เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ชิ่งเฟยก็ยิ่งมีความมั่นใจขึ้นมา ทว่าใบหน้ากลับแสร้งเผยท่าทีเคร่งขรึมออกไป “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เป็นผู้ใดที่ทำให้เจ้าสลบไป? แล้วคุณหนูหลัวอวี่ก่วนของเจ้าไปอยู่ไหนเสียล่ะ?”

 

“บ่าว…บ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ!” เซียงเฉ่ากล่าวอย่างตกใจ สายตาเหลียวซ้ายแลขวาไปรอบด้าน เมื่อเห็นซูอี้ที่อยู่ท่ามกลาง ผู้คนกลับร้อนตัวขึ้นมาซะอย่างนั้น รีบเร่งเบนสายตาออกไปทางอื่น ก่อนจะกล่าวขึ้นแผ่วเบา

 

“คุณหนูหลัวอวี่ก่วนของบ่าวหายตัวไปแล้วเจ้าค่ะ!”

 

“อะไรนะ?” กลับเป็นฮูหยินใหญ่ที่ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองผ่านผู้คนเข้าไปสำรวจผู้ที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงนั้นในห้อง

 

ด้านนี้เซียงเฉ่าก็กล่าวด้วยร้องห่มร้องไห้ไปด้วย “เดิมทีบ่าวและคุณหนูมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ จากนั้นจู่ๆ ก็ถูกคนตีจนสลบไป เมื่อครู่เพิ่งฟื้นสติขึ้นมา คุณหนูของบ่าวก็หายไปแล้วเจ้าค่ะ!”

 

ชิ่งเฟยพึงพอใจเป็นอย่างมาก ยิ้มดึงมุมปากขึ้น มองไปทางซูอี้ “คุณชายรองซู ท่านมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่?”

 

“พระชายาช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง คุณหนูหลัวหายไป แล้วเกี่ยวอันใดกับข้าเล่า? ทั้งยังเค้นให้ข้าพูดออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเช่นนี้?”

 

“ให้ตายอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมรับสินะ? คุณหนูหลัวอวี่ก่วนหลับนอนห้องเดียวกับท่านในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย ทุกคนก็ล้วนเห็นอยู่ตำตา ท่านยังจะปฏิเสธอีกรึ?” ชิ่งเฟยขมวดคิ้วกล่าว ขณะที่พูดก็ทำเป็นถอนหายใจกล่าวด้วยใจจริง “ว่าไปแล้ว พวกท่านชายหญิงที่ไม่ได้แต่งงานทั้งคู่ หากจะมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด เหตุใดจะต้องเดินไปยังสุดโต่ง ทำเรื่องเช่นนี้ออกมาด้วยเล่า?”

 

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มองไปที่ซูอี้ด้วยท่าทีแปลกๆ อย่างเปิดเผย

 

แม้ว่าใครจะรู้สึกว่าเขาดูไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อุบายเช่นนี้กับหลัวอวี่ก่วน แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าก็ยากที่จะไม่ทำให้คนคิดไปไกลได้

 

“ข้าก็แค่ได้รับคำชี้แนะจากพระชายาให้มาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนนี้เท่านั้น คุณหนูหลัวอวี่ก่วนอันใดกัน คำพูดเช่นนี้ของพระชายา ข้ามิอาจเข้าใจได้แล้ว” แววตาของซูอี้ก็เยือกเย็นลงมาแล้วเช่นกัน ขมวดคิ้วขึ้น ตอนที่มองไปยังชิ่งเฟยอีกครั้ง ก็เผยประกายเย็นเยียบอย่างเห็นได้ชัด

 

“ท่านพูดเรื่องอันใดกัน? ข้าเห็นว่าเสื้อผ้าของเจ้าเปื้อนจึงหวังดี…” ชิ่งเฟยกล่าวอ้าง รีบร้อนโต้แย้งกลับไป พูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าตนเองกล่าวมากไป เกรงว่ายิ่งพูดกลบเกลื่อนก็ยิ่งจะถูกสงสัย จึงเปลี่ยนเรื่องพูดเสีย กล่าวเสียงเย็นไปทาง ด้านในห้อง “คุณหนูหลัวอวี่ก่วนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราวในห้องนี้ ทั้งก่อนหน้านี้ก็มีท่านเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว ท่านก็ควรจะหาคำอธิบายอะไรสักอย่างออกมาพูดหน่อยเถิด!”

 

ซูอี้เผยท่าทีเรียบเย็นมองนาง ไม่ปริปากพูดสักคำ

 

“คุณหนู!” เซียงเฉ่าดึงสติกลับมา รีบร้อนถลาเข้าไป

 

เวลานี้ฮูหยินใหญ่ก็มองดูคนผู้นั้นอยู่ นางกลับไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร เพียงแต่ยืนอยู่ด้านหน้าของเตียง

 

เซียงเฉ่าถลาเข้าไป สักพักก็วาดคนผู้นั้นเข้าสู่อ้อมกอด…

 

การวางแผนเรื่องซูอี้ของหลัวอวี่ก่วนและหลัวเสียง นางก็รู้เช่นกัน ตัวนางเองก็ล้มพับไปด้วยไม่รู้ว่าเรื่องภายหลังจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น เวลานี้ได้ฟังชิ่งเฟยและซูอี้สนทนากันก็เท่ากับว่าหลัวอวี่ก่วนนั้นบรรลุผลแล้ว

 

นางพุ่งตัวเข้าไปทั้งพูดคุยทั้งร้องไห้ไปพลาง กอดคุณหนูของตนเอาไว้ จู่ๆ แขนของเซียงเฉ่าก็ชะงักกึก ครู่ต่อมากลับหวีดร้องออกมา ผลักคนผู้นั้นออกอย่างแรง ด้านตัวเองนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างตกใจ เท้าขัดกันสะดุดล้มลงบนพื้น ชี้ไปที่คนผู้นั้นที่อยู่บนเตียงอย่างสั่นสะท้าน

 

คนผู้นั้นถูกนางดึงขึ้นมา ทั้งยังถูกผลักออกไปอย่างแรงอีกครั้ง หน้าผากชนเข้ากับเสาเตียง เวลานี้จึงครางออกมาหนึ่งเสียง คลำหน้าผากหยัดกายขึ้นมา

 

ฮูหยินใหญ่นั้นเผยสีหน้าราบเรียบมองไปทางพวกของชิ่งเฟยที่อยู่หน้าประตู กล่าวเรียบเย็น “นี่คือคุณหนูหลัวอวี่ก่วนที่พระชายากล่าวถึงหรือ?”

 

พูดได้ครึ่งเดียวก็เปลี่ยนโทนเสียง กล่าวอย่างแย้มยิ้ม “ก็ใช่ คุณชายหลัวและคุณหนูหลัวนั้นเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หากรูปลักษณ์ภายนอกจะทำให้พระชายาแยกไม่ออกไปชั่วครู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด!”

 

หลัวเสียงเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกับหลัวอวี่ก่วนที่เป็นผู้หญิงบอบบางขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะถูกผ้าห่มคลุมเอาไว้อยู่บนเตียง ก็คงไม่อาจทำให้คนเข้าใจผิดได้แน่

 

ชิ่งเฟยเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง สีหน้านั้นประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง ผ่านไปค่อนวันก็ยังไม่ได้พูดออกมาสักคำ

 

ตอนที่หลัวเสียงรู้สึกตัวขึ้นมา เพียงรู้สึกว่าศีรษะนั้นปวดจนแทบจะแยกออกจากกัน มีเสียงดังอยู่ในหัว ขณะที่ยังคงสะลึมสะลือ ก็ยังได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังบาดหู ก็ยิ่งทำให้รู้สึกยุ่งเหยิงไปอีก ราวกับหัวใกล้จะระเบิดออกก็มิปาน

 

เขาเอามือคลำศีรษะก่อนจะลุกนั่งขึ้น แทบจะไม่เข้าใจเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ เพียงแค่เห็นว่าในห้องนี้เบียดเสียดไปด้วยผู้คนมากมายก็เท่านั้น สิบกว่าสายตามองมาที่ร่างของเขาอย่างประหลาด

 

เมื่อก้มหัวดูกลับพบว่าตัวเองนั้นสวมเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น เวลานี้จึงตาสว่างขึ้นมาอย่างทันที

 

“พระชายา!” เขารีบร้อนกระโดดลงจากเตียง คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อคารวะชิ่งเฟย ในหัวนั้นย้อนคิดกลับไปอย่างรวดเร็ว…

 

เดิมทีเขาเดินอยู่ในสวนดอกไม้ กำลังคิดวิธีที่จะเข้าไปตีสนิทกับซูอี้ เพื่อที่จะหลอกออกมา หลังจากนั้น…

 

จากนั้นก็ดื่มชาที่มีสาวใช้คนหนึ่งรินให้ในศาลา ครู่ต่อมา…

 

สถานการณ์เช่นนี้ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

 

หรือจะเป็นน้ำชานั่นที่มีปัญหา?

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ เวลานี้เขาก็แทบจะไม่ต้องไปสนใจครุ่นคิดว่าแท้จริงแล้วเป็นแผนของผู้ใดกันแน่ ยามนี้เขาอยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยต่อหน้าชิ่งเฟย หากราชวงศ์ต้องการไล่เอาความ เช่นนั้นก็คงจะต้องโดนโทษหมิ่นเกียรติเป็นแน่

 

ก่อนหน้านี้ซูอี้เข้ามาก็ไม่ได้คาดถึงว่าในห้องนี้จะมีคนอยู่ แต่ทว่าการสังเกตของเขากลับเฉียบคมกว่าพวกของชิ่งเฟย เป็นอย่างมาก เพียงแค่มองไปที่บนเตียงนั้นครั้งแรกก็รู้ได้ทันทีว่าย่อมเป็นผู้ชายที่นอนอยู่

 

เวลานี้เขายิ่งยิ้มอย่างใจเย็น กล่าวกับชิ่งเฟย “เวลานี้ชิ่งเฟยคงไม่ได้คิดว่าข้ากับคุณหนูหลัวจะมีความสัมพันธ์อะไรกันบางอย่างอีกแล้วสินะ?”

 

แท้จริงแล้ว…หากคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ทั้งสองฝ่ายนั้นพบกันในสวนดอกไม้ ทั้งยังพบกันที่นี่อีกตั้งสองครั้งสองครา ระหว่างเวลานี้เป็นเวลานานเท่าไรกัน? แม้ว่าคนที่อยู่ในห้องนี้จะไม่ใช่หลัวเสียงแต่เป็นหลัวอวี่ก่วน คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะตาบอด อย่างไรก็ควรต้องรู้ว่าเขาไม่อาจมีเวลาทำเรื่องอะไรเช่นนี้ออกมาหรอก

 

เพียงแค่หากมีชายหนุ่มและหญิงสาวอยู่ร่วมห้องกันในสภาพที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ก็คงอาจจะถูกใช้ช่องว่างจากเรื่องนี้มาเล่นงานสนุกปาก

 

แต่ตอนนี้เมื่อเปลี่ยนเป็นหลัวเสียง…

 

สีหน้าของชิ่งเฟยนั้นแทบจะดูไม่ได้ บีบผ้าเช็ดหน้าในมือทั้งยังกัดฟันแน่น

 

หลัวเสียงเมื่อฟังก็ยิ่งไม่รู้จะอธิบายอย่างไร จึงลอบเหลือบสายตากวาดมองไปเล็กน้อย เวลานี้จึงพบกับเซียงเฉ่าที่ล้มอยู่ที่พื้น

 

เขาใบหน้าดำคล้ำ กดเสียงต่ำกล่าวถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”

 

“คุณ…คุณชายเจ้าขา!” เซียงเฉ่าพยายามตั้งสติ แต่ก็ยังคงกล่าวด้วยลิ้นพันกันอย่างรีบร้อน “คุณหนูหลัวอวี่ก่วนหายตัวไปเจ้าค่ะ!”

 

“อะไรนะ?” หลัวเสียงตกตะลึงไป อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงสูง

 

แววตาของชิ่งเฟยประกายวาบ รีบคว้าโอกาสไว้ กล่าวเปลี่ยนเรื่องอย่างทันที “ในเมื่อที่นี่เกิดเพียงเรื่องเข้าใจผิดกัน เช่นนั้นก็แล้วไป แต่ว่าการหายตัวไปของคุณหนูหลัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คนแซ่เหยา เจ้า…”

 

“เจ้าค่ะ!” ฮูหยินใหญ่ไม่รั้งรอให้นางได้พูดจบก็รับคำทันที “กล่าวว่าคุณหนูหลัวหายตัวไป? อาจจะเป็นความเข้าใจผิดอีกก็ได้! วันนี้แขกที่เข้ามาในจวนก็มีมากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ล้วนแต่มีผู้คน แล้วจะมีผู้ใดสามารถลักพาตัวคนไปได้ต่อหน้าต่อตาได้เล่า? คุณหนูหลัวอวี่ก่วนอาจจะเป็นอย่างคุณชายหลัวเสียงก็เป็นได้ ที่เมื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยก็ปลีกตัวไปพักผ่อนในเรือนไหนสักเรือน!”

 

ชิ่งเฟยเพิ่งจะทำเรื่องน่าขันลงไป เวลานี้เพื่อที่จะสลัดตัวออกมา ก็ไม่อาจห้าวหาญได้อีก

 

ขณะที่ฮูหยินใหญ่พูดก็กล่าวกำชับกับหรูโม่ “กระจายคำสั่งลงไป ค้นหาให้ทุกเรือนอย่างละเอียด อย่าได้พูดกระโตกกระตากออกไปให้กระทบกับชื่อเสียงของคุณหนูหลัวอวี่ก่วน!”

 

————————————————