บทที่ 352 สร้างห้องเปียโน

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 352 สร้างห้องเปียโน

บทที่ 352 สร้างห้องเปียโน

หกโมงเย็น

เมื่อหลี่หรงพาถวนถวนกลับมาถึงคอนโด ห้องของอวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงล็อกแน่น

ตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการทะลวงระดับการบ่มเพาะ ทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ

อันที่จริง ต่อให้ประตูจะไม่ได้ล็อก แต่ด้วยความหนาแน่นของพลังวิญญาณด้านใน หากคนธรรมดาจะเปิดประตูเข้าไปก็คงไม่สามารถเปิดได้อยู่ดี

หลังจากดูดซับโบราณวัตถุทีละชิ้นจนหมด พลังวิญญาณในร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หนาแน่นจนเข้าสู่จุดปะทุ!

ทันใดนั้น!

การไหลเข้าของพลังวิญญาณจำนวนมาก ได้ส่งผลให้ทะเลวิญญาณในตันเถียนของอวี้ฮ่าวหรานระเบิดออกครั้งใหญ่คล้ายกับเหตุการณ์บิ๊กแบง จากนั้นมวลพลังวิญญาณจำนวนมหาศาลที่ฟุ้งกระจายในจุดตันเถียนก็ค่อย ๆ ควบแน่นกันก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายดวงดาว

“เฮ้อ…ในที่สุดก็ทะลวงสำเร็จ”

อวี้ฮ่าวหรานลืมตาขึ้นและถอนหายใจยาว

ในเวลานี้ ระดับการบ่มเพาะของชายหนุ่มได้มาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน และเมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งคิดถึงหลี่เม่ยมากยิ่งขึ้นไปอีก

เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่กลับมายังโลกมนุษย์ และเขาพยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตัวเอง

แต่จนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มก็ยังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับภรรยาของตัวเองเลย และในแง่ของความแข็งแกร่งของตัวเองในปัจจุบัน มันยังเร็วเกินไปที่จะสามารถท่องโลกนี้ไปทั่วได้อย่างปลอดภัย

หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ชายหนุ่มก็เปิดประตูออกจากห้องของตัวเอง

ในห้องนั่งเล่นมีกลิ่นอาหารหอม ๆ ตลบอบอวลไปทั่ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่า หลี่หรงได้เตรียมอาหารมื้ออร่อยไว้บนโต๊ะแล้ว

“พี่เขยในที่สุดพี่ก็ออกมาสักที มาเร็ว มากินข้าวได้แล้ว”

เมื่อพี่เขยของเธอออกมาจากห้องเธอก็เอ่ยทักเขาทันที

“โทษทีที่วันนี้ต้องให้เธอลำบากไปรับถวนถวน ทั้ง ๆ ที่เธอต้องกลับมาทำอาหารต่ออีกแบบนี้”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวขอโทษ แต่การทะลวงระดับเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลาและสมาธิเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถละทิ้งกลางคันและออกไปรับถวนถวนได้อย่างปกติเหมือนเช่นทุกวัน

อย่างไรก็ตาม หลี่หรงก็ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างอยู่บ้าง เธอจึงไม่รบกวนเขาเลยในระหว่างที่ชายหนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง

“ไม่เป็นไรพี่เขย ช่วงนี้ฉันไม่ได้ยุ่งเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ที่พี่มาช่วยจัดการปัญหาในบริษัทให้ฉัน บริษัทของฉันก็เลยสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นมากกว่าเดิมจนฉันไม่ต้องปวดหัวอีกเลย”

หลี่หรงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร กลับกันเธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นด้วยซ้ำที่ได้แบ่งเบาภาระให้อวี้ฮ่าวหราน

“พ่อจ๋า!”

ในขณะเดียวกันนี้ ถวนถวนก็วิ่งออกจากห้องของตัวเองมาพร้อมกับมือที่ถือขนม และตามมาด้วยสุนัขสองตัวที่คล้ายคลึงกัน

“พ่อจ๋า ถวนถวนอยากบอกข่าวดีกับพ่อ!”

เด็กน้อยในเวลานี้แสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างแปลกประหลาด

“หืม? เรื่องอะไรเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานบังเกิดความสนใจ หลี่หรงก็ยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้

“พี่เขย นั่งลงกินข้าวก่อนเถอะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเดี๋ยวฉันอธิบายเอง” เธอส่งชามข้าวให้ชายหนุ่มก่อน แล้วพูดต่อว่า “ครูสอนเปียโนเห็นว่าถวนถวนมีพรสวรรค์ในด้านเปียโนมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ ดังนั้น เธอจึงอยากให้ถวนถวนเข้าร่วมการแข่งขันเปียโนระดับเยาวชนที่กำลังจะจัดขึ้นในเมือง”

“การแข่งขันเปียโน?”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็หันไปมองลูกสาวของตัวเองด้วยความประหลาดใจ

“เอาสิ! ในเมื่อถวนถวนมีความสามารถจนครูเห็นแววขนาดนี้ ถ้างั้นก็ไปแข่งกันเลย!”

ในตอนแรกเขาไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องเรียนเปียโนของถวนถวน ชายหนุ่มแค่ให้ถวนถวนไปเรียนเพราะไม่อยากขัดใจหลี่หรงก็แค่นั้น ใครจะไปนึกว่าลูกสาวของเขาจะเก่งจนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้แบบนี้?

“คุณครูหลิวบอกว่าถวนถวนน่าทึ่งมาก หลังจากที่เรียนได้แค่เพียงหนึ่งเดือน ถวนถวนก็เก่งกว่าเด็กคนอื่นที่เรียนมาเป็นปีซะอีก”

ถวนถวนเข้ามาใกล้ในขณะนี้ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่วิจิตรงดงามราวกับตุ๊กตา ก็แสดงสีหน้าอย่างมีชัย

“ฮ่า ๆ! เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ลูกสาวของอวี้ฮ่าวหรานย่อมเหนือกว่าคนอื่น ๆ”

อวี้ฮ่าวหรานปรบมือ

เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นี้ หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม

หลังอาหารเย็น อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็พูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันเปียโนต่ออีกสักพัก และหลังจากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็กลับเข้าห้องเพื่อบ่มเพาะอีกรอบ

เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งทะลวงระดับมาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตก่อรากฐาน เขาจึงจำเป็นต้องปรับรากฐานการบ่มเพาะของตัวเองให้มั่นคง

เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ฮ่าวหรานส่งถวนถวนไปเรียนเปียโนเช่นเคย แต่เมื่อเขาเห็นหลิวว่านฉิง เขาก็ถามเกี่ยวกับการแข่งขันเปียโน

ในห้องพักครู

“ใช่ ถวนถวน มีพรสวรรค์จริง ๆ มือของเธอคล่องแคล่วมาก ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนไหนที่มีความสามารถขนาดนี้มาก่อน”

หลิวว่านฉิงไม่ลังเลที่จะเอ่ยชมความสามารถของถวนถวนในเวลานี้

“เธอเป็นเด็กหัวไวที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลยทีเดียว”

“เอาละ ขอบคุณที่ครูหลิวส่งเสริมลูกของผมเสมอมา ว่าแต่การแข่งจะเริ่มเมื่อไหร่”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ลูกสาวของเทพฮ่าวหรานนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนธรรมดา

“การแข่งขันจะเริ่มวันมะรืนนี้ และเมื่อการแข่งขันนี้จบลงมันก็จะเป็นช่วงเดียวกับที่คลาสเปียโนภาคฤดูร้อนของเราสิ้นสุดลง”

หลิวว่านชิงตอบกลับ

“ยิ่งไปกว่านั้นมันจะดีที่สุด หากผู้ปกครองจริงจังกับเรื่องนี้มากสักหน่อย พรุ่งนี้ชั้นเรียนเปียโนจะหยุดหนึ่งวัน ดังนั้นในวันพรุ่งนี้คุณควรพาถวนถวนไปฝึกซ้อมต่อด้วย เพื่อช่วยให้ถวนถวนทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นในวันแข่งขัน”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เอ่ยคำอำลาและจากไป

หลังจากส่งลูกสาวของตัวเองเรียบร้อย เขาก็ขับรถตรงไปที่บริษัทของตัวเอง

ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการในวันนี้

ในออฟฟิศ อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเรื่องของถวนถวนและเปียโน

การฝึกซ้อมที่คอนโดอาจมีเสียงดังจนทำให้เพื่อนบ้านร้องเรียนได้ แถมสถานที่มันก็เล็กไปสักหน่อยกับการนำเปียโนตัวใหญ่ไปวาง

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงเรียกผู้จัดการหวังให้เข้ามาหา

“ผมต้องการให้บริษัทของเรามีห้องเปียโน ผมต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อยในวันนี้”

“หา?”

ผู้จัดการหวังตกตะลึงทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งนี้

พวกเขาเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกล การมีห้องเปียโนในบริษัทมันจึงดูแปลกสุดกู่!

“ท…ท่านประธาน นี่คุณพูดจริงงั้นเหรอ?”

เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“ผมจริงจัง! ยิ่งไปกว่านั้นผมต้องการให้ห้องเปียโนสมบูรณ์แบบที่สุด เอาแบบที่มืออาชีพใช้งาน!”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ายืนยันอีกครั้ง สีหน้าของเขาแน่วแน่มาก

“ลูกสาวของผม ถวนถวนมีพรสวรรค์ในด้านเปียโน ดังนั้นในอนาคตผมอาจจะให้ลูกสาวมาซ้อมที่นี่”

เนื่องจากการซื้อเปียโนไปไว้ที่คอนโดไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงแก้ปัญหาโดยการสร้างห้องเปียโนในบริษัทมันซะเลย

ผู้จัดการหวังพูดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้

ประธานของเขาตามใจลูกมากเกินไปหน่อยไหม? พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองชอบไปเล่นที่สวนสนุก ประธานของเขาก็สร้างสวนสนุกในบริษัทขึ้นมา และมาตอนนี้พอเห็นว่าลูกสาวของตัวเองไปเรียนเปียโนมาแล้วดันเก่ง ประธานของเขาก็สั่งให้สร้างห้องเปียโน…

“รับทราบครับท่านประธาน! ไม่มีปัญหา บริษัทมีห้องเก็บเสียงที่สร้างเสร็จเอาไว้อยู่แล้ว เราแค่ต้องปรับเปลี่ยนมันนิดหน่อย วันนี้วันเดียวก็น่าจะเสร็จ”

อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการหวังก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ ตอนนี้กิจการบริษัทกำลังไปได้สวยมาก ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อย

ในตอนเย็น เมื่ออวี้ฮ่าวหรานไปรับถวนถวน เขาก็บอกข่าวดีกับลูกสาวของตัวเอง

“จริงเหรอ พ่อจ๋า! หนูจะมีเปียโนเป็นของตัวเองงั้นเหรอ!”

เด็กน้อยรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจากเรียนเปียโนมาได้เป็นเดือน เธอก็ตกหลุมรักเปียโนเข้าเต็มเปา

“แน่นอน!”

อวี้ฮ่าวหรานยืนยัน