ตอนที่ 8 - 3 เจ้าทับข้ามาข้าทับเจ้าคืน

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

นางสะบัดศีรษะเล็กน้อยเช่นกัน ความเลอะเทอะเลอะเลือนเมื่อครู่เพิ่งหายไปในตอนนี้ ครู่หนึ่งนี้นางรู้สึกได้ในทันทีว่าเมื่อครู่นั้นเอง ถ้ามีคนถามอะไรนางหรือต้องการให้นางทำอะไร นางคงไม่มีทางครุ่นคิด คงทำตามโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยแน่นอน

 

 

ความคิดนี้กะพริบวูบผันผ่าน ในใจนางมีความรู้สึกแปลกประหลาด ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่มีโอกาสตั้งสามครั้ง ทำไมเจ้าคนนั้นถึงได้ปล่อยนางไป เจ้าคนนี้บังเอิญคลำเจอเคล็ดลับบางอย่างเหมือนกันเหรอ?

 

 

บนศีรษะมีเสียงลม นางเงยหน้าขึ้น อึดอัดใจเมื่อพบว่าเจ้าคนนั้นพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ท่วงท่าเช่นเดียวกัน องศาเช่นเดียวกัน นางรู้สึกเสมอว่าท่วงท่าที่เขาพุ่งเข้ามาหวังข่มขืนแข็งทื่ออย่างยิ่ง

 

 

นางยังรู้สึกว่าตนเองคล้ายยิ่งต่อสู้ยิ่งมีแรงแล้ว…

 

 

เตียงแคร่ใต้ร่างถูกทับจนอ่อนยวบอีกครั้ง ทำให้ขาทั้งสองข้างของนางห้อยยืดยาวอยู่ข้างล่างเตียง นางใช้สองมือค้ำยันเพียงครั้ง ลื่นไถลออกไปก่อนเจ้าคนนั้นจะพุ่งเข้ามาเสียเลย

 

 

สองคนเผชิญหน้าเฉียดผ่านกัน แสงอสนีแสงเพลิงครู่นั้น นางเอื้อมมือ หนามลับบนกำปั้นเปล่งประกายอีกครั้ง!

 

 

เขาใช้มือหนึ่งตบพื้นข้างกายนางพาเรือนร่างพลิกหลบหลีก รวดเร็วยิ่งนักเช่นกัน

 

 

จิ่งเหิงปัวเกือบจะตะโกนด่าออกมา…ทุกครั้งที่หลบการสังหารของนาง เขาก็ดูจะคล่องแคล่วว่องไวขึ้นมาทันที!

 

 

บนพื้นต่างเป็นเม็ดทรายละเอียดลื่นไถลแบบนั้น พอลื่นครั้งหนึ่งก็ลื่นออกไปไกลโพ้น ข้างหน้าก็คือขาที่สามของเตาหลอมนั้น ความคิดเฉียบแหลมของนางโลดแล่น คำนวณพื้นที่ใต้เตาสักครู่ รู้สึกว่าซ่อนอยู่ใต้เตาหลอมนั่นก็ได้แล้ว หากนางซ่อนอยู่กลางเตาหลอม เจ้าคนนั้นจะทำอย่างไรก็คว้าไม่ได้ ถ้าอยากคว้าต้องปีนเข้ามาด้วยตนเอง พอถึงตอนนั้นท่วงท่าถูกจำกัด นางก็จะฆ่าเขาได้แล้ว

 

 

พอคิดได้แบบนี้ นางจึงยืดหยุ่นร่างกาย ปรับปรุงท่วงท่า ลื่นไถลตลอดทางมุ่งสู่เตาหลอม

 

 

เสียงแครกๆ ดังขึ้นต่อเนื่อง วัตถุจำพวกเม็ดทรายละเอียดบนพื้นผิวล่องลอยคละคลุ้งอย่างต่อเนื่องท่ามกลางการเสียดสีรุนแรงเช่นนี้ ไอควันลอยขึ้นทั่วทั้งห้องกลั่นยา จิ่งเหิงปัวจำเป็นต้องสูดเข้าไปจำนวนมาก พอตอนนี้นางก็ไม่ทันได้ห่วงมากมายขนาดนี้แล้ว อย่างไรเสียของสิ่งนี้สูดเข้าไปแล้วไม่ตายทันที คงดีกว่าต้องสูญเสียความบริสุทธิ์

 

 

นางลื่นไถลเข้าสู่ใต้เตาหลอมดังฟิ้ว เตาหลอมสั่นสะเทือนเพียงครั้งดังตึ้งแผ่วเบาเสียงหนึ่ง นางรู้สึกแค่ว่าใต้ร่างกายคล้ายเว้าลงเล็กน้อยล้อมรอบนางไว้ได้พอดี ไม่ได้ลื่นไถลไปข้างหน้าอีกต่อไป จากนั้นนางได้ยินภายในเตาหลอมดังแก๊กๆ ระลอกหนึ่ง

 

 

ได้ยินแล้วรู้เลยว่าเป็นเสียงกลไกทำงาน

 

 

นางตื่นตระหนก ไม่รู้ว่ากับดักนี้มีผลดีหรือผลร้ายต่อตนเอง แต่ตอนนี้ร่างอยู่ใต้เตาหลอมหลบไม่ได้ซ่อนไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามชะตากรรม

 

 

ทว่าภายใต้เตาหลอมไม่ได้เกิดความผิดปกติอะไร ได้ยินแค่เสียงดังขึ้นไปข้างบนติดต่อกันคล้ายสิ่งของอะไรกำลังค่อยๆ ถูกผลักออกมา ในเวลาเดียวกันนั้น จิ่งเหิงปัวได้กลิ่นหอมกรุ่นมหัศจรรย์กลิ่นหนึ่งขึ้นมากะทันหัน

 

 

นางชะโงกหน้ามองไปข้างนอก รู้สึกรำไรว่าลำแสงภายในห้องคล้ายเกิดการเปลี่ยนแปลง มองเห็นรองเท้าหุ้มข้อของขันทีจากข้างล่างเตาหลอม เขาหยุดยืนนิ่งไม่ได้ตามมา จากนั้นเขาก็เปล่งเสียงร้องอุทานแผ่วเบาเสียงหนึ่ง

 

 

ภายในเสียงร้องอุทานแหบแห้งเปี่ยมด้วยความดีใจเป็นล้นพ้น

 

 

จิ่งเหิงปัวใจเต้นระรัว…เรื่องที่เป็นผลดีต่อศัตรูต้องเป็นเรื่องที่มีผลร้ายต่อตนเอง

 

 

จากนั้นนางก็มองเห็นขันทีก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งคล้ายจะไปรับสิ่งของอะไร

 

 

หรือว่ากลางเตาหลอมนี้มีสิ่งของอะไรโผล่ออกมา?

 

 

จิ่งเหิงปัวสูดกลิ่นกลางอากาศ รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น ชีอี้ที่เชี่ยวชาญการกลั่นยาอายุวัฒนะในหมู่เจ็ดสังหารเคยเอ่ยไว้ว่ายาเลื่องชื่อระดับสุดยอดรังสรรค์จากโลกอันยิ่งใหญ่ ล้ำค่าหาใดเปรียบยิ่งนัก ปกติแล้วยาชนิดนี้แวววาวโดยกำเนิด กลิ่นหอมหวนเข้มข้น ยาดีเม็ดหนึ่งเพียงเห็นสีสันได้สูดกลิ่นย่อมยืนยันมูลค่าโดยประมาณได้

 

 

ห้องกลั่นยาใต้พระราชวังที่ซ่อนเร้นขนาดนี้ ยันต์แปดทิศที่ลึกลับ ยาแปลกประหลาดทั่วผนังทั่วพื้น รวมทั้งเตาหลอมใหญ่โตต่างอธิบายว่าที่นี่คือห้องกลั่นยาลับที่ราชสกุลแคว้นเซียงเคยทุ่มเทพละกำลังสร้างขึ้นอย่างแน่นอน คิดโยงไปถึงข่าวลือเกี่ยวกับกษัตริย์แคว้นเซียงเคยลุ่มหลงกลั่นยาอายุวัฒนะที่ได้ฟังมาจากข้างทาง นางซ่อนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

 

 

หากเป็นเช่นนั้นจริงให้ขันทีอัปลักษณ์คนนี้ได้กินยาล้ำค่า แบบนั้นนางคงไม่มีหวังแล้ว!

 

 

จิ่งเหิงปัวปีนออกมาจากใต้เตาหลอมโดยไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ พอเงยหน้ามองเห็นกลางเตาหลอมมีเมฆบางลอยวนเวียน ประคองยาเม็ดกลมดิกเหลืองทองเม็ดหนึ่งออกมา

 

 

ยาเม็ดคล้ายมีแสงเล็กน้อยสาดส่องรูปร่างหน้าตาธรรมดาของขันทีให้สว่างไสว เขาคล้ายถูกความปีติยินดีล้นพ้นจู่โจม ยืนงงงันอยู่ตรงนั้น ลืมคว้ายาไปชั่วขณะ

 

 

ทว่ายาเม็ดเหินสู่เบื้องหน้าเขาด้วยตนเองคล้ายถูกลากด้วยลมหายใจของมนุษย์ เขาเอื้อมมือจะไขว่คว้า

 

 

จิ่งเหิงปัวพุ่งเข้ามาเหมือนสุนัขหิวอาหารทันที!

 

 

ข้าแย่ง!

 

 

นางชนข้างหน้าร่างขันทีดังพลั่ก ขันทีตกใจและไม่ทันได้สังหารนาง เอื้อมมือคว้ายาโดยพลัน

 

 

จิ่งเหิงปัวกระโดดขึ้นมาแล้ว ไม่ทันได้ใช้มือ นางก็อ้าปากกว้างงับยาเม็ดอย่างรุนแรงเพียงครั้ง…

 

 

นางชิงกลืนยาเม็ดไปแล้ว…

 

 

ขันทีคล้ายนึกไม่ถึงว่านางจะแย่งไปแบบนี้ได้ พลันชะงักงันไปชั่วขณะ เบิกตาโพลงมองนางกลืนยาเม็ดลงไปอย่างรีบร้อน

 

 

ยาเม็ดเข้าปากเยือกเย็น กลิ่นยาหอมหวนเข้มข้น กลิ่นหอมนั้นทำให้ในสมองนางวิงเวียนในใจแน่นิ่ง มั่นใจแน่ว่าไม่ใช่สิ่งมีพิษ ดีใจเป็นล้นพ้น

 

 

ของเหลวหนักหน่วงอึกหนึ่งเลียบลงตามคอหอยมุ่งตรงสู่ภายในท้อง นางรู้สึกทันทีว่าของสิ่งนี้หนักมาก หนักเหลือเกิน โถมทับจนท้องนางเจ็บปวดไปหมดแล้ว

 

 

นางมีสีหน้าซีดเผือด คราวนี้ถึงนึกได้ว่า ว่ากันว่ายาเม็ดพวกนี้จะมีตะกั่วทั้งนั้นไม่ใช่หรือ? ไม่แน่ว่าจะมีโลหะหนักสีเงินหรือที่เรียกกันว่าปรอทด้วย แม้ชีอี้เอ่ยว่าต้าฮวงกลั่นยาอายุวัฒนะไม่ใช้สิ่งของเหล่านี้ แต่ว่ารสชาติแบบนี้…โอ๊ยๆๆ ปวดท้องเหลือเกิน ท้องร้อนไปหมดแล้ว…

 

 

ภายในร่างกายพลันมีเพลิงกองหนึ่งพวยพุ่งออกมา เพลิงนี้ไม่เพียงแต่สยบพิษดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายนางลงไป ซ้ำยังลุกโชนกลางเส้นลมปราณของนาง แทบจะโดยพลันนางก็รู้สึกว่าทั่วร่างพองบวมคันยุบยิบ ภายในร่างกายคล้ายมีสิ่งของอะไรเพิ่มขึ้นมา กำลังคำรามกำลังดิ้นรนกำลังปะทะกำลังร้องตะโกน พยายามอยากจะพุ่งออกมาจากพันธนาการ

 

 

อยากทะเลาะวิวาท อยากฆ่าคน!

 

 

นางร้องอ๊ากออกมาเสียงหนึ่ง หันหน้าจ้องมองขันทีที่อยู่ข้างหลัง แววตาแพรวพราวดั่งหมาป่าทำให้ขันทีคนนั้นตกใจจนถอยหลังก้าวหนึ่ง

 

 

“พอชั้นไม่แสดงอำนาจบารมี พวกแกก็ทำเหมือนชั้นเป็นแมวป่วย!” จิ่งเหิงปัวกรีดร้องเสียงหนึ่ง ถลกแขนเสื้อขึ้นแล้วหันหลังพุ่งเข้ามา

 

 

ขันทีมองดูนางอย่างตื่นตะลึง นางพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งดั่งเสือตัวเมียตัวหนึ่ง ครู่ต่อมาจิ่งเหิงปัวคว้าข้อมือของเขาไว้แล้วชูขึ้นมาเหวี่ยงอย่างรุนแรง

 

 

นางเหวี่ยงขันทีคนนั้นไปกระแทกบนเตียงแคร่ดังพลั่ก

 

 

เตียงแคร่ที่น่าสงสารส่งเสียง แอ๊ด! ก่อนจะพังทลายอีกขั้น

 

 

ขันทีล้มลงบนเตียง ดิ้นรนลุกขึ้นไม่ได้ไปชั่วขณะ จิ่งเหิงปัวพุ่งเข้ามาอีกครั้งแล้ว คว้าข้อมือของเขาขึ้นอีกครั้ง แกว่งไกวขึ้นมาแล้วเหวี่ยง

 

 

พลั่ก!

 

 

แอ๊ด…

 

 

เตียงแคร่หักสะบั้นกลายเป็นสองท่อนในที่สุด แผ่นไม้สำหรับเหยียบที่ยื่นออกมาเกี่ยวขาจิ่งเหิงปัวไว้ เรือนร่างของนางล้มทิ่มไปข้างหน้า โถมทับลงบนร่างของขันทีที่ล้มอยู่พอดี

 

 

สองคนใช้ดวงตาสองข้างจ้องมองกัน แน่นิ่งกันไปทั้งคู่

 

 

ภายในดวงตากลมโตของนางคือความวิงเวียนเล็กน้อยกับเพลิงโทสะลุกโชน

 

 

ภายในนัยน์ตาของเขาคือความเจ็บปวดเจือจางกับฟ้าดินกว้างไกล

 

 

เพียงพริบตาหนึ่ง จากนั้นเขาก็ใช้มือหนึ่งผลักนางออกไป พลิกกายจะลุกขึ้นมา

 

 

นางยอมปล่อยเสียที่ไหน ตวาดลั่นเสียงหนึ่งว่า “ทิ้ง! ทิ้ง! ให้แกทิ้งชั้น! ให้พวกแกทิ้งชั้น! ให้พวกแกใครหน้าไหนอะไรก็ได้มารังแกชั้น! วันนี้ไม่ต่อยแกให้ฟกช้ำดำเขียวทั่วตัวชั้นไม่ขอใช้แซ่จิ่ง จะใช้แซ่ไท่สื่อไปเลย!”

 

 

ท่ามกลางเสียงตะโกนร้องนางพุ่งมาข้างหน้าเพียงครั้ง คร่อมลงบนร่างกายของขันทีกะทันหัน

 

 

แผ่นหลังของขันทีแข็งทื่อ

 

 

กำปั้นของนางรัวลงไปอย่างโหดเ**้ยมปานเม็ดฝนแล้ว

 

 

ต่อยจนแสงสีทองผ่องอำไพ ต่อยจนกลิ่นอายมงคลอบอวล ต่อยจนสายลมกระหน่ำฝนฟ้าคะนอง ต่อยจนอัสนีบาตรฟาดเปรี้ยง หมัดมวยไร้กำลังยังเจือด้วยไอสังหารไม่มีที่สิ้นสุด กําลังภายในขาดแคลนยังเจือด้วยสายลมคลุ้มคลั่ง

 

 

ลมหายใจภายในร่างกายปะทะซ้ายกระแทกขวา สะเทือนจนเส้นเอ็นของนางคล้ายกำลังดังก้องกังวาน กลายเป็นพละกำลังคึกคักนับไม่ถ้วนทะลักล้นภายนอกร่างกาย กำปั้นระลอกหนึ่งดื่มด่ำถึงอกถึงใจ นางทุบไปด้วยด่าไปด้วย

 

 

“ต้าฮวงบ่อโคลนเละเทะ พวกสารเลวโง่เง่า!”

 

 

“ไอ้ขี้ขลาด ไอ้เลวทราม ไอ้สุภาพบุรุษจอมปลอม ไอ้กากเดนทั้งฝูง!”

 

 

“ชั้นไม่เป็นจะให้ชั้นเป็นให้ได้ ชั้นเป็นให้แล้วไม่ยอมให้ชั้นเป็น หมาเห่าหมาหอนร้องระงมทั้งฝูง!”

 

 

“ให้พวกแกร้อง! ร้อง! ร้อง!”

 

 

พลั่กๆๆ กำปั้นร่วงหล่นดั่งสายฟ้าอัดอั้น ขันทีที่อยู่ข้างล่างไม่รู้ว่าถูกต่อยจนสลบแล้วหรือถูกต่อยจนจุกแล้ว ไม่ได้ดิ้นรนและไม่ได้เอ่ยวาจา

 

 

ทว่ามีหยดน้ำเม็ดใหญ่ไหลรินลงมาอย่างเงียบเชียบ รวดเร็วมากยิ่งขึ้นตามกำปั้นโหดเ**้ยมและเสียงร้องด่าทอ ร่วงหล่นดังแหมะๆ บนแผ่นหลังของเขา

 

 

ต่อยจนขนาดนั้นแล้วเขายังไม่ได้ขยับเขยื้อนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ครู่หนึ่งนั้นที่อาภรณ์บนแผ่นหลังเปียกชื้นเล็กน้อย เรือนร่างของเขาสั่นสะท้านขึ้นมา

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเห็นการสั่นสะท้านครั้งนั้นของเขาจึงได้สติขึ้นมาทันที เงยหน้าขึ้นให้ของเหลวที่ไม่ควรไหลออกมาบางอย่างย้อนคืนกลับไป

 

 

ไข่มุกเรืองแสงบนหลังคาห้องส่องแสงเจือจางมีพลังทำให้จิตใจสงบ นางซับหางตา รู้สึกตัวว่าตนเองลืมตัวเสียกริยาแล้ว

 

 

ยาเม็ดมีพิษร้อนรุ่มทำให้คนคลุ้มคลั่ง ขณะกินยาต้องมีคนคอยปกป้องหรือต้องควบคุมได้บ้าง

 

 

ลมหายใจโลดแล่นมั่วซั่วภายในร่างกายสงบลงบ้างแล้ว ไหลรินออกไปตามการต่อยระบายอารมณ์รอบหนึ่งนั้น นางมองขันทีที่น่วมเหมือนกระสอบป่านคนนั้นแวบหนึ่ง เพลิงโทสะและความร้อนรุ่มภายในใจสงบลงเล็กน้อย ดีใจว่าตอนนี้มีคนคนหนึ่งนี้ให้นางระบายปราณยาที่ซึมซับไม่ได้ชั่วขณะออกมา มิฉะนั้นนางมีโอกาสมากที่จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรือทำให้ตนเองบาดเจ็บ

 

 

ซ้ำยังหัวเราะตนเองก่อนหน้านี้ที่สงสัยว่าเขาคือกงอิ้น เจ้าคนนี้ไม่เพียงแต่ร่างกายร้อนผ่าว ต่อสู้กับตนเองในห้องกลั่นยารอบหนึ่ง ทั้งลักษณะท่าทางวรยุทธ์และการตอบโต้ตรงจุดละเอียดอ่อนไม่มีตรงไหนเหมือนกงอิ้นสักอย่าง

 

 

เห็นแก่เรื่องนี้ นางก็ตัดสินใจไม่ฆ่าเขา อย่างไรเสียตนเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร โจมตีกระแทกมั่วซั่วซ้ำยังได้ยาเม็ดหนึ่งมาด้วย เพียงแต่ไม่รู้ว่าได้ซึมซับสรรพคุณหรือไม่ เดี๋ยวกลับไปต้องให้เจ็ดสังหารดูสักหน่อย

 

 

หลังจากปราณยาระบายออกไปคือความอ่อนเพลีย ยาพิษถูกสยบไว้โดยทันทีแล้ว นางลุกขึ้น เงาร่างกะพริบวูบสูญสลายจากภายในห้องกลั่นยา

 

 

ขันทีหมอบอยู่ไม่ขยับเขยื้อนแม้เพียงน้อยตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ

 

 

ไม่เคยเงยหน้าหรือเหลียวมองประหนึ่งตกใจจนถึงขีดสุด