“เจ้าค่ะ!” หรูโม่รับคำสั่ง โบกมือขึ้นก็พาสาวใช้จำนวนหนึ่งตามออกไปด้วย

 

ชิ่งเฟยยังรู้สึกไม่ยินดีอยู่บ้าง นางประกายสายตาวาบมองไปที่หลัวเสียงอีกครั้ง “คุณชายหลัว เหตุใดท่านถึงมาหลับอยู่ที่นี่ได้เล่า?”

 

“ข้า…” หลัวเสียงอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ทว่าหรูโม่กลับปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจากด้านนอก ทั้งกล่าวกับฮูหยินใหญ่ “ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ แม่นางชิงเถิงสาวใช้ข้างกายของท่านหญิงสวินหยางมาหาเจ้าค่ะ กล่าวว่าต้องการจะพบท่าน!”

 

ฮูหยินใหญ่ตกใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเข้าใจอะไรบางอย่างตามมาอย่างรวดเร็วทันที…

 

หลัวเสียงนอนอยู่ที่นี่ย่อมต้องมีสาเหตุแน่!

 

นางมองไปที่ชิ่งเฟยครั้งหนึ่ง เผยสีหน้าลำบากใจ “พระชายา…”

 

“ฮูหยินใหญ่มีธุระก็เชิญจัดการตามสบายเถิด!” ชิ่งเฟยกล่าว

 

นางก็รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดกับหลัวเสียงนั้นมีความแปลกประหลาดอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ต้องถามให้กระจ่างจึงจะสามารถวางใจลงได้

 

ในเมื่อเป็นฝีมือของฉู่สวินหยาง ฮูหยินใหญ่ก็ไม่กังวลแล้วว่านางจะสามารถถามเรื่องอะไรออกมาได้อีก ลังเลไปชั่วครู่ ก่อนจะพาหรูโม่เดินจากไป

 

แววตาของซูอี้นั้นกวาดมองไปที่ผู้คนอย่างสนใจ ทั้งยังตามออกไปด้วยเช่นกัน

 

ด้านคนอื่นๆ นั้นต่างก็หันหน้ามองกันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ในตอนที่กำลังลังเลว่าควรจะเดินหน้าหรือจะถอยออกไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดุด่าเสียงแหลมเข้ามาจากด้านนอกให้ได้ยินเบาๆ

 

ทุกคนต่างก็พากันตื่นตระหนก ไม่ได้คิดสนใจอะไรมากมายก็รีบร้อนตามเสียงออกไปนอกเรือน

 

เวลานี้ฮูหยินใหญ่ก็ไม่ได้ไปไกลนัก เดินไปถึงด้านหน้าเรือนเล็กที่อยู่ติดกันอีกเรือนหนึ่ง ฝีเท้าก็ถูกสกัดไว้เสียก่อน…

 

เสียงดังออกมาจากในเรือนนั้น…

 

คนทั้งกลุ่มต่างก็สองจิตสองใจ ก้าวเท้ายาวตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

 

เวลานี้ในเรือนนั้น หญิงที่สวมใส่อาภรณ์หรูหราคนหนึ่งกำลังดึงทึ้งผมของหญิงสาวอีกคนหนึ่งเพื่อที่จะลากนางออกไปด้านนอกห้อง ปากนั้นด่ากราดเสียงดังลั่น “นังผู้หญิงต่ำตมหน้าไม่อาย เจ้าฉกตัวคนมาก็ไม่ดูสถานที่สักนิด กลางวันแสกๆ กลับกล้าลากท่านชายของข้าขึ้นเตียง ถุย!”

 

ขณะที่พูดก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยความโมโห

 

เมื่อได้เห็นหญิงผู้นี้ ทุกคนนั้นราวกับพบเรื่องเช่นนี้มามาก จึงไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย ต่างก็คลายใจลงเหลือเพียงท่าทีที่พร้อมดูละครน้ำดี ต่างเบียดเสียดมุงดูกันอยู่นอกประตูอย่างคึกคัก

 

ชายาสี่เป็นคนขี้อิจฉา ด้านนอกนั้นก็เป็นที่เลื่องลือเรื่องความดุร้าย เหตุการณ์เช่นนี้นับว่าเห็นบ่อยจนชินตามานาน

 

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่หลายปีมานี้ ฉู่อี้ชิงพานางสนมหน้าตางดงามกลับเข้าจวนก็ถูกนางตบตีออกมาหลายครั้งหลายครา ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีนางถึงกระทั่งตามฉู่อี้ชิงไปก่อเรื่องที่จิ่นซั่งฮวา

 

หากกล่าวว่าชายาสี่คนนี้เป็นคนที่ขี้อิจฉาริษยาไม่อาจอยู่ร่วมกับใคร เช่นนั้นฉู่อี้ชิงก็ถือว่าเป็นคนเจ้าชู้คนหนึ่งที่มักจะนำนิสัยนี้มาต่อกรกับนางเช่นกัน ไม่ว่าพระชายาจะไม่ยินยอมอย่างไร แต่เมื่อผ่านไปสองสามวันก็ยังคงรับคนเข้าไปในจวนอีก ทุกครั้งที่เกิดเหตุวุ่นวาย ก็คล้ายกับสองสามีภรรยาต่างหาวิธีจัดการกัน ราวกับจะดูว่าใครจะสามารถควบคุมใครได้ก็มิปาน

 

และที่น่าแปลกที่สุดคือเมื่อสามปีก่อนเขาถึงกับถือโอกาสตอนที่ไปอวยพรพ่อตา ขอร่วมหลับนอนกับน้องสะใภ้ผู้เป็นน้องสาวแท้ๆ ของชายาสี่

 

เรื่องฉาวโฉ่โพล่งออกมาอย่างทันที พระชายาสี่ไม่ได้ตบตีกับ ‘หญิงไร้ยางอาย’ แต่อย่างใด นางกลับทำให้เขาอับอายไปอย่างตรงๆ ทำเรื่องวุ่นวายจนขึ้นไปถึงห้องทรงอักษร

 

ผู้ชายเจ้าชู้ เดิมทีก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อันใด เพียงแค่ตัวฉู่อี้ชิงเองนั้นเลือกทั้งวาระและคนไม่เหมาะสม ฮ่องเต้บันดาลโทสะอย่างทันที ลงโทษปิดประตูขังเขาให้กลับไปครุ่นคิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ

 

ชายาสี่ได้รับการสนับสนุนจากฮ่องเต้ พักหลังก็ยิ่งไม่กลัวเกรงอันใด ถือหน้าที่เป็นภรรยาคอยจัดการกับเขาอย่างเข้มงวดกวดขัน ฉู่อี้ชิงก็ไม่กล้าก่อเรื่องใกล้หูตาฮ่องเต้ เริ่มวางตัวเก็บเล็บเก็บเขี้ยว สองสามปีมานี้ก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไปแล้วเช่นกัน

 

ไม่คาดคิดว่าจะหยุดไปได้เพียงไม่นาน ก็เลือกวันที่ที่ดีเช่นนี้มาก่อเรื่องถึงวังบูรพาแล้ว

 

ท่านปู่ของชายาสี่แซ่เฉินนั้นเดิมทีเป็นแม่ทัพ ติดตามร่วมรบกับฮ่องเต้ตั้งแต่เหนือยันใต้มาตั้งนาน เพียงแต่ลูกหลานกลับไม่มีฝีมือ ยามนี้สกุลจึงเริ่มถดถอยลง ทว่านางกลับมีนิสัยอารมณ์ร้อนตามปู่ของนาง ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือไม่ยอมคนง่ายๆ

 

หญิงสาวที่ถูกนางลากอยู่ในมือ มือทั้งสองข้างนั้นป้องศีรษะเอาไว้ ทั้งร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

 

ปกคอเสื้อหลุดลุ่ย เส้นผมนั้นก็ถูกดึงทึ้ง อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก

 

ฮูหยินใหญ่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง…

 

เรื่องนี้นางควรช่วยไกล่เกลี่ย แต่เมื่อพูดตามตรงแล้วก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยา ไม่เหมาะที่จะไปผสมโรง

 

“นังสารเลว!” ชายาสี่ลากผู้หญิงคนนั้นด้วยยังรู้สึกแค้นใจไม่หาย ทั้งยังใช้เท้าเตะบนหัวเข่านาง

 

หญิงผู้นั้นร้องครวญคราง คนยังไม่ทันถูกนางลากออกไปจากธรณีประตู ก็ล้มเจ็บปวดอยู่ตรงพื้นเสียก่อน

 

ชายาสี่เวลานี้จึงวางมือชั่วคราว ถูกบีบให้ถอยไปก้าวหนึ่ง

 

ยามนี้ทุกคนจึงค่อยเห็นหน้าหญิงสาวผู้นั้นอย่างชัดเจน ไม่ใช่คนอื่นไกล กลับเป็นหลัวอวี่ก่วน ผู้ที่เซียงเฉ่ากล่าวก่อนหน้านี้ว่าถูกคนลักพาตัวไป

 

เวลานี้หลัวเสียงแต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วก็ตามมาพอดี

 

ชิ่งเฟยเมื่อเห็นหน้าหลัวอวี่ก่วนอย่างชัดเจน ฝีเท้าก็ไม่มั่นคงไปชั่วครู่ ซวนเซไปด้านหลังหนึ่งก้าว

 

หลัวเสียงยกมือประคองนางโดยสัญชาตญาณ “พระชายาระวัง!”

 

คล้อยหลังก็ปล่อยมืออย่างรวดเร็ว

 

กลับไม่ทันได้รู้ตัวว่าในชั่วพริบตาที่เขาประคองชิ่งเฟยอยู่นั้น ได้มีคนเอาขี้ผึ้งใส่ลงไปในแขนเสื้อเขาอย่างรวดเร็ว

 

หลัวเสียงเบียดกับผู้คนเข้าไปในเรือน

 

หลัวอวี่ก่วนที่ถูกชายาสี่ทึ้งผมอยู่นั้นจู่ๆ ก็เหมือนเห็นความหวังขึ้นมา เค้นแรงเฮือกหนึ่งผลักชายาสี่ให้ล้มไป รีบหยัดกายขึ้นถลาเข้ามากอดขาเขาไว้ กล่าวด้วยเสียงดัง “ท่านพี่ ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ผู้หญิงคนนั้น…นาง…นางเป็นคนบ้า…”

 

หลัวเสียงเห็นปกเสื้อนางหลุดลุ่ย หัวก็หมุนเป็นพักๆ

 

เรื่องที่เกิดกับตัวเขาเองด้านนั้นยังไม่ทันได้สรุปผลออกมาอย่างชัดเจน หลัวอวี่ก่วนด้านนี้ก็มาเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก

 

“เจ้ายังกล้าผลักข้างั้นรึ? ได้!” ชายาสี่หยัดกายขึ้น โมโหจนสั่นไปทั่วทั้งร่าง กวาดสายตาดุร้ายมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าใต้เชิงกำแพงนั้นมีถังไม้วางอยู่ก็พุ่งตัวเข้าไป ยกถังไม้ที่มีน้ำอยู่ครึ่งถังสาดเข้ามา

 

หลัวเสียงดึงตัวออกจากหลัวอวี่ก่วน แต่ก็ไม่ทันการณ์ สองพี่น้องถูกน้ำราดจนเปียกชุ่มไปทั้งศีรษะ

 

เวลานี้ก็เข้าสู่เดือนหกแล้ว เสื้อผ้าที่สวมบนร่างกายนั้นก็ไม่ได้หนาอย่างเช่นวันที่อากาศหนาวทั่วไปแล้ว เมื่อถูกน้ำซึมเข้าไป เสื้อผ้าก็แนบติดกับร่างกายทันที

 

หลัวเสียงตื่นตกใจขึ้นมา รีบเข้ามาบังตัวหลัวอวี่ก่วนไว้ กล่าวด้วยเสียงดังไปพลาง “ไปเอาผ้ามาชุดหนึ่ง!”

 

ฉู่สวินหยางแฝงตัวกับผู้คนคอยมองดูเรื่องครื้นเครงอยู่ภายนอกตั้งนานแล้ว แม้ว่าการเคลื่อนไหวของหลัวเสียงจะนับว่าเร็วแล้ว แต่นางก็ยังทันเหลือบไปเห็นไม้เด็ดที่ท้องนั้นของหลัวอวี่ก่วน จึงรู้สึกเย็นเยียบในใจไปชั่วครู่

 

เหยียนหลิงจวินไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไร เมื่อเห็นฉากนี้ก็ประกายตาวาบมองไปเช่นกัน กล่าวอย่างเล่นๆ “ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้นี่เอง ครั้งนี้ดูเหมือนพวกเราจะตกได้ปลาตัวใหญ่เสียแล้ว หากจับได้เช่นนี้…”

 

หากกล่าวว่าเรื่องราวไม่มีมูลเหตุ แล้วไฉนจึงมีคนวางแผนพยายามเล่นงานซูอี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แท้ไม้เด็ดก็อยู่ที่ท้องของหลัวอวี่ก่วนนั่นเอง

 

ฉู่สวินหยางครุ่นคิดในใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเบนสายตาไปกล่าวกับชิงเถิง “ไปตามท่านพ่อมา!”

 

พูดจบก็เบียดตัวเข้าไปด้านในเรือนก่อน

 

ยามนี้เซียงเฉ่าถอดเสื้อตัวนอกของตน คลุมตัวหลัวอวี่ก่วนเอาไว้

 

ฉู่อี้ชิงที่อยู่ด้านในห้องสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็เดินออกมาด้วยใบหน้าดำคล้ำ เมื่อเห็นพระชายาสี่ที่มีท่าทีราวกับแยกเขี้ยวยิงฟัน ความโกรธก็ยิ่งพุ่งขึ้นมา กล่าวออกไปอย่างโมโห “ก่อเรื่องอะไรอีก!”

 

“ข้าก่อเรื่องอะไร? ท่านยังกล้ามาถามข้าว่าก่อเรื่องอะไรงั้นรึ?” ชายาสี่ห้าวหาญจนเคยชินแล้ว จึงไม่สนใจอายไม่อายอะไรอีก ชั่วขณะนั้นก็เกรี้ยวโกรธราวกับไก่ชนก็มิปาน ดวงตาสองคู่เบิกกว้างแข็งกร้าว กล่าวด้วยเสียงคำรามดังไปที่หลัวอวี่ก่วน “ในสกุลของท่านไม่มีคนแล้วหรืออย่างไรจึงได้ทำเช่นนี้อีก? ออกมางานเลี้ยงก็ยังไม่หยุดพัก มาทำเรื่องไร้ยางอายระเริงรักกับนังผู้หญิงแพศยาคนนี้ หากท่านไม่อาย แต่ข้ายังอาย! อย่าลืมนะว่าที่นี่ไม่ใช่จวนอ๋องของพวกเรา นี่คือวังบูรพา! ข้าจะรอดูว่าท่านจะอธิบายให้องค์รัชทายาทฟังอย่างไร!”

 

————————————————–