คืนนั้นหลินเฉี่ยนเก็บสร้อยคอแยกเอาไว้ ตอนนี้เธอรู้ความเป็นมาเบื้องหลังดวงดาราแห่งห้วงนิรันดร์แล้ว จึงไม่อาจรับมันไว้ได้ สร้อยคอเส้นนี้ได้ทำหน้าที่พิสูจน์ตัวตนของเธอแล้ว ก็ถึงคราวที่เธอต้องคืนมันกลับไป
เสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำเป็นสัญญาณว่าหลี่จิ่นกำลังอาบน้ำอยู่ หลินเฉี่ยนที่อยู่ในชุดคลุมนอนผ้าไหมสีแดงหันไปมองเตียงเรือนหอของพวกเขาทั้งสองคน
สีหน้าของเธอพลันขึ้นสีระเรื่อ เธอผ่านพิธีแต่งงานมาแล้วจึงรู้ถึงสิ่งที่จะตามมาต่อจากนี้
ไม่นานหลี่จิ่นก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างไร้ซึ่งเสื้อผ้าติดกายท่อนบน เมื่อเห็นว่าหลินเฉี่ยนกำลังเก็บห้องอยู่ ชายหนุ่มก็เข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลัง “เลิกจัดของได้แล้วครับ ไปพักผ่อนกันนะ โอเคไหมครับ”
หลินเฉี่ยนเข้าใจความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขา เธอจึงวางของในมือลง
เมื่อเห็นดังนั้นหลี่จิ่นช้อนตัวเธออุ้มและวางเธอลงบนเตียงนุ่มทันที เขาต้องออกไปตอนตีห้าจึงต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า
“ในที่สุดคุณก็เป็นภรรยาของผมแล้ว…” หลี่จิ่นเอ่ยพึมพำแนบชิดริมฝีปากของเธอ “แต่ว่า เฉี่ยนเฉี่ยน แต่งงานกับผม ผมอาจอยู่เคียงข้างคุณไม่ได้ตลอดเวลานะครับ”
หลินเฉี่ยนเข้าใจเรื่องนี้พลางโอบแขนรอบลำคอของเขา “ไปทำหน้าที่ของคุณเถอะค่ะ ฉันจะดูแลเรื่องที่บ้านเอง”
ไม่มีคำใดจำเป็นสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาอีกแล้ว เขาโน้มกายแนบชิดและมอบจุมพิตลึกซึ้งให้เธอ…
ด้านนอกห้องนอน คุณนายหลี่แนบหูแอบฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องด้วยท่าทีตื่นเต้นเสียเหลือเกิน
คุณพ่อหลี่นึกระอากับการกระทำของเธอ
“ตาแก่ ฉันว่าเราอาจมีหลานเร็วๆ นี้นี่แหละ”
คุณพ่อหลี่ปรายตามองเธอก่อนลากอีกฝ่ายกลับไปที่ห้องของพวกเขา มีแม่คนไหนแอบฟังลูกชายที่เพิ่งแต่งงานกัน เธอไม่เขินอายบ้างเลยหรือ แน่นอนว่าคุณนายหลี่มีแต่ความสุขจนล้นอกเท่านั้น
ทว่าในคืนนั้นในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับงานแต่งงานของหลินเฉี่ยน ไม่มีใครทันรู้ตัวว่าเฝิงจิ้งใช้ให้ลูกชายของลัวอิงหงมาหลอกเอาเงินแม่ของตัวเอง ทั้งคู่นัดพบกันที่สนามบินเพื่อหนีไปต่างประเทศด้วยกัน หลังจากรู้ว่าลูกชายขโมยเงินของเธอไป ลัวอิงหงก็ติดต่อเพื่อนของลูกชายเพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ไหน ก่อนรีบบุกไปที่สนามบินทันที
ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ขึ้นเครื่องบินไป ลัวอิงหงรู้ไฟลต์บินและรั้งพวกเขาไว้ที่หน้าประตูรักษาความปลอดภัยได้ทัน
ในตอนนี้ลัวอิงหงไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธออีกต่อไป ขณะที่กระชากหน้ากากของเฝิงจิ้งออกก่อนฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย…
แน่นอนว่าเรื่องนี้ปรากฏเป็นพาดหัวข่าวในวันถัดมา เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นกลางดึก ลัวอิงหงจึงไม่ทันได้ติดต่อถังหนิง
จากนั้นเฝิงจิ้งไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการบาดเจ็บ และประกาศว่าจะแจ้งความลัวอิงหงในข้อหาทำร้ายร่างกายเธอ
ในขณะเดียวกันลูกชายของลัวอิงหงเอาแต่ตามเธอต้อยๆ อย่างกับคนใช้
เขาผิดหวังเล็กน้อยเพียงชั่วขณะเท่านั้น
นักข่าวมารวมตัวกันที่โรงพยาบาลก่อนเฝิงจิ้งจะยอมให้สัมภาษณ์ หากแต่ลัวอิงหงไม่ได้หนีไปไหน เธอแฝงตัวอยู่แถวนั้นขณะที่มองเฝิงจิ้งร่ำไห้จนตาบวมต่อหน้ากล้องก่อนจะก้าวออกมาต่อหน้าทุกคน
“ดูสิ นั่นลัวอิงหงล่ะ…”
ระหว่างที่นักข่าวกำลังคอยเฝ้ามองอยู่ ลัวอิงหงก็ถามเฝิงจิ้งออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม “เธอได้แต่ร้องไห้คร่ำครวญว่าฉันทำร้ายเธอ แต่ได้อธิบายหรือเปล่าว่าทำไมฉันถึงทำอย่างนั้น”
เฝิงจิ้งชะงักพร้อมสายตาที่ส่อพิรุธ
ครั้งนี้ลัวอิงหงไม่ยอมถอยพลางเดินตรงไปทางลูกชายของเธอและคว้ากระเป๋ามาจากมือเขา จากนั้นจึงล้วงบัตรเครดิตสีทองออกมาแสดงต่อหน้ากองทัพนักข่าว “ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอเป็นผู้ช่วยของฉัน เธอก็แย่งทั้งงาน ตำแหน่งนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม และชีวิตของฉันไป แต่ฉันไม่เคยคิดจะแก้แค้นเธออย่างจริงจังเลย
“ตอนนี้เธอยังพยายามแย่งลูกชายของฉันกับเงินของฉันไปอีก…
“เธอกล้าพอที่จะยอมรับความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายข้างๆ หรือเปล่าล่ะ”
นักข่าวต่างตกตะลึงในขณะที่พวกเขาเริ่มถ่ายภาพของเฝิงจิ้งรัวๆ คำพูดของลัวอิงหงได้กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา
เธอพูดว่าอะไรกัน เธอเพิ่งบอกว่าเฝิงจิ้งล่อลวงลูกชายของเธอหรือ และเฝิงจิ้งยังขโมยเงินของเธอไปอีกอย่างนั้นหรือ
เฝิงจิ้งมองชายหนุ่มข้างกายและพูดอะไรไม่ออก ไม่มีคำปฏิเสธว่าพวกเขาใกล้ชิดสนิทสนมกัน หากแต่เธอไม่คิดว่าลัวอิงหงที่ปกป้องชื่อเสียงของลูกชายตัวเองมาตลอดจะเป็นฝ่ายออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เสียเอง
“แม่ครับ อย่าคิดไปไกลสิครับ เฝิงจิ้งกับผมรักกันจริงๆ นะ แล้วมันจะผิดอะไรล่ะครับ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากเขา บรรดานักข่าวก็กรูกันเข้ารายล้อมคนทั้งคู่ ลัวอิงหงว่าเย้ยหยันกลับมาเป็นคำตอบ “ฉันบอกเธอเมื่อนานมาแล้วว่าเธอจะทำอะไรก็ตามใจ ถ้าหลงนังนี่นักก็ไสหัวไปซะ แต่…” ลัวอิงหงชูบัตรเครดิตของเธอขึ้นมาก่อนเอ่ยต่อ “เธอไม่ควรขโมยเงินของฉันเพื่อผู้หญิงคนนั้น ถ้าเก่งนักก็หาเงินไปปรนเปรอเธอด้วยตัวเองซะสิ!”
“แม่เป็นแม่ของผมนะ เงินของแม่ก็หามาเพื่อผมนี่! เดี๋ยวอีกหน่อยมันก็จะเป็นของผมอยู่แล้ว ทำไมผมจะเอามาใช้ก่อนไม่ได้ล่ะครับ”
“ฝันไปเถอะ! ฉันเอาไปบริจาคให้มูลนิธิยังดีกว่าให้เธอเลย ขอให้โชคดีแล้วกัน” พูดจบลัวอิงหงก็หันหลังเชิดหน้าเดินจากไปท่ามกลางฝูงชน
ด้วยในตอนนี้เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอไม่ต้องการลูกชายของเธออีกต่อไป…
…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องใหญ่โต หากแต่ผู้คนกลับไม่คิดว่าลัวอิงหงเป็นฝ่ายผิด
แม้ว่าเธอจะเป็นคนลงมือก่อน ทว่าสื่อได้เปิดเผยว่าเฝิงจิ้งไม่เพียงแต่จะแย่งชิงชีวิตและลูกชายของเธอไป ยังล่อลวงให้ลูกชายของเธอหนีไปกับเธอและกล่อมให้เขาขโมยเงินของลัวอิงหงอีกด้วย หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น พวกเขาอาจจะสับเธอเป็นชิ้นๆ แล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงเข้าข้างลัวอิงหงและเชื่อว่าการกระทำของเธอมีเหตุผลและเด็ดขาด
กว่าถังหนิงจะรู้เรื่องนี้ในตอนเช้า ลัวอิงหงก็กลับจากโรงพยาบาลมาถึงจู้ซิงมีเดียแล้ว เมื่อเห็นถังหนิง เธอเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ ฉันห้ามใจตัวเองไม่ไหว”
“คุณอดทนได้ดีแล้วค่ะ” ถังหนิงว่าขึ้นพลางโอบกอดอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องที่เหลือเองค่ะ พี่หง คุณยังอายุไม่มากและมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ลูกชายของคุณเองก็อายุยี่สิบสองแล้ว เขาควรรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองค่ะ…”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่ยอมใจอ่อนแน่นอนค่ะ”
ถังหนิงพยักหน้ารับ เธอรู้ว่ากว่าที่เฝิงจิ้งจะทำร้ายจิตใจของลูกชายลัวอิงหง แม่ของเขากลับถูกเขาทำร้ายมาตลอด ดังนั้นนับจากนี้ไปเธอจะปฏิบัติกับลูกชายเหมือนเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่
ด้วยคำยืนกรานของลัวอิงหง ความกังวลในใจของถังหนิงจึงเลือนหายไป
ทุกๆ ความเจ็บปวดที่เฝิงจิ้งสร้างไว้ รวมถึงวันเวลาและรายละเอียดที่เธอได้แย่งชิงไปจากลัวอิงหงได้บันทึกสลักไว้ในความทรงจำราวกับแผ่นหิน และเธอพร้อมที่จะทวงคืนกลับคืนมาแล้ว
แม้ว่าทุกคนจะรุมประณามเฝิงจิ้งจนเธอดูน่าสมเพช จู้ซิงมีเดียก็ยังคงต้องการควบคุมสถานการณ์เพื่อศิลปินของพวกเขา อย่างน้อยพวกเขาต้องทำให้ทุกคนรู้ถึงธาตุแท้ของเฝิงจิ้ง
[วิดีโอที่ลัวอิงหงบุกไปตอบโต้ที่โรงพยาบาลน่าดูจริงๆ แหละ]
[เฝิงจิ้งเป็นภัยร้ายของสังคม ฉันขอให้เธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างน่าสมเพช]
[เธอกล้าไปแย่งลูกชายของคนอื่นได้ยังไงกัน ยิ่งเป็นลูกชายที่อายุห่างกันขนาดนั้นด้วย…]
[จู้ซิงมีเดียควรฟ้องร้องคนแบบนี้ซะ!]