ซู่ววว
ไม่รู้เหตุใด เมื่อเจียงหลีเอ่ยถามประโยคนั้น ทันใดนั้นเองจักรพรรดิลู่เจี้ยรู้สึกว่าบริเวณโดยรอบได้เย็นลง
เขามองไปยังหญิงสาวในอ้อมแขน นางยังคงยิ้มแย้ม แต่ในนัยย์ตานั้นกลับแอบซ่อนประกายไว้
ทันใดนั้น เขาได้แกล้งให้นางสนใจ เขายิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา “มีแล้วอย่างไร ไม่มีแล้วอย่างไร”
เขาอยากจะเห็นท่าทางกระหืดกระหอบพาลโกรธของนาง
แต่คาดไม่ถึง หลังจากเขากล่าวตอบไป หญิงสาวกลับยิ่งยิ้มอย่างได้ใจ ใบหน้าที่สะสวยงดงามนั้น ได้ปล่อยสเสน่ห์ที่สามารถสร้างความสับสนให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้ “ไม่มีนั้นเป็นการดี แต่หากมี ท่านช่วยระบุรายชื่อมาให้ข้าด้วย” ข้าจะทำให้พวกนางเสียใจเองที่เข้าใกล้ท่าน
ดวงตาของจักรพรรดิได้หรี่ลงช้าๆ
หญิงสาวตรงหน้านอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสมือนกับลูกแมวที่แยกเขี้ยวยิงฟัน ประกาศอำนาจอธิปไตยของตนให้กับผู้อื่น
ทั้งๆ ที่เย่อหยิ่งขนาดนั้น แต่เหตุใดเขาจึงรู้สึกน่ารักยิ่งนัก
เป็นเพราะความลุ่มหลงอีกแล้วหรือ ชายผู้มีเกียรติผลักอารมณ์ที่ไม่สามารถเข้าใจได้ให้กับความลุ่มหลงอีกครั้ง
“สรุปคือมีหรือไม่” จู่ๆ เจียงหลีก็หุบรอยยิ้มและมองไปยังชายผู้นี้ด้วยใบหน้าเย็นชา
นางยอมรับว่ามีร่องรอยของความหึงหวงแผ่ซ่านอยู่ในใจ
นางอดที่จะอิจฉาไม่ได้ เมื่อคิดว่านางปรากฏตัวเพียงสองถึงสามปีในชีวิตอันยาวนานของเขา หากผู้หญิงคนอื่นได้ครอบครองเขาก่อนนาง เช่นนั้นนางคง…
หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เจียงหลีได้ระงับจิตสังหารที่แพร่กระจายอย่างรุนแรงในหัวใจของนาง
จากลูกแมวที่เชื่อฟัง จู่ๆ ก็ยื่นกรงเล็บอันแหลมคมออกมา เมื่อจิตสังหารนั้นได้แพร่กระจาย สายตาเย็นชาของตี้จวินก็ขยับเล็กน้อย แต่เมื่อจิตสังหารของนางได้หายไป อารมณ์ของเขาก็สบายขึ้นเล็กน้อย
“มีหรือไม่” ชายผู้นี้ไม่ตอบ เจียงหลีจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วออกมาและจิ้มลงที่หน้าอกของชาย
อารมณ์ที่ปรากฏออกมาของนาง ยิ่งทำให้ชายคนนั้นพอใจมากขึ้น
ทำไมต้องบอกเจ้าด้วย มุมปากของเขายกขึ้น
เอ่อ!
เจียงหลีผงะ พลันกัดริมฝีปากล่างและมองเขาอย่างคับแค้นใจ “ครั้งหนึ่งท่านเคยบอกว่า รอท่านกลับมา จะฟังข้าทุกอย่าง ข้าพูดอะไรก็คืออย่างนั้น ข้าถามอะไร ท่านก็จะตอบทุกอย่าง”
“…” หน้าของจักรพรรดินิ่งลงฉับพลัน
เขาเคยให้สัญญาที่ไม่เป็นธรรมขนาดนี้ด้วยหรอกหรือ
“ท่านคงไม่ได้ลืมไปแล้วใช่ไหม บนเขาฝูถูนั้น ท่านและข้ากำลังบอกลา…” เจียงหลีพยายามช่วยให้เขาจำได้โดยเมินใบหน้าที่นิ่งไปของเขา
สายตาของหญิงสาวที่จ้องมองอยู่นี้ จักรพรรดิต้องเผชิญหน้ากับความทรงจำของชาติที่แล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ และการพรากจากกันครั้งสุดท้ายในคราวนั้น
บนเขาฝูถูท่ามกลางวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ความงามบนโลกมนุษย์ไม่อาจเทียบ กับหญิงสาวที่กระซิบกับเขาในอ้อมแขนนี้ได้
“ลู่เจี้ย ท่านโหดร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร ท่านขโมยหัวใจของข้าไป แต่ท่านกลับไม่สนใจใยดี ปล่อยให้ข้าต้องอยู่ลำพัง”
“หลีเอ๋อร์ ข้าขอโทษ ข้าระมัดระวัง ได้ระมัดระวังอย่างมากแล้ว…”
“ท่านมันเห็นแก่ตัว คิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นดีต่อข้า ท่านเคยถามข้าบ้างไหม ว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ข้าต้องการหรือไม่”
“ใช่ ข้าผิดไปแล้ว หากภพหน้ามีจริง หากเราได้พบกันอีกครั้ง ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง ดีไหม “…”
ในความทรงจำชายที่เปราะบางขนาดที่จะหายไปเมื่อไหร่ก็ได้นั้น ใช่เขาหรือ ในความทรงจำ หญิงสาวที่ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกเหมือนเด็ก จะใช่นางหรือเปล่า
ความทรงจำในภพก่อนเหล่านี้ สำหรับเปิ่นจุนอย่างเขา ก็เหมือนความฝัน ช่วงชีวิตของคนอื่นๆ
แต่ทำไม เมื่อมองย้อนกลับไปในขณะนี้ เขาจึงรู้สึกปวดใจยิ่งนัก
ความอาลัยที่จะต้องตายและพรากจากกัน ความโกรธที่ไม่เต็มใจที่จะเกิดใหม่ ทำให้เขากระชับอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัวและกอดหญิงสาวไว้แน่น
การเปลี่ยนแปลงกะทันหันของชายผู้นี้ ทำให้เจียงหลีแข็งไปทั้งตัว และจ้องมองเข้าไปในตาของเขา
มันเป็นดวงตาเงาสวยงามอย่างสุดจะพรรณนา ซึ่งดูงงงวย ครุ่นคิดและพร่ามัว
เกิดอะไรขึ้นกับเขา ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกประหม่า
“ไม่!”
เสียงกรีดร้องที่เสียดแทงหัวใจของหญิงสาว เสียงเรียกร้องที่สิ้นหวังและเจ็บปวดในความทรงจำ ทำให้หัวใจของเขากระตุก
“หลีเอ๋อร์”
คำพูดกระซิบนี้ ดูเหมือนจะมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ
อารมณ์ที่เกิดขึ้น ความไม่เต็มใจ ความคิดถึง ความคุ้นเคยแบบนั้น
เจียงหลีสะดุ้ง และดวงตาของเขาก็ชุ่มไปด้วยน้ำตา เมื่อได้ยินชื่อของตนออกมาจากปากของชายหนุ่ม
ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็พลิกตัว และกดตัวนางลงบนที่นอน ใบหน้าของเขาที่อยู่ไม่ไกลมองมาที่ตน ดวงตาของเขายังคงพร่ามัว
ตูมตูม!
เขาจะทำอะไร
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของจักรพรรดิลู่เจี้ย ทำให้เจียงหลีกลั้นหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง เสียงหัวใจเต้นรัวราวกับอยู่ข้างหู
แต่ดวงตาของชายหนุ่ม กลับมองไปที่มุมคิ้วและริมฝีปากของนาง ถึงขั้นยื่นมือไปลูบริมฝีปากของนางเบาๆ ด้วยปลายนิ้ว
“หลีเอ๋อร์ หลีเอ๋อร์ของข้า”
เขากระซิบอย่างคร่ำครวญและดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันที่เจียงหลีจะตอบสนอง เขาก็ลดศีรษะลง ริมฝีปากของเขาประกบลงบนริมฝีปากของนางเบาๆ
อะไรกันนี่!
เจียงหลีดวงตาเบิกกว้าง นี่พยายามปิดปากข้าด้วยความหวาน เพื่อที่ข้าจะไม่ไซร้ถามเรื่องหญิงอื่นอีกต่อไปหรือ
เขาลิ้มรสความหวานของริมฝีปากนี้อย่างละเมียดละไม ความร่วมมือและการตอบสนองของหญิงสาวในอ้อมแขน ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก
แต่ทว่า เมื่อการกระทำที่ใกล้ชิดนี้ กระตุ้นความปรารถนาในใจของเขา เขากลับตื่นตัว สายตากลับมาชัดเจนอีกครั้ง
ซี๊ด!
เจียงหลีที่กำลังจูบอย่างเร่าร้อน จู่ๆ ก็ถูกผลักออกอย่างแรง
นางมองไปที่จักรพรรดิลู่เจี้ย ใบหน้าที่ตึงและเย็นชาทำให้นางสับสน
แต่ชายหนุ่มกลับเพียงแค่มองนางอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันหลังหายไปในวัง
“…” เมื่อมองไปยังสถานที่ที่ใครบางคนหายตัวไปเจียงหลีก็พึ่งจะรู้ตัว คว้าหมอนกระแทกไปจุดนั้นและว่าอย่างโมโห “จูบแล้วก็หนีไปทั้งๆ ที่คราวนี้เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนเริ่ม!”
นางกลับไม่รู้ ว่าในตอนนี้ ใครบางคนที่ ‘หายตัวไป’ ในขณะนี้กำลังซ่อนตัว ยืนอยู่ที่มุมห้อง มองไปสภาพที่กำลังคลั่งของนางอารมณ์รู้สึกสับสน
“ท่านสัญญาว่าจะอยู่กับข้าจนถึงรุ่งสาง!” เจียงหลีตะโกนขึ้นไปในอากาศ
ใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ตอบในใจว่า ‘ข้าสัญญาจริง แต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะให้เจ้าเห็น
ในวันที่สอง อวี้ซูมารอเจียงหลีเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้า และพบว่าอารมณ์ของจักรพรรดินีดูไม่ค่อยจะดีนัก เมื่ออยู่ในท้องพระโรงต่อหน้าเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหาร ก็เห็นใบหน้าคร่ำเครียดของจักรพรรดินีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหรงอวี้
เช้าตรู่ เขารับคำสั่งออกจากวัง และกลับไปที่บ้านตระกูลหรง
ทันทีที่เขากลับไปที่บ้านตระกูลหรง เขาก็ถูกหรงเทียนเผิงเรียกตัวไปที่ห้องหนังสือ แต่ระหว่างทางไป หรงอวี้จงใจเดินอ้อมไปทางลานบ้านที่หรงจิ่งอยู่
ครั้งหนึ่ง ที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามที่ทุกคนในตระกูลหรงไม่สามารถเข้าใกล้ เพียงเพราะผู้ที่เปรียบดั่งทวยเทพของตระกูลหรงอาศัยอยู่ และท่านผู้นี่ไม่ชอบที่จะถูกรบกวน แต่ตอนนี้ เขาแค่ถูกกักบริเวณที่นี่เท่านั้น
หรงอวี้มาถึงที่ลานบ้านของหรงจิ่ง แต่ไม่ได้เข้าไป เขาแค่ยืนอยู่ที่ประตูและพูดกับคนข้างในว่า “ท่านพี่ ข้าเพิ่งกลับมาจากวังวันนี้ เพื่อเยี่ยมครอบครัว หลังจากกลับไป ข้าก็จะได้เริ่มไปรับใช้จักรพรรดินีแล้ว ท่านพี่ จักรพรรดินีของเรานั้นช่างงดงามจริงๆ คนที่งดงามเพียงนี้ ตกเป็นของข้า ข้ายังต้องขอบคุณท่านอีกด้วย ฮ่าๆ”
ในน้ำเสียงนั้นมีความโอ้อวดและยั่วยุเล็กน้อย
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากบริเวณลานบ้านของหร