บทที่ 420

บทที่ 420

ถังหยินขึ้นไปข้างบนเพื่อจัดการศัตรู สุดท้ายแล้วก็จบลงที่การปะทะกับชุยหยุนเจียนจนบาดเจ็บหนักทั้งคู่

….ชุยหยุนเจียนรอดไปได้ส่วนถังหยินก็ถูกพาตัวกลับลงมา

เมื่อพวกเขากลับมาถึงค่ายทหาร พวกเทียนหยวนที่เห็นถังหยินในสภาพปางตายต่างก็หน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “เกิดอะไรขึ้น ?”

อู่เหมยกังวลยิ่งกว่าคนอื่น แต่นางก็ทำเป็นสงบนิ่งต่อหน้าทุกคน “พวกเจ้าจะรออะไรกัน ? ไปตามหมอมา !”

พวกแม่ทัพที่ได้สติต่างก็รีบวิ่งออกไปตามหาเย่เหล่ยเพื่อมารักษาอาการของถังหยิน ในขณะที่พวกหน่วยลับพาตัวของถังหยินขึ้นไปบนรถม้า

อู่เหมยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นางรีบมองร่างของถังหยินที่มีรอยแผลจากดาบจนทำให้เลือดไหลออกมามากมาย

นางไม่อาจทนได้และเริ่มร้องออกมา

ถังหยินที่เกือบสลบได้เห็นอู่เหมยกำลังร้องไห้ ภาพตรงหน้าทำเอาเขาก็รู้สึกผิดในใจยิ่ง

…เขารู้ดีว่าบาดแผลแค่นี้ไม่ทำให้ถึงตายอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาเป็นห่วงก็คือเจียงโมมากกว่า

ผู้ใช้ศาสตร์มืดนั้นหาตัวยากมาก ยิ่งคนที่ภักดีต่อเขาก็ยิ่งยากไปกันใหญ่ หากมีใครสักคนตายไป มันก็ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทีเดียว

ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาจับแขนของอู่เหมยเอาไว้แน่น ก่อนจะกล่าวปลอบ “อย่าร้องไปเลย ข้าไม่เป็นไรหรอก”

นางหยุดร้องแล้วเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนมองเขาด้วยความเสียใจ “จะให้ไม่เป็นไรได้ยังไงเล่า ?”

ถังหยินอยากอธิบายแต่ก็ไม่มีแรงแล้ว ก่อนที่ในเวลานั้นเย่เหล่ยจะพลันก้าวเข้ามาพร้อมกับออกคำสั่ง “ข้าต้องการรักษานายท่าน คนที่ไม่เกี่ยวข้องโปรดออกไปด้วย”

พูดจบนางก็ยังเห็นอู่เหมยจับมือถังหยินไว้แน่น ดังนัน้นางจึงเร่งเสียงขึ้น “ข้ารู้ดีว่าท่านอู่เหมยเป็นกังวล แต่ช่วยออกไปก่อนได้หรือไม่ ?!”

เมื่อถูกเรียกชื่อ เจ้าตัวก็ได้สติพร้อมกับนึกได้ว่าตัวนางเองคือคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ดังนั้นแล้วนางจึงรีบหันไปทันที “ข้าไม่ใช่คนนอกนะ ข้าจะอยู่กับเขา”

“อยู่ที่นี่ท่านก็เกะกะข้า ออกไปเถอะ”

อู่เหมยตัวสั่นด้วยความโกรธแล้วชี้ไปที่เย่เหล่ย “เจ้า เจ้า !” นางอยากจะด่าอีกสักหน่อย แต่เมื่อมองไปยังถังหยินนางก็พลันสงบสติลงได้และรีบออกไปจากรถม้า

….ก่อนออกไปนางได้จ้องมองไปที่เย่เหล่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจและสัญญาว่าจะกลับมาล้างแค้นแน่นอน

หลังอู่เหมยออกไป ถังหยินก็ฝืนยิ้มออกมา “อู่เหมยก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปถือสานางเลย”

“แน่นอนอยู่แล้ว คนเรามากมายหลายอารมณ์ ข้าชินแล้วล่ะ” เย่เหล่ยหยิบกรรไกรออกมา

หลังจากตัดเสื้อของเขาออก เย่เหล่ยก็เช็ดเลือดกับทำแผลให้อยู่นาน

โชคดีนักที่แผลไม่ได้กว้างมาก แต่มันก็ลึกยิ่ง ทำให้นางต้องรีบฆ่าเชื้อกับทายาให้ทันที “คนที่จัดการเจ้าได้จะต้องเก่งมากแน่ ๆ แถมยังใช้ดาบได้คล่องแคล่วมากด้วย”

ถังหยินตะลึงแล้วถาม “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาใช้ดาบ ?”

“บาดแผลทั้งเล็กและลึก นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายใช้ดาบ แผลที่เรียบเนียนหมายความว่าเขาแทงเข้ามาเจ้าแถมยังไม่คิดจะหลบด้วย แสดงว่าดาบของเขาจะต้องเร็วมาก ๆ” เย่เหล่ยวิเคราะห์ออกมา

ถังหยินพยักหน้าให้และไม่คิดว่าเย่เหล่ยจะฉลาดได้ขนาดนี้ “เจ้าน่าจะไปเป็นพวกนิติเวชมากกว่านะ”

“นิติเวช ?” เย่เหล่ยไม่เข้าใจในความหมาย

ถังหยินเลือกที่จะเงียบไปเพราะเขาขี้เกียจพูดแล้ว

แผลของชายหนุ่มอันตรายมาก แต่ยังดีที่พลังปราณของเขาสามารถรักษาบาดแผลได้อย่างง่ายดาย และแม้ว่าแผลจะหายดี แต่ร่างกายของเขาก็เสียพลังปราณมากไปจนร่างกายอ่อนแอ

ไม่ว่าจะยังไง ถังหยินก็รอดแล้วทำให้พวกทหารเทียนหยวนโล่งอก ส่วนพวกแม่ทัพที่อยู่ข้างนอกต่างก็รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหน่วยลับของถังหยิน ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว

จริง ๆ แล้วชุยหยุนเจียนคือคนที่ซ่อนอยู่บนภูเขา แต่เพราะว่าอีกฝ่ายเก่งเกินไปทำให้เจียงโมถูกจัดการอย่างง่ายดาย หยวนยู่ที่ได้ยินก็พลันกระทืบเท้าลงพื้น “ถ้าข้าอยู่บนนั้นด้วยนะ ข้าไม่ปล่อยให้มันรอดหรอก !”

“รอดหรือ ? เขาตกจากที่สูงแบบนั้นจะไปรอดได้ยังไงกัน ?”

หยวนยู่อธิบาย “สำหรับคนที่มีพลังระดับสูงแบบนั้น ต่อให้ร่วงจากบนฟ้าก็ไม่มีทางตายหรอก”

พวกหน่วยลับต่างก็ไม่เชื่อที่ได้ยิน

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น โอกาสที่มันรอดน่าจะมีสูงมาก”

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับคนที่เดินออกมา พวกทหารรีบเข้าไปถามทันที “นายท่านเป็นเช่นไรบ้าง ?”

“ปลอดภัยแล้ว” เย่เหล่ยตอบสั้น ๆ แล้วเปิดม่านรถม้าออกให้ทุกคนเห็นถังหยินในสภาพที่ท่อนล่างมีผ้าพันแผลมากมาย กับใบหน้าที่ขาวซีดเพราะขาดเลือด

พวกทหารคุกเข่าพร้อมกัน “ขอแสดงความยินดีที่นายท่านปลอดภัย”

ถังหยินโบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นแล้วอธิบายกับพวกหน่วยลัย “มีคนจัดการกับศพของเจียงโมหรือยัง ?”

ทุกคนในหน่วยลับต่างก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “แน่นอนขอรับ…”

ถังหยินหลับตาแล้วเรียกชื่อ “หลีเทียน อัยเจีย”

“ข้าน้อยอยู่ที่นี่แล้ว”

“ชุยหยุนเจียนไม่น่าจะขึ้นไปยอดเขาโดยเปล่าประโยชน์แน่ แต่ตัวคนเดียวไม่น่าจะจัดการพี่น้องของเราได้มากมายขนาดนี้ เขาอาจจะคิดการวางหินขัดขวางเส้นทางเอาไว้แล้วรอให้ทหารออกมาทำการซุ่มโจมตี ดังนั้นจงรีบส่งคนไปตรวจสอบซะ”

“รับทราบนายท่าน”

ถังหยินฉลาดพอสมควร เขาพอจะเดาออกว่าแผนของชุยหยุนเจียนคืออะไร ซึ่งมันก็ถูกต้องตามที่คิดเอาไว้ เพราะที่แท้แล้วชุยหยุนเจียนทำแบบนั้นตามคำร้องขอของจ้านอู่ฉาง

กองทัพเกาฉวนนั้นมีน้อยมาก พวกมีกำลังประมาณ 3 หมื่นนายเท่านั้น ด้วยจำนวนที่น้อยขนาดนี้ ทำให้การปะทะกันระหว่างสองกองทัพย่อมเป็นไปไม่ได้แน่ ทำให้จ้านอู่ฉางต้องเลือกหนทางอื่น

มณฑลเกาฉวนมีแต่ภูเขามากมายนัก มันเหมาะกับการใช้เป็นจุดซุ่มโจมตี

อย่างแรกเลยคือที่นี่อยู่ที่ริมมณฑลเกาฉวน อย่างที่สองคือกองทัพเทียนหยวนน่ากลัวเกินกว่าที่จะรับมือได้ อย่างไรก็ตาม จ้านอู่ฉางเองก็หวาดกลัวว่าศัตรูจะใช้สายลับ ดังนั้นแล้วเขาจึงหันไปพูดคุยแกมบังคับกับชุยหยุนเจียน ว่าให้จัดการซุ่มกำลังทหารเอาไว้พร้อมกับดันหินเข้ามาปิดทาง

แผนของเขาดีมาก แต่บางอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะจีหยิงทำให้ถังหยินรู้ตัวก่อน แถมหน่วยข่าวกรองยังทำให้การทำงานของพวกเขาถูกเปิดโปงอย่างง่ายดาย จนส่งผลให้หลังจากนี้ถังหยินระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ