บทที่ 421

บทที่ 421

ตามคำสั่งของถังหยิน หลีเทียนและอัยเจียก็พลันทำการปล่อยตัวสายลับทั้งหมดให้ออกไปค้นหาทหารที่ซุ่มโจมตี

หลังจากการค้นหาที่วุ่นวาย หน่วยสอดแนมของเนตรเวหาและเครือข่ายใยพิภพก็ได้เจอเข้ากับสถานที่ซุ่มโจมตีของศัตรู แต่ไม่เห็นใครหรืออะไรอยู่ที่นั่นเลย

เดิมทีเมื่อจ้านอู่ฉางเห็นชุยหยุนเจียนกลับมาพร้อมกับบาดแผล เขาก็รู้ในทันทีว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นจึงไม่รอช้าที่จะล่าถอยจากจุดซุ่มโจมตี ทำให้เมื่อสายลับของเนตรเวหาและเครือข่ายใยพิภพค้นเจอจุดซ่อนตัว ฝ่ายหลังก็ได้พาผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาออกไปเป็นเวลานานแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาทหารที่ซ่อนอยู่ได้ แต่มันก็ต้องเคยมีทหารซ่อนอยู่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถังหยินได้รับบาดเจ็บ มันก็จึงทำให้ในตอนนี้กองทัพเทียนหยวนเพิ่มการระมัดระวังตัวขึ้นมาก พวกเขาไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย เวลาเดินทางต่อจากนั้น พวกเขาจะทำการส่งสายลับจำนวนมากออกมาเพื่อสอดแนมล่วงหน้า จากนั้นจึงค่อยเดินทางต่อเมื่อแน่ใจแล้ว

หลังจากที่ถังหยินได้รับบาดเจ็บ กองทัพเทียนหยวนของเขาก็เข้ามาในเทือกเขาเป็นเวลา 3 วันแล้ว อย่างไรก็ตามการเดินทางถือว่าล่าช้ามาก ทว่าก็ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีศัตรูเข้าขัดขวางเลย

ทั่วทั้งมณฑลแห่งนี้มีพื้นที่น้อยนัก พวกเขามีประชากรน้อยกว่า 3 แสนคน และเนื่องจากตั้งอยู่บนภูเขา มันจึงค่อนข้างเปลี่ยวและการคมนาคมไม่สะดวกยิ่ง

เมืองที่พวกเขากำลังจะไปนั้นตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกและแม่น้ำหนึ่งสาย ด้านตะวันออกคือภูเขาหลีโกว อันเป็นสาเหตุให้เมืองหลีชานได้รับชื่อนี้มาด้วยเหตุผลที่ว่า

หากกองทัพเทียนหยวนต้องการโจมตีเมืองหลวงของมณฑล ก็จำเป็นต้องโจมตีและยึดครองเมืองหลีชานเสียก่อน เพราะมีแต่ต้องยึดเมืองหลีชานเท่านั้น ถึงจะรับประกันการส่งเสบียงและการสนับสนุนได้ และเพราะตอนนี้ถังหยินได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย ดังนั้นกิจการของกองทัพทั้งหมดจึงได้รับการจัดการโดยจีหยิงเอง เขาสั่งให้กองทัพเทียนหยวนตั้งค่ายในพื้นที่โล่งห่างจากเมืองหลีชาน 10 ลี้

ค่ายของจีหยิงที่สร้างนั้นแข็งแรงมาก เนื่องจากมีป่าจำนวนมากในเกาฉวน ทำให้กองทัพเทียนหยวนใช้จุดแข็งนี้ทำการตัดไม้จำนวนมากเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกำแพงค่าย !!

ด้วยผู้คนจำนวนมากและความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่กองทัพเทียนหยวน ค่ายจึงถูกสร้างขึ้นภายในครึ่งวันเท่านั้น โดยมีค่ายทางเหนือ ค่ายตะวันออก ค่ายตะวันตก และค่ายค่ายทิศใต้คอยคุ้มกันสี่ทิศ ส่วนตรงกลางก็คือค่ายกลาง และไม่ว่าฝ่ายใดจะถูกโจมตี มันก็จะมีการเสริมกำลังจากทั้งสี่ทิศแน่นหนาราวกับก้อนหิน

ฐานที่มั่นใหญ่ของกองทัพหลวง กองบัญชาการ

ทั้งถังหยินและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา จีหยิง หยวนจี้ จ้านหู หลีเทียนอัยเจีย และแม่ทัพที่เหลือทั้งหมดรวมตัวกันที่นั่น ในใจกลางของเต็นท์กองทัพกลางมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ โดยมีถังหยินนอนอยู่บนเก้าอี้กึ่งเอนขณะที่คนอื่น ๆ ยืนอยู่ด้านข้าง พวกเขากำลังมองแผนที่ขนาดใหญ่ตรงหน้าที่มีการระบุส่วนในและด้านนอกของเมืองหลีชานไว้อย่างชัดเจน

ตอนนี้อาการบาดเจ็บของถังหยินส่วนใหญ่ฟื้นตัวแล้ว ทำให้ใบหน้าเขากลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง แต่ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เล็กน้อย จึงต้องนอนเอนหลัง พลางใช้มือหนึ่งจับคางไว้ขณะที่อีกมือแตะแผนที่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามอย่างง่าย ๆ ออกมาว่า “การป้องกันของเมืองหลีชานเป็นเช่นไร ?”

“นายท่านขอรับ….” อัยเจียลุกขึ้นยืนก้าวไปข้างหน้าและกำมือของเขาขณะที่พูด “มีรายงานว่ากองกำลังป้องกันบนภูเขาทั้งอ่อนแอและปราศจากผู้นำขอรับ”

โดยปกติถังหยินจะไม่นั่งบนเก้าอี้เช่นนี้เวลาคุยเรื่องสำคัญทางทหาร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มหมดสภาพ เขาจึงทำได้เพียงเท่าที่เห็น…

“ทั้งอ่อนแอ และไม่มีผู้นำ ?” ถังหยินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะออกมา จากนั้นเขาจึงหันมองไปที่จีหยิงและถามว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านเคยบอกว่าเมืองหลีชานเป็นสถานที่สำคัญ แล้วทำไมซ่งเทียนจึงจัดกองกำลังแบบนั้นเอาไว้ปกป้องสถานที่สำคัญกัน ?”

คำถามนี้ทำเอาจีหยิงขมวดคิ้วแน่น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็กำมือของเขาและกล่าวว่า “เมืองหลีชานมีขนาดเล็กและกำแพงค่อนข้างต่ำ จึงทำให้ยากที่จะปกป้อง แม้ว่าซ่งเทียนจะวางกองกำลังทั้งหมดของเขาไว้ที่เมืองหลีชาน เขาก็คงอาจไม่สามารถต้านทานการโจมตีรอบแรกได้ด้วยซ้ำ ข้าคิดว่าเขาน่าจะร่นถอยกลับไปปกป้องเมืองหลวงของมณฑลอย่างสุดกำลังมากกว่า”

“โอ้… !” ถังหยินพยักหน้าอย่างครุ่นคิด

ในตอนนี้หยวนจี้ที่ได้ยินก็พลันขมวดคิ้วและถามว่า “แม่ทัพจีหยิง เนื่องจากการป้องกันของเมืองหลีชานอ่อนแอ งั้นทำไมท่านถึงแนะนำให้สร้างค่ายอยู่ในที่แห่งนี้กัน ? เราแค่โจมตีเมืองไม่ได้หรือไร ?”

จีหยิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ข้าเคยพูดไปแล้วว่าเมืองหลีชานนั้นถูกโจมตีง่าย แต่ป้องกันยาก ทว่าตำแหน่งของมันก็ถือว่ามีความสำคัญยิ่ง ด้วยมันส่งผลต่อการขนส่งและความปลอดภัยในอนาคตของกองทัพ ดังนั้นเราจึงจำต้องตั้งค่ายที่นี่ และเข้าโจมตีหลีชานแทน ซึ่งเมื่อกองทหารของเราลึกเข้าไปในใจกลางเกาฉวน เราจะไม่ต้องกังวลกับการลอบโจมตีของศัตรูอีกต่อไป !”

“นั่นไง !” หยวนจี้ครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้าให้ “แม่ทัพจีหยิงวางแผนได้ลึกซึ้งนัก !

“ท่านก็กล่าวเกินไปแล้ว ท่านหยวนจี้ !” จีหยิงประสานมืออย่างนอบน้อมเป็นการตอบแทน

แม้แต่ถังหยินยังยกย่องในด้านข้างความสามารถของจีหยิง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก เขาคนนี้สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่นนัก !!!

“แม่ทัพคนไหนเต็มใจที่จะเป็นผู้นำในการโจมตีเมืองหลีชาน ?” เมื่อถังหยินพูดจบ จ้านหูก็พลันสะบัดเสื้อคลุมของเขาและก้าวไปข้างหน้าสองก้าวก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งและโค้งคำนับขณะที่ร้องตะโกนว่า “ข้ายินดีอาสาขอรับ !”

เมื่อเห็นว่าเป็นจ้านหูที่อาสา ถังหยินก็ดีใจมาก เขาเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “เอาล่ะ ! ข้าจะให้กำลังทหารเจ้าไปหมื่นนาย จงจัดการเรื่องนี้ให้ได้ภายใน 2 ชั่วยาม !”

“ขอรับ ! ข้าจะกลับมา ดังนั้นเจ้าโปรดรอข่าวดีอยู่ที่นี่ !” จ้านหูลุกขึ้นยืนหลังจากที่เขาพูดจบและจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จ้านหูจากไป ถังหยินก็กลอกตาของเขาและพูดกับจีหยิง “ให้ทหารไปเตรียมท่อนไม้มาอีก ข้าไม่คิดว่าซ่งเทียนจะทิ้งเรือให้เราข้ามแม่น้ำไปไหนง่าย ๆ”

จีหยิงที่ได้ยินเช่นนั้นพลันยิ้มและตอบว่า “ข้าได้เตรียมการเอาไว้แล้วขอรับนายท่าน ทหารกำลังเร่งสร้างแพสำหรับข้ามแม่น้ำ” ตาของถังหยินสว่างขึ้นขณะที่เขามองไปที่จีหยิง เพราะชายหนุ่มรู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป

ก่อนที่เขาจะหัวเราะอย่างจริงใจและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “แม่ทัพจีหยิงคิดถึงทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าข้าจริง ๆ เมื่อมีเจ้าอยู่รอบ ๆ ดูเหมือนว่าทุกอย่างในกองทัพจะง่ายดายขึ้นมากเลย” เปลือกนอกคำพูดเหล่านี้ฟังดูเหมือนเป็นการสรรเสริญ แต่จีหยิงกลับตัวสั่นสะท้าน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ข้ามิบังอาจขอรับนายท่าน ข้ายินดีทำตามแม้ว่าคำสั่งของท่านจะหมายถึงสละตัวข้าเองก็ตาม”

เมื่อเห็นดังนั้น การแสดงออกที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังหยิน ก่อนที่เขาจะได้สติและโบกมือไปทางจีหยิงที่คุกเข่าอย่างรวดเร็วว่าให้ขึ้นมา

จีหยิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นถังหยินโบกมือให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นและกลับไปที่เก้าอี้ เขาเป็นคนซื่อ แต่ไม่ใช่คนโง่แน่นอน คำพูดของถังหยินในตอนนี้ทำให้เขานึกถึงหลักการรักษาอำนาจ ที่ตั้งแต่สมัยโบราณใครจะรู้ว่ามีแม่ทัพกี่คนในแคว้นที่ต้องเสียชีวิตเพราะคำพวกนี้ ….ดูถ้าหลังจากนี้เขาก็ควรจะเริ่มระวังตัวบ้างแล้ว

เมื่อจ้านหูนำทหารหนึ่งหมื่นนายเข้าโจมตีเมืองหลีชาน อีกฝ่ายก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะต่อต้าน ก่อนที่พวกเขาจะยกธงขาวและยอมจำนนในที่สุด ซึ่งสถานการณ์ของเมืองหลีชานนั้นก็คล้ายกับที่ได้รับรายงานมา ว่ามีพวกเขามีทหารเพียง 700 นายไว้เฝ้าเมือง และในทางกลับกันก็คือพวกชาวเมืองที่ดูจะยินดีต้อนรับกองทัพเฟิงยิ่ง ซึ่งก็ไม่เพียงแต่จะไม่มีความเป็นปรปักษ์ในพวกเขา แต่ก็ยังมีบางคนที่ถึงกับนำอาหารและเครื่องดื่มมาให้ด้วย

จ้านหูไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจดีของพวกเขาและยอมรับสิ่งของทั้งหมด มา ก่อนจะแอบสั่งว่าไม่อนุญาตให้กินหรือดื่มสิ่งใดที่ชาวเมืองส่งมาเพื่อป้องกันแผนร้านใดก็ตามที่อาจเกิดขึ้น

…จ้านหูไม่ใช่คนโง่เขลาแต่อย่างใด ดังนั้นถึงแม้จะดูเป็นการระวังมากเกินไป แต่เขาก็คิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้

หลังจากที่จ้านหูนำคนของเขาเข้าไปในเมืองแล้ว พวกเขาก็พลันตรงไปยังที่พำนักของเจ้าเมืองซึ่งไม่มีผู้คนเหลืออยู่แล้ว ก่อนจะทิ้งทหารจำนวนมากไว้เบื้องหลังเพื่อควบคุมเมือง จากนั้นจึงนำทหารพันคนไปคุ้มกันเชลยกลับไปที่ค่ายของพวกเขาเพื่อรายงานต่อถังหยิน

สำหรับทหารที่ยอมจำนนโดยสมัครใจ ถังหยินไม่ได้ทำให้เรื่องยากสำหรับพวกเขา ชายหนุ่มจ่ายเงินไม่กี่ร้อยเหรียญและไล่ผู้สูงอายุที่อ่อนแอกับคนพิการหลายร้อยคนออกไป จากนั้นจึงนำทหารคนอื่น ๆ เข้าไปในเมืองหลีชาน

เช่นเดียวกับที่จีหยิงคาดการณ์ไว้ เรือในเมืองหลีชานถูกทำลายทั้งหมดในขณะที่กองกำลังหลักได้ล่าถอยไปหมดแล้ว และถ้าใครอยากผ่านแม่น้ำไป ก็มีแต่ต้องสร้างเรือของตัวเองเท่านั้น

และแม้ว่าแพจะสร้างได้ค่อนข้างง่าย แต่เพื่อที่จะขนส่งกำลังทหาร 6 หมื่นคนพร้อมกับม้าศึก กับอาหารสัตว์แลเสบียงที่กองทหารติดตามมา มันก็จำต้องใช้แพอย่างน้อยหลายร้อยแพ และการสร้างแพหลายร้อยแพก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นแล้วกองทัพเทียนหยวนจึงถูกบังคับให้ล่าช้าอยู่ ณ ที่แห่งนี้

สิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลองคือหลังจากที่ชาวเมืองหลีชานพบว่ากองทัพเฟิงต้องการแพเพื่อข้ามแม่น้ำ พวกเขาก็พากันเข้ามาช่วยสร้างแพด้วยเช่นกัน ซึ่งการกระทำนี้ มันก็ถือว่าช่วยกองทัพเทียนหยวนได้มากทีเดียว

หลังจากทำงานหนักตลอด 5 วัน ในที่สุดพวกเขาก็สร้างแพทั้งหมดสามร้อยแพขึ้นมา ก่อนที่ถังหยินจะทำการคิดอ่านวางแผนส่งกองกำลังของเขาข้ามแม่น้ำไป

คืนนั้นถังหยินส่งคนไปหาจีหยิง เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการทหารกับอีกฝ่าย

เมื่อได้รับคำสั่งของถังหยิน จีหยิงจึงรีบไปที่จวนเพื่อเข้าพบชายหนุ่มในทันที

เมื่อจีหยิงโค้งคำนับเสร็จและลุกขึ้นยืน เขาก็พลันถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ท่านแม่ทัพ เรามีแพไม้ครบตามกำหนด 300 แล้วหรือยัง ?”

“ครบขอรับนายท่าน !”

“ตอนนี้พวกเราก็ถือว่าล่าช้ากันมากแล้ว เราจะข้ามแม่น้ำด้วยแพ 300 ลำนี้ได้เลยหรือไม่ ?”