21 เขาคือประธานกรรมการ

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 21 เขาคือประธานกรรมการ

เย่เฉินหยัดตัวขึ้นอย่างเนิบนาบท่ามกลางสายตาเหลือเชื่อของทุกคน

สายตาทุกคู่ที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงล้วนจับจ้องอยู่ที่เขา

“เย่เฉิน แกทำอะไรน่ะ! นั่งลงเดี๋ยวนี้!” หม่าหลันตกใจจนต้องรีบเอ่ยเตือนสติ

เขาก็ไม่รู้จักดูสถานที่เลย! ผู้อาวุโสตั้งมากมายที่อยู่ในงานยังไม่มีใครกล้าลุกขึ้น ลูกเขยไร้ค่าอย่างเย่เฉินจะมาไม้ไหนกัน!

ส่วนหวังเหวินข่ายและหวังเหวินเฟยก็สบสายตากันพลางคิดในใจว่าเขาคงไม่ใช่ประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ปจริงๆใช่ไหม?

ทว่าชั่วอึดใจทั้งสองต่างก็ส่ายหน้า

เป็นไปไม่ได้ หากเขาคือประธานกรรมการของตี้เหาจริง ทำไมถึงถูกหม่าหลันด่าจนเสียหมาแบบนั้นล่ะ?

“สวะอย่างแกจะทำอะไร! ยังไม่รีบนั่งลงอีก!” เซียวไห่หลงที่ยืนอยู่บนเวทีตะโกนขึ้นมาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม

เย่เฉินปรายตามองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหวังตงเสวี่ยนโดยไม่สนใจสายตาตกตะลึงของทุกคน ก่อนจะกระซิบเสียงเบาสองสามประโยค

หวังตงเสวี่ยนตั้งใจฟังพลางพยักหน้าเบาๆ

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดอย่างฉับพลัน

หวังตงเสวี่ยน! รองประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ป สาวสวยผู้โด่งดังของเมืองจินหลิง! ลูกเขยสวะอย่างเย่เฉินไปรู้จักกับเธอได้อย่างไร? อีกทั้งทั้งสองคนยังดูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา

หลังจากพูดจบ เย่เฉินก็ไม่สนใจสายตาของทุกคน ทว่าเดินตามเซียวชูหรันออกจากห้องจัดเลี้ยงไป

ส่วนหวังตงเสวี่ยนกลับลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปบนเวทีรับไมโครโฟนมา ก่อนจะเอ่ยปากท่ามกลางสายตามึนงงของทุกคน “สวัสดีค่ะ ดิฉันคือหวังตงเสวี่ยน ก่อนหน้านี้คุณเย่เฉินเจอกับท่านประธานของเรา ท่านประธานจึงฝากเขามาบอกดิฉันประโยคหนึ่ง”

เมื่อทุกคนได้ยินว่าเย่เฉินไม่ใช่ประธานกรรมการของตี้เหากรุ๊ปก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง

หวังเหวินข่ายโล่งอก ก่อนจะเอ่ยดูแคลนเสียงเบา “แค่บังเอิญเจอเค้าครั้งเดียวก็ไปประจบผู้ช่วยเค้าแล้ว ขยะจริงๆ”

หวังเหวินเฟยยักไหล่สองสามทีพลางเอ่ยแกมหัวเราะ “คนชั้นต่ำก็แบบนี้แหละ”

ขณะนั้นเอง หวังตงเสวี่ยนที่อยู่บนเวทีก็กวาดสายตามองไปยังนายหญิงใหญ่เซียวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นยะเยือก “ท่านประธานให้ดิฉันมาแจ้งทุกคนว่า……”

“ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ตี้เหากรุ๊ปจะยุติสัญญากับตระกูลเซียว สัญญาที่ลงนามไปแล้วนั้นถือเป็นโมฆะ!”

“ห๊ะ!”

ฉับพลันกลุ่มคนก็ฮือฮา ทุกคนล้วนคิดไม่ถึงว่าหวังตงเสวี่ยนจะพูดแบบนี้ออกมา

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนอ้าปากหวอ

นายหญิงใหญ่เซียวหน้าซีดอย่างฉับพลันก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนรน “รองประธานหวัง เป็นเพราะอะไรกัน? ทางตระกูลเซียวของเราทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”

วันนี้เธอเชิญบุคคลมีหน้ามีตาของเมืองจินหลิงมาก็เพราะหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ในการสร้างชื่อเสียงในเมืองจินหลิง

หากชวดสัญญาท่ามกลางสายตาของทุกคนแบบนี้ เกรงว่าตระกูลเซียวคงถูกทุกคนเหยียบอยู่ใต้เท้า

หวังตงเสวี่ยนเอ่ย “เดิมทีโครงการนี้เกิดจากการที่ท่านประธานของเรายอมรับในตัวคุณเซียวชูหรันถึงได้ร่วมมือกับพวกคุณ ทว่าพวกคุณกลับเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ว่ารับผิดชอบโครงการนี้โดยพลการ ขอโทษค่ะ พวกเราไม่ยอมรับ!”

เอ่ยจบ หวังตงเสวี่ยนก็วางไมโครโฟนลงแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

นายหญิงใหญ่เซียวหน้าซีดเผือด ฉับพลันก็ทรุดตัวลงกับพื้นบนเวที

เธอไม่เคยคิดเลยว่าเพราะความฉลาดชั่ววูบของตนเองจะทำให้พลาดโอกาสที่สำคัญแบบนี้!

หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ให้ตายเธอก็ไม่มีทางยอมให้เซียวไห่หลงรับตำแหน่งผู้อำนวยการแทนเซียวชูหรันแน่นอน

ตอนนี้เซียวไห่หลงก็มึนงงไม่แพ้กัน เกิดอะไรขึ้น? เหมือนว่าหวังตงเสวี่ยนจะไม่ชอบเธอ แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยมีเรื่องกับอีกฝ่ายนี่!

เซียวไห่หลงจึงอดที่จะเอ่ยถามนายหญิงใหญ่เซียวไม่ได้ “คุณย่า ตำแหน่งของผู้อำนวยการประกาศไปแล้ว คุณย่าคงจะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?”

นายหญิงใหญ่เซียวขืนตัวยืนขึ้น ยกมือขึ้นมาตบหน้าเขาทีหนึ่ง ก่อนจะด่าอย่างโมโห “เลว ตอนนี้แกยังมีแก่ใจมาสนใจตำแหน่งผู้อำนวยการนี่อีกหรือ! ยังไม่รีบไปขอร้องชูหรันอีก!”

……

หลังจากที่เย่เฉินตามออกมาก็พบว่าความจริงแล้วเซียวชูหรันไม่ได้ไปไหนไกล แต่กลับไปนั่งร้องไห้อยู่ในมุมอับข้างโรงแรมนี่เอง

เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถอดเสื้อสูทไปคลุมตัวเซียวชูหรันพลางเอ่ย “ที่รัก อย่าเสียใจไปเลย ตำแหน่งผู้อำนวยการของตระกูลเซียวไม่ได้มีค่าอะไรเสียหน่อย ไม่ได้ตำแหน่งก็ไม่เป็นไร……”

“คุณไม่เข้าใจ หากฉันได้เป็นผู้อำนวยการ พ่อแม่ของฉันก็จะอยู่ในตระกูลเซียวได้อย่างสบายใจขึ้น คุณย่ากลับคำแบบนี้ได้ยังไง……” เซียวชูหรันเอ่ยเสียงสะอึกสะอื้น

เย่เฉินเอ่ยปลอบใจต่อ “ไม่แน่อีกเดี๋ยวพวกเขาอาจจะมาขอร้องให้คุณไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการก็ได้ คุณร้องไห้แบบนี้เดี๋ยวขึ้นเวทีแล้วไม่สวยนะ……”

เซียวชูหรันเยเสียงอู้อี้ “จะเป็นไปได้ยังไง คุณย่าประกาศไปแล้วคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ คุณเข้าไปก่อนเถอะ ฉันก็อยู่คนเดียวสักพัก……”

ขณะนั้นเองนายหญิงใหญ่เซียวและเซียวไห่หลงก็วิ่งออกมาจากห้องจัดเลี้ยง

นายหญิงใหญ่อายุมากแล้วจึงหายใจไม่ค่อยทันนัก ด้านหลังของเธอมีคนจำนวนหนึ่งตามออกมาดูเรื่องสนุกด้วย

เมื่อเซียวไห่หลงเดินออกมาก็เห็นเย่เฉินและเซียวชูหรัน

เขารีบวิ่งมาหาก่อนจะก้มหน้ามองเซียวชูหรันที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตาพลางเอ่ย “ชูหรัน รีบตามรองประธานหวังไปเร็วเข้า ขอให้เธออย่ายุติสัญญาของเรา!”

เซียวชูหรันทำหน้างง “ยุติสัญญาอย่างนั้นหรือ? ทำไมล่ะ?”

เซียวไห่หลงเอ่ยอย่างมีน้ำโห “เธอยังมีหน้ามาทำตัวใสซื่อต่อหน้าฉันอีก เป็นเธอใช่ไหมที่บงการให้รองประธานหวังทำให้ฉันต้องขายหน้า หากเธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่!”

เพียะ!

นายหญิงใหญ่เซียวตบหน้าเซียวไห่หลงด้วยความโมโหอีกครั้ง ก่อนเอ่ยปากด่า “ไอ้สารเลว แกพูดแบบนี้กับน้องสาวแกได้ยังไง! หล่อนต่างหากที่เป็นผู้อำนวยการของบริษัทเซียวซื่อ!”

เซียวไห่หลงร้อนรน “คุณย่า……ไหนบอกว่าให้ผมรับตำแหน่งผู้อำนวยการไม่ใช่หรือ?”

นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยอย่างมีน้ำโห “หากไม่ใช่เพราะแกวางยาฉัน ฉันจะเปลี่ยนใจกะทันหันได้ยังไง ถ้าแกยังตอแยไม่หยุดก็ออกจากตระกูลเซียวไปซะ!”

โดนนายหญิงใหญ่ตบหน้าไปสองครั้ง เซียวไห่หลงโมโหจนถึงขีดสุด ทว่าก็ไม่กล้ามีปากมีเสียงทำได้เพียงอดทนอดกลั้นไว้เท่านั้น

ตอนนี้นายหญิงใหย่เซียวกลับหันไปเอ่ยกับเซียวชูหรัน “ชูหรัน ย่าขอร้องล่ะ ตอนนี้แกคือผู้อำนวยการของบริษัทเซียวซื่อ รีบตามไปอธิบายกับรองประธานหวังเถอะ ตระกูลเซียวของเราแย่แล้ว!”

ชูหรันหันไปมองเย่เฉินด้วยความมึนงงและสงสัย

เย่เฉินยักไหล่พลางเอ่ย “ผมบอกแล้ว เดี๋ยวพวกเขาจะต้องมาขอร้องให้คุณกลับไปเป็นผู้อำนวยการ คุณก็ไม่เชื่อผม เห็นไหม ร้องไห้จนหน้าเลอะไปหมดแล้ว……”

เซียวชูหรันหน้าแดงอย่างเขินอาย เช็ดน้ำตาก่อนเอ่ย “อย่างนั้นฉันจะลองติดต่อทางตี้เหาดู”

เอ่ยจบก็ต่อสายหาหวังตงเสวี่ยนทันที

ตอนนี้สายตาขงทุกคนล้วนจับจ้องอยู่ที่เธอ

ผ่านไปสักพักอีกฝ่ายก็รับสาย เซียวชูหรันจึงเอ่ยปากขึ้น “สวัสดีค่ะรองประธานหวัง คุณย่าให้ฉันมาอธิบายกับคุณค่ะ ฉันจะยังคงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของตระกูลเซียวเพื่อรับผิดชอบความร่วมมือกับทางตี้เหา คุณให้โอกาสเราอีกสักครั้งได้ไหมคะ……”

หวังตงเสวี่ยนหัวเราะเล็กน้อยพลางเอ่ย “หากคุณเป็นผู้อำนวยการ อีกทั้งยังเป็นผู้รับผิดชอบโครงการอยู่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ สัญญายังดำเนินต่อไปได้ แต่หากเป็นคนอื่นล่ะก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก……”

“ขอบคุณมากนะคะรองประธานหวัง……”

เซียวชูหรันยังคงคลางแคลงใจกับเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบราวกับว่าตี้เหากรุ๊ปมาเพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะอย่างนั้นแหละ นี่มันผิดปกติเกินไป

หวังตงเสวี่ยนเอ่ยแกมหัวเราะ “นี่เป็นคำสั่งของท่านประธาน หากมีโอกาสท่านประธานจะอธิบายให้คุณทราบด้วยตัวเอง……”

เซียวชูหรันคลางแคลงใจมากกว่าเดิม ประธานกรรมการของอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ เธอไม่เคยเจอเขาเลยด้วยซ้ำ ทำไมอีกฝ่ายถึงช่วยเหลือเธอกัน?

“เอ่อ อย่างนั้นเชิญคุณกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยงอีกครั้งได้ไหมคะ?” เซียวชูหรันเอ่ยถามอย่างประหม่า

อีกฝ่ายจากไปพร้อมกับความโกรธ เห็นได้ชัดว่าตระกูลเซียวทำให้อีกฝ่ายโกรธ ตอนนี้กลับเชิญอีกฝ่ายกลับมาอีกครั้งจึงดูเป็นฝืนใจอีกฝ่ายชอบกล

ทว่าเธอคิดไม่ถึงเลยว่าทางหวังตงเสวี่ยนจะตอบรับอย่างรวดเร็ว

ชั่วอึดใจ ทุกคนก็เห็นรถของหวังตงเสวี่ยนย้อนกลับมายังประตูโรงแรมอีกครั้ง

ฉับพลันสายตาของทุกคนที่จับจ้องเซียวชูหรันอยู่เต็มไปด้วยความเคารพและเกรงกลัวในเวลาเดียวกัน