บทที่ 265
อาจารย์อี้ชิงที่อยู่ด้านหน้า หันมาดุว่า “พวกนายสองคนอย่าวุ่นวาย หาเรื่องในคณะหลัก พวกนายอยากโดนไล่ออกจากสถาบันสอนวิชาบู๊ใช่ไหม บอกว่าไม่ต้องมาๆ ก็ยังตามมาอยู่นั่น”

น้ำลายของอาจารย์อี้ชิงพ่นลงบนหน้าทั้งสองคน หานเฟิงเช็ดพลางยืดคอพูดว่า “เราสองคนมาช่วยศิษย์น้องลู่ฝาน ท่านผอ.เรียกศิษย์น้องลู่ฝานมาคณะหลักเพียงคนเดียว ในเวลาแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เราจะไม่ตามมาดูได้ยังไง ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมต่อสู้ ศิษย์พี่ใหญ่เก็บตัวอยู่กับศิษย์พี่รอง ถ้าเราไม่ตามมา เขาคงคิดว่าคณะหนึ่งเดียวไร้คนมีความสามารถ”

อาจารย์อี้ชิงพูดเสียงดัง “น่ารำคาญ นายรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่เรื่องดี ไม่แน่ท่านผอ.อาจตั้งใจอบรมสั่งสอนลู่ฝานก็ได้ หรือไม่ก็……”

พูดพลาง อาจารย์อี้ชิงรู้สึกว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ จึงเสียงเบาลง พึมพำสองสามประโยค แล้วเดินไปทางโถงใหญ่

ลู่ฝานยืนอยู่ข้างทั้งสามคน ทำได้เพียงยิ้มแหยส่ายหน้าไปมา

เดินมาถึงโถงใหญ่ กระเบื้องหยกแวววาว พื้นหินศิลาดำใหญ่โตโอ่อ่า เป็นประกายระยิบระยับ

มองจากไกลๆ เห็นคนสองสามคนนั่งอยู่ด้านใน

ท่านผอ.เทียนหยาจื่อ อาจารย์ซิงยวนคณะหยินหยาง อีกทั้งยังมีคนที่คุ้นเคยอย่างจ้าวซวี่

เมื่อเห็นจ้าวซวี่ ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ เหมือนเขาเดาได้แล้วว่าคือเรื่องอะไร

หานเฟิงกับฉู่สิงก็ไม่ได้โง่ แค่เห็นจ้าวซวี่ ศิษย์พี่หานเฟิงรีบพูดเสียงเบาว่า “ศิษย์น้องลู่ฝาน ศิษย์พี่ฉู่สิง ดูเหมือนวันนี้เจอปัญหาแล้ว”

ลู่ฝานพูดเสียงทุ้มว่า “ไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้ กลัวอะไรล่ะ”

ฉู่สิงพยักหน้าพูดว่า “ใช่ เราไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด จะกลัวพวกเขาทำไม”

อาจารย์อี้ชิงเดินนำทั้งสามคนเข้าไป ท่านผอ.เทียนหยาจื่อที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลัก กวักมือพูดว่า “มาแล้วเหรออี้ชิง นั่งสิ พวกนายก็นั่งด้วยสิ”

อี้ชิงพยักหน้า พาพวกลู่ฝานเข้ามานั่ง

เก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่ ปูด้วยหนังสัตว์อสูร มีความอุ่นเบาๆ นั่งลงไปรู้สึกเหมือนความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย สบายเป็นอย่างมาก

อาจารย์อี้ชิงเพิ่งนั่งลง ก็ถามออกมาว่า “ท่านผอ. เรียกลู่ฝานของคณะผมมากะทะหันแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอครับ”

ท่านผอ.ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยน่ะ โอเค จ้าวซวี่ มากันครบแล้ว นายพูดได้แล้ว”

จ้าวซวี่มีแววตาร้ายกาจ ลุกขึ้นชี้หน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “ลู่ฝานของคณะหนึ่งเดียวฆ่าศิษย์พี่ศิษย์น้องผม ทำให้อาจารย์ผมต้องตาย ท่านผอ.โปรดจัดการให้ด้วย”

เสียงดังก้องโถงหลัก สีหน้าจ้าวซวี่เศร้าโศก นิ้วสั่นเล็กน้อย

หานเฟิงลุกขึ้นยืนทันที

“นายว่าใคร ใครทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องและอาจารย์ของนายตาย คนไร้สติอ้าปากก็พูดแต่เรื่องสกปรก นายอยากโดนซัดใช่ไหม……”

อี้ชิงที่อยู่ข้างๆ รีบดึงหานเฟิงกลับมา

“พอแล้ว!”

อาจารย์อี้ชิงมองจ้าวซวี่ด้วยสายตาเย็นชา “จ้าวซวี่ สิ่งที่นายพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องรุนแรงมากนะ ถ้านายพูดเท็จแม้เพียงคำเดียว อย่างน้อยนายจะโดนขังในคุกใต้ดินของสถาบันสอนวิชาบู๊ร้อยปี”

จ้าวซวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง

ท่านผอ.พยักหน้าเบาๆ “ใช่ สิ่งที่อาจารย์อี้ชิงพูด คือสิ่งที่ฉันจะพูด จ้าวซวี่ คิดให้ดีก่อนพูด นายบอกว่าลู่ฝานทำให้ศิษย์พี่ศิษย์น้อง รวมถึงอาจารย์นายตาย งั้นนายเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นมาก่อน”

จ้าวซวี่กัดฟันพูดว่า “เหตุการณ์ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้นอาจารย์พาเราห้าคน เข้าไปในจวนอากาศธาตุของเซียนสือฟาง เจอประตูคุ้มครองที่เซียนสือฟางหลงเหลือเอาไว้ ไม่รู้พวกลู่ฝานของคณะหนึ่งเดียวโผล่มาจากไหน เข้าไปพร้อมกันกับเรา ผมสงสัยว่าพวกเขาวางแผนไว้นานแล้ว อยู่ที่นั่นเพื่อรอเวลา”

หานเฟิงส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “เราไปดูยาทิพย์ปรากฏออกมา ไม่รู้ผีอะไรดึงพวกเราเข้าไปพร้อมกัน”

อาจารย์อี้ชิงถลึงตาใส่หานเฟิง “นายอย่าพูดมาก ให้เขาพูดจบก่อน”

หานเฟิงรีบหุบปาก จ้องหน้าจ้าวซวี่เขม็ง

จ้าวซวี่พูดต่อ “หลังจากนั้นอาจารย์ไม่ระวัง แตะต้องสิ่งต้องห้ามบนประตูคุ้มครอง กระตุ้นค่ายกลที่เซียนสือฟางทิ้งไว้ ค่ายกลนั่นแข็งแกร่งมาก อาจารย์กับเราร่วมกันต่อสู้ แต่ไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ ในเวลานั้นอาจารย์ขอร้องให้พวกลู่ฝานช่วย แต่พวกเขากลับนิ่ง ปล่อยให้เราโดนค่ายกลข่มเหงรังแก ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็สงสัย พวกเขาต้องวางแผนร้ายไว้นานแล้ว ไม่งั้นทำไมค่ายกลถึงโจมตีแต่พวกเรา ไม่โจมตีพวกเขา”

หานเฟิงส่งเสียงหึ พึมพำกับตัวเองว่า “ก็เพราะพวกนายโง่ไง ไม่รู้จุดสำคัญของค่ายกลสักนิด”

อาจารย์ซิงยวนพูดออกมาว่า “อี้ชิง ถ้านายดูแลปากศิษย์นายไม่ได้ ฉันช่วยดูแลให้ได้นะ”

อี้ชิงพูดด้วยสีหน้าอึมครึม “นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

ท่านผอ.มีท่าทางปวดหัวเป็นอย่างมาก พูดกับจ้าวซวี่ว่า “นายพูดต่อสิ”