ตอนที่ 8 - 2 เจ้าทับข้ามาข้าทับเจ้าคืน

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

จิ่งเหิงปัวที่อยู่ข้างล่างบ่อน้ำได้ยินเสียงของอีชีแต่ขานรับไม่ได้ ขันทีคนนั้นอุดปากของนางเอาไว้แน่น

 

 

โชคดีที่ขันทีคนนี้ไม่ได้มีกลิ่นฉุนปัสสาวะทั่วมือทั่วร่างเหมือนขันทีในตำนาน ลมหายใจของเขาบริสุทธิ์อบอุ่น ฝ่ามือร้อนผ่าว ในใจของจิ่งเหิงปัวรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยในที่สุด

 

 

บ่อน้ำไม่กว้างใหญ่ พอกระโดดลงไปก็ถึงข้างล่าง ข้างล่างไม่มีน้ำด้วยซ้ำ ไม่มีร่องรอยว่าเคยมีน้ำอยู่เช่นกัน บนพื้นคือสิ่งของสีแดงเข้มรูปร่างประหนึ่งเม็ดทรายละเอียด ส่งกลิ่นขมฝาดเล็กน้อย

 

 

ขันทีคล้ายคุ้นเคยเส้นทางยิ่งนัก เขาพานางมุ่งตรงสู่ข้างในโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เดินไปไม่ถึงสองก้าวก็พบกับประตูบานหนึ่ง จิ่งเหิงปัวรู้ว่าลวดลายบนบานประตูนั้นคือพระอาทิตย์พระจันทร์ดวงดาวและแผนผังแปดทิศ

 

 

นางหวังอย่างยิ่งว่าบนประตูจะมีกับดักอะไรร่วงลงมากระแทกขันทีที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงคนนี้จนสิ้นชีพ น่าเสียดายว่าพอขันทีฉวยมือผลักประตูให้เปิดออกก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

 

 

พอประตูข้างหลังปิดลง นางก็ไม่ได้ยินน้ำเสียงที่มีพลังทะลุผ่านอย่างยิ่งของอีชีแล้ว ทำนองเดียวกัน ตอนนี้ต่อให้นางร้องตะโกนจนเสียงแหบแห้ง อีชีก็ไม่ได้ยินเช่นกัน

 

 

จิ่งเหิงปัวสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงพลางสังเกตสภาพการณ์รอบด้านอีกครั้ง

 

 

ตรงหน้าคล้ายเป็นห้องศิลาห้องหนึ่ง ไม่มีหน้าต่าง มีไข่มุกเรืองแสงแขวนอยู่เม็ดหนึ่ง แสงของไข่มุกเจือจางสาดส่องภายในห้องให้สว่างไสวรำไร ทว่าภายในห้องตกแต่งเรียบง่ายอย่างยิ่ง มีเพียงเตียงหลังหนึ่ง โต๊ะเสี่ยวจี่ตัวหนึ่งและเตาหลอมใบหนึ่ง โดยเฉพาะเตาหลอมตรงกลางนั้นก็ใหญ่โตจนแทบจะครอบครองพื้นที่ครึ่งห้องศิลา ดูท่าทางคล้ายเป็นสถานที่กลั่นยาอายุวัฒนะลับ

 

 

จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่ากำแพงรอบด้านแลดูแปลกประหลาด พอมองโดยละเอียดแล้วถึงพบว่าบนกำแพงคล้ายมีวัตถุสีแดงชั้นหนึ่ง ไม่เหมือนเลือดแต่คล้ายผงยาอะไรสักอย่าง ส่งกลิ่นประหลาดออกมา

 

 

บนกำแพงมีชุดนักพรตเต๋ากับแส้หางม้าแขวนอยู่ ซ้ำยังมีอุปกรณ์มาตรฐานจำพวกพิณและกระบี่ ที่นี่คล้ายเป็นสถานที่พักผ่อนกลั่นยาอายุวัฒนะของนักพรต คราวนี้จิ่งเหิงปัวถึงนึกขึ้นมาได้ว่ารูปแบบของตำหนักข้างบนแตกต่างจากตำหนักวังในเช่นกัน รูปแบบเหมือนอารามของศาสนาเต๋ามากกว่า ที่นี่คือสถานที่ที่นักพรตเคยอยู่หรือ? ทำไมต้องกลั่นยาอายุวัฒนะกันใต้ดินด้วย? ยาที่กลั่นออกมาค่อนข้างแปลกประหลาดลึกลับหรือ?

 

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่องราวในอดีตแล้ว ตอนนี้สิ่งที่แปลกประหลาดคือขันทีคนนี้

 

 

เขาลักพาตัวนางมายังสถานที่เงียบสงัดไร้ซึ่งความช่วยเหลือแห่งนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?

 

 

ความคิดนี้เพิ่งแล่นผ่านสมอง ครู่ต่อมามือของขันทีคนนั้นก็สะบัดเพียงครั้ง วางนางลงบนเตียงหลังนั้น

 

 

สวบ! เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวทับจนเตียงแคร่อ่อนยวบ นางเงยหน้าขึ้น เบิกตากว้างมองเห็นขันทีคนนั้นขยับเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า

 

 

ท่าทางแบบนั้น…ในสมองของนางมีเสียงดังครืน ไม่รู้ว่าประหลาดใจหรือผิดหวัง…ขันทีคนนี้ทำเรื่องอ้อมค้อมยอมลำบากลำบนขนาดนี้เพื่อสาวงามเหรอ?

 

 

ปัญหาคือตอนนี้นางไม่ได้มีใบหน้าดั้งเดิมน่ะสิ ใบหน้าที่แปลงโฉมแล้วเป็นเพียงสาวสวยระดับปานกลาง ขันทีคนนี้เสี่ยงอันตรายขนาดนี้เพียงเพราะต้องการหญิงสาวขนาดนี้เชียวเหรอ? เขาทำเรื่องแบบนี้หลายครั้งแล้วเหรอ อาศัยสถานที่ที่ค้นพบโดยบังเอิญแห่งนี้ปกปิดไว้เหรอ

 

 

พอนึกว่าเตียงที่อยู่ใต้ร่างตนเองหลังนี้อาจเคยเกิดเรื่องลักพาตัวข่มขืนขึ้น นางก็ขนลุกขึ้นมาทั่วร่าง รีบเร่งดิ้นรนลุกขึ้นโซเซพุ่งออกไปข้างนอก

 

 

เท้าเพิ่งแตะพื้นก็พลันรู้สึกว่าใต้ฝ่าเท้าลื่นไถล บนพื้นผิวคล้ายมีสิ่งของเหมือนเม็ดทรายละเอียดอยู่มากมาย ขันทีที่อยู่ข้างหลังคนนั้นเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นเสียงหนึ่ง หัวเราะจนนางขนพองสยองเกล้า นางยังไม่ทันได้ไถลออกไป คนคนนั้นก็ยกมือผลักนางครั้งหนึ่ง

 

 

นางกระแทกบนกำแพงเสียงดัง พลั่ก! ใบหน้าแนบชิดบนกำแพง สองมือคว้าลงไปตามธรรมชาติ รู้สึกเพียงแค่ว่าบนกำแพงมีสิ่งของอะไรร่วงหล่นลงมาดังซ่า สูดเข้ามาภายในจมูกโดยสำนึกหลายอึก

 

 

กลิ่นที่สูดเข้ามาในจมูกนั้นมีกลิ่นยา นางตื่นตระหนกกลัวว่าจะเป็นสิ่งของไม่ดีอะไร จึงรีบเงยหน้าขึ้นมา ข้างหลังมีเสียงลมดังฟิ้ว ขันทีคนนั้นพุ่งเข้ามาแล้ว

 

 

จิ่งเหิงปัวพลิกเรือนร่างหลีกถอยสามฉื่อขณะประชิดกำแพง ทว่าขันทีคนนั้นคล้ายงุ่มง่ามยิ่งนัก กระแทกบนกำแพงข้างกายนางดังพลั่ก หมอกแดงอีกผืนหนึ่งลอยฟุ้งขึ้นมาโดยพลัน จิ่งเหิงปัวหันหน้าหลบหลีก ใบหน้าของขันทียังไม่ทันได้เงยขึ้นมาก็เอื้อมมือเข้ามาคว้านาง จิ่งเหิงปัวยกเท้าเตะทันที ขันทีกะพริบวูบหลีกถอย

 

 

ปลายเท้าของจิ่งเหิงปัวเตะเพียงครั้งแล้วรู้สึกว่าผิดปกติ ใต้ฝ่าเท้ามีฝุ่นทราย พัดพาหมอกขาวผืนหนึ่งลอยขึ้นมาหลอมรวมผสมผสานกับหมอกแดงที่ถูกกระแทกออกมาจากบนกำแพง สีสันของไอควันแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น

 

 

นางรู้สึกกระวนกระวายอยากจะกลั้นหายใจ ขันทีคนนั้นพุ่งมาทางหน้าอกนางอีกครั้ง นางได้แต่รีบถอยหลัง กระแทกบนกำแพงอีกฝั่งหนึ่งดังพลั่ก ลมหายใจถี่กระชั้นด้วยเพราะเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง รีบร้อนสูดหายใจเข้าไปหลายอึก ไอควันผืนใหญ่ผืนหนึ่งเข้าสู่จมูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

นางรู้สึกได้ทันทีว่าในจมูกคันยุบยิบ ตามด้วยปากคอหอยร้อนผ่าวเจือรสชาติขมฝาดเหม็นคาว จากนั้นบริเวณท้องก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเช่นกัน ท่ามกลางความร้อนคล้ายยังมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง กล่าวได้ไม่เต็มปากว่าความรู้สึกนี้ดีหรือร้าย แต่แน่ใจได้ว่าไอควันฝุ่นชมพูเหล่านี้ไม่ใช่แค่ฝุ่นธุลีบนกำแพงแน่นอน

 

 

ตอนนี้ถ้าของสิ่งนี้มีพิษ นางต้องตายแน่

 

 

ในใจของจิ่งเหิงปัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้น รู้สึกแค่ว่าถ้าตนเองตายอยู่ที่นี่ถึงเรียกได้ว่าไม่คุ้มค่าของจริง แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องราวกลายเป็นแบบนี้แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ต้องลากไอ้เฒ่าบ้ากามคนนี้ลงโลงไปด้วยก่อน!

 

 

ไม่รู้ว่าด้วยเพราะความโกรธแค้นหรือสาเหตุอะไร ความเจ็บปวดจากยาพิษภายในร่างกายคล้ายถูกสะกดลงไปมาก ภายในร่างกายของนางมีพละกำลังขึ้นมาเล็กน้อย ยังไม่พอที่จะหายตัวและควบคุมสิ่งของทำร้ายคนอื่น แต่ต่อยคนอื่นอาจจะพอทำได้

 

 

ข้างหลังมีเสียงลมดังขึ้น ขันทีที่พยายามอย่างไม่ลดละผู้นั้นพุ่งเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เคลื่อนไหวคล่องแคล่วกว่าก่อนหน้านี้ มือหนึ่งคว้าหัวไหล่ของนางไว้

 

 

เรือนร่างของจิ่งเหิงปัวหดไปข้างหน้า นั่งยองครั้งหนึ่งควานกริชที่ซ่อนไว้บนน่องออกมาแล้ว แทงไปข้างหลังโดยไม่หันหน้ากลับไปมองด้วยซ้ำ

 

 

ขันทีพลิกร่างบนหลังนางเพื่อหลบหลีกกริช จิ่งเหิงปัวฉวยโอกาสพลิกตัวผ่านหลังของเขาเช่นกัน จากนั้นก็หงายมือแทงสันหลังของเขาครั้งหนึ่ง

 

 

ขันทีพลิกกายอีกครั้ง เรือนร่างยังไม่ทันได้ยืนนิ่ง นางพลิกตัวกลับมาอีกครั้งแล้ว กิริยาท่าทางปราดเปรียวคล่องแคล่ว สองคนอาศัยแผ่นหลังของอีกฝ่ายพลิกกายติดต่อกันสามครั้งภายในพื้นที่ห้องเล็กแคบ ดูท่าทางท่วงท่าดุจผีเสื้อโบยบินท่ามกลางไอควันฝุ่นชมพูมัวสลัว น่าดูชมยิ่งนัก

 

 

แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่มีความคิดชื่นชมทั้งนั้น หลังจากพลิกตัวสามครั้ง บนหน้าผากของจิ่งเหิงปัวก็มีเหงื่อซึมออกมา

 

 

ทักษะนี้ของนางเรียนรู้มาจากซือซือที่เก่งวิชาตัวเบาที่สุดในหมู่เจ็ดสังหาร ซือซือเชี่ยวชาญทักษะฝีมือประชิดตัว เอวของเขาแข็งแรงอย่างยิ่ง พลิกตัวกลับไปกลับมาบนหลังของคนอื่นได้หลายร้อยครั้ง แต่ตอนนี้กำลังกายของนางไม่เพียงพอจะทำได้ขนาดนั้น พลิกตัวติดต่อกันสามครั้งแบบนี้ได้นับว่าทำได้ดีกว่าปกติแล้ว

 

 

เมื่อพลิกตัวครั้งสุดท้ายใกล้จะลงสู่พื้น นางก็หยุดชะงักกะทันหัน หนามลับของแหวนในมือโผล่ออกมาแล้ว กำฝ่ามือเป็นกำปั้นแทงลงตรงกระดูกเชิงกรานของเขาอย่างรุนแรง!

 

 

ตอนนี้เขาหันหลังให้นาง มองไม่เห็นการกระทำของนางด้วยซ้ำ แค่ขีดข่วนหนังกำพร้าของเขาเพียงเล็กน้อย เขาจะพิการไปตลอดชีวิต!

 

 

ทว่าคนใต้ร่างพลันหายไป!

 

 

ครู่ต่อมามือของนางถูกคว้าไว้แล้ว!

 

 

อีกครู่ต่อมานางรู้สึกได้ว่านิ้วมือของเขาสะบัดผ่านหนังตาของนาง พริบตาที่ปลายนิ้วเฉียดผ่านหนังตาทำให้นางเหน็บหนาวสั่นสะท้าน ในใจคือความสิ้นหวังผืนหนึ่ง รอคอยจุดจบเสียดวงตาโลหิตกระเซ็นในครู่ต่อมา

 

 

พริบตาหนึ่งผ่านพ้น ปลายนิ้วไถลผ่านบนหนังตาของนางทอดลงบนบริเวณขมับของนาง นางรอคอยจุดจบถูกทะลวงขมับเป็นสองหลุมอีกครั้ง ทว่าปลายนิ้วนั้นเพียงแต่กดลงตรงตำแหน่งหนึ่งข้างขมับของนางอย่างแผ่วเบา

 

 

พอกดลงไปคราวนี้ นางรู้สึกแค่ว่าในสมองเจ็บปวดอย่างรุนแรง ความคิดสับสนวุ่นวาย ตรงหน้ามีดวงดาวพราวพร่าง แทบจะไม่มีทางครุ่นคิด แต่รู้สึกแค่ว่าเพียงพริบตาหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือของเขาลื่นไถลออกจากตำแหน่งสำคัญนั้นอีกครั้ง ทอดลงบนข้อมือของนาง

 

 

นางยังไม่ได้หลุดพ้นจากความรู้สึกปานร่างแหลกสลายเมื่อครู่หนึ่งนี้ กระทั่งถูกคว้าไว้แล้วยังไม่สังเกตเห็น คนที่อยู่ข้างหลังคว้ามือของนางไว้ ข้อมือของนางเจ็บปวดเหน็บชา กริชเหินออกมากระแทกบนเตาหลอมดังเคร้ง

 

 

คนคนนั้นยกนางขึ้นกวัดแกว่งแล้ววางนางลงบนเตียงอีกครั้ง

 

 

เตียงแคร่ดัง แอ๊ด อีกเสียงหนึ่ง สั่นไหวเล็กน้อย

 

 

ภายในห้องคล้ายสั่นสะเทือนไปด้วย