่อเห็นว่าเจ้าห้าเข้ามาพร้อมกับชายหญิงหนึ่งคู่ ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาล้อม

เย่เซิ่งเทียนรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแรงงานที่เป็นคนรากหญ้าของสังคม พวกเขาอาศัยแรงกายหารายได้เพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถหารายได้หลายร้อยต่อวัน แต่ความจริงแล้วตลอดทั้งปีพวกเขามีรายได้ไม่มากนัก

เมื่อได้รับค่าแรงแล้ว สิ่งแรกที่นึกถึงไม่ใช่ไปทานอาหารดี ๆ สักมื้อ แต่คือการโอนเงินกลับบ้าน

ลูกต้องไปโรงเรียน?

ภรรยาต้องซื้อเสื้อผ้าสักชิ้นหรือสองชิ้น?

ทั้งครอบครัวมีคนหารายได้แค่คนเดียว แต่ใช้จ่ายกันทั้งครอบครัว ถ้าสามารถออมเงินได้ปีล่ะสองสามหมื่นถือว่าไม่เลวแล้ว

ดังนั้นทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าบริษัทมีปัญหา เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะก่อความวุ่นวาย

เพราะว่าใครออกมาทำงานก็เพื่อที่จะหารายได้เท่านั้น?

เย่เซิ่งเทียนสามารถเข้าใจพวกเขาได้

“ทุกคนไม่ต้องรีบร้อน ผมเป็นตัวแทนของประธานหวาง มาที่นี่เพื่อเจรจากับพวกคุณ”

เย่เซิ่งเทียนเป็นคนกล่าวก่อน

“คุณเป็นใคร? ถ้าไม่จ่ายค่าแรงให้พวกเรา ใครมาก็ไม่มีประโยชน์”

มีคนกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ถูกต้อง พวกเราต้องการแค่เงินค่าแรงเท่านั้น อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าคิดจะหลอกพวกเราไม่มีทาง”

มีคนกล่าวอย่างโกรธเคือง

“ตระกูลหมิงซื้อขาดวัสดุไปทั้งหมดแล้ว แม้ว่าพวกเราจะอยากทำงานต่อ ถ้าไม่มีวัสดุเลย และตระกูลหมิงลงมือจัดการแล้ว บริษัทหัวหยวนจะทำอะไรได้ล่ะ?”

“รีบจ่ายค่าแรงของผม ผมจะต้องกลับไปทำงานการเกษตรอีก”

ต่างคนต่างพูด ทำให้เกิดเสียงดัง

ขณะนี้ ได้ยินว่ามีคนของบริษัทหัวหยวนมาที่ไซต์งานก่อสร้าง คนงานที่อยู่หอพักคนอื่น ๆ ก็รีบมาเช่นกัน

ขวางที่นี่ไว้จนแน่น

เมื่อรั่วรั่วเห็นภาพนี้ เธอตกใจจนใบหน้าขาวซีด และเดินตามหลังเย่เซิ่งเทียนไปทุกย่างก้าว

เธอมองไปที่แผ่นหลังของเย่เซิ่งเทียน และแอบคิดว่าสามีของประธานหวางนั้นเยี่ยมจริง ๆ ยืนต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ยังสุขุม พวกเขายังบอกด้วยว่าสามีของประธานหวางนั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ พวกนั้นมีตาแต่หามีแววไม่จริง ๆ

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ เย่เซิ่งเทียนรู้ว่าคำพูดดี ๆ จะไม่เกิดผล ดังนั้นเขาจึงต้องแข็งแกร่ง

เช่นเดียวกับการนำทัพ ถ้าคุณแสดงความอ่อนแอ พวกเขาก็จะแข็งแกร่ง

ถ้าคุณแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะอ่อนแอ

“แม่งฉิบหายหุบปาก แล้วฟังผมพูด!”

เย่เซิ่งเทียนตะโกนเสียงดัง มีร่องรอยการบีบบังคับ แรงผลักดันในการสั่งทหารหลายพันนายออกมา ทำให้สถานการณ์สงบลงทันที

ความมั่นใจแบบนั้น ความสง่างามแบบนั้น ล้วนมาจากสนามรบ!

ไม่ต้องพูดถึงแรงงานกลุ่มนี้ ภายใต้มือของเขาแล้วแม้แต่ทหารหลายแสนนายก็ยังต้องเชื่อฟัง

มิฉะนั้น เขาจะเป็นเจ้าเทพได้อย่างไร?

ไม่ใช่แค่สมญานาม!

คือผู้ทรงอำนาจ เป็นราชันแห่งเทพสงคราม! !

แม้ว่าเขาคนเดียว แต่ก็มีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในนำทัพทหารนับพัน!

“อย่าคิดจะมาข่มขู่ พวกเราไม่กลัวหรอก?”

มีคนกล่าวเบา ๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ

“ผมชื่อเย่เซิ่งเทียน เป็นสามีของหวางซี!”

เย่เซิ่งเทียนเมินเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าใครต้องการก่อความวุ่นวาย เดินออกมา ผมจะจ่ายค่าแรงให้เขา ตอนนี้ยังมีโครงการอีกมากมายที่รออยู่ ผมจะไปหาคนอื่นมาทำ ใครอยากจะออกไป?”

ไม่มีใครส่งเสียง

เสียงของเย่เซิ่งเทียนมีความบีบบังคับเล็กน้อย มันเป็นพลังของกองทัพนับล้าน! !

เย่เซิ่งเทียนจัดการเรื่องวุ่นวายอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้เวลาพวกเขาคิด และกล่าวว่า “ในเมื่อไม่มีใครเดินออกมา งั้นก็ฟังผมพูด ผมรู้ว่ามีคนบอกพวกคุณว่าตระกูลหมิง ซื้อขาดวัสดุหมดแล้ว บริษัทหัวหยวนไม่สามารถจ่ายค่าแรงได้ ตอนนี้จะกลายเป็นโครงการร้างแล้ว ดังนั้นพวกคุณเลยกังวลว่าจะไม่ได้รับค่าแรง ผมสามารถเข้าใจได้”

คนงานทั้งหมดมองไปที่เย่เซิ่งเทียน

พลานุภาพของเย่เซิ่งเทียนแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครกล้าทำอะไร

เจ้าห้ารู้สึกราวกับว่าเขาเห็นแม่ทัพอบรมสั่งสอนลูกน้องอยู่ต่อหน้าตนเอง

เขาคิดทันที ถ้าตนเองติดตามเย่เซิ่งเทียน จะสามารถจัดการหลี่เทียนหมิงได้หรือไม่ เพื่อจะได้แก้แค้น?

“งั้น งั้นคุณบอกมาว่าจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้รับค่าแรง คนทั้งครอบครัวของพวกเราจะต้องกินแกลบแล้ว”

“ถูกต้อง อย่าเอาแต่ใช้คำพูดที่สวยหรู ใครจะไปรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”

มีคนพูดอยู่ท่ามกลางฝูงชน

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เซิ่งเทียน เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว