ภายใต้ทะเลลึกที่เต็มไปด้วยความมืดมิด

ในสถานที่ซึ่งความเงียบงันได้ปกคลุมตลอดทั้งเดือนปี

ในสถานที่ซึ่งมิติและเวลาคล้ายกับจะถูกตัดขาดออกจากกัน

ท่ามกลางความมืดมิด ทุกอย่างดูสับสนและวุ่นวาย มิอาจมองหรือแยกแยะในสิ่งที่เห็นได้

ทันใดนั้นเอง จุดดวงไฟกว่าห้าหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบดวงก็พลันส่องสว่างขึ้น

แต่ละจุดดวงไฟเหล่านี้คือสิ่งที่ใช้แสดงตัวตนของผู้ฝึกยุทธ์

แสงสวรรค์เรืองรองสลัวๆ เล็ดลอดออกมาจากพวกเขา เปล่งประกายออกไปทุกทิศทาง

แม้ว่าแสงสวรรค์นี้จะอ่อนแอ ทว่าสำหรับในทะเลลึกอันมืดมิดแล้ว มันก็เพียงพอที่จะส่องให้เห็นถึงใบหน้าของพวกเขา

ทุกผู้คนต่างหลับตาสนิท คล้ายกับถูกสะกดจิตให้อยู่ในสภาวะหลับลึก

เกือบจะในทันที จุดดวงไฟกว่าห้าหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบที่ส่องสว่าง ก็เริ่มต้นที่จะสั่นไหว

คล้ายกับดวงไฟในเชิงเทียนที่มีคนมาเป่าลมใส่พวกมัน

ถัดมา ดวงไฟส่องไสวมากมายก็มิอาจทานทนต่อแรงลมนี้ได้อีกต่อไป มันค่อยๆ ทยอยกันดับวูบลงอย่างรวดเร็ว

ห้าหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบ

สี่หมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยหกสิบเอ็ด

สามหมื่น

หนึ่งหมื่นห้าสิบ

สี่สิบ

สาม!

ไม่นานนัก ภายใต้ทะเลลึกอันมืดมิด จุดดวงไฟเกือบทั้งหมดก็ดับลง หลงเหลือเพียงสามจุดแสงเท่านั้น

เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูประหลาดใจเล็กน้อยดังออกมาจากห้วงทะเลลึก

“เอ? ทั้งๆ ที่โลกด้านฝึกยุทธ์ถดถอยมาเป็นเวลานานมากแล้วแท้ๆ แต่ในเวลานี้ กลับปรากฏหน้าใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน นี่มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ…”

“เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะตรวจสอบตัวตนของพวกเขาแล้ว…”

พร้อมกันกับเสียงนี้ หนึ่งในสามจุดดวงไฟก็ส่องสว่างขึ้น เผยให้เห็นถึงทั้งร่างของผู้ฝึกยุทธ์โดยสมบูรณ์

ปรากฏถึงร่างของผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเยาว์ที่สวมใส่เกราะรบสีแดง

“อืม ต้นกล้าแห่งนักสู้หวูเต๋าที่ดี มีสถานะผู้บริสุทธิ์ เจ้าตัวเหมือนว่าจะฟันฝ่าการต่อสู้สาหัสมานานปี ดังนั้นหากคนๆ นี้ได้เข้าไปยังดินแดนชิงอำนาจ เขาก็น่าจะมีโอกาสสูงที่จะรอดชีวิต”

เสียงของผู้หญิงกังวานเบาๆ

ทันใดนั้นรุ่นเยาว์ที่ว่าก็หายวับไปจากห้วงทะเลลึก

จากนั้น จุดดวงไฟที่สองก็ส่องไสว ปรากฏให้เห็นถึงพลังวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ที่แผ่ออกมาจากร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์คนถัดมา

นี่คือผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่สวมเกราะรบสีขาวหิมะ และในมือก็ยังกุมกระบี่ยาวสีหิมะเช่นกัน

“ผู้ฝึกยุทธ์หญิงที่ใช้กระบี่? สถานะผู้บริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตัวตนที่แสนพบเจอได้ยากยิ่ง…”

“มีความสำเร็จถึงเพียงนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย นี่มันน่าสนใจจริงๆ สมควรแล้วที่เจ้าได้รับเลือกให้ไปตะลุยยังดินแดนชิงอำนาจ”

เสียงของผู้หญิงแสดงออกถึงความสุขเล็กน้อย เธอกล่าวประเมินด้วยรอยยิ้ม

และร่างของหนิงเยว่ฉานก็หายวับไปจากห้วงทะเลลึก

จุดดวงไฟหนึ่งเดียวที่เหลือส่องสว่างขึ้น เผยให้เห็นถึงร่างของผู้ฝึกยุทธ์คนสุดท้าย

ปรากฏให้เห็นถึงชุดเกราะรบสีดำ ในมือแต่ละข้างกุมดาบคนละเล่ม โดดเด่นสะดุดตาด้วยเกราะหน้าสีทองคำ

นี่คือผู้ฝึกดาบ

เขายืนนิ่งงันอยู่ท่ามกลางห้วงทะเลอันมืดมิด ยามเมื่อถูกสวมทับด้วยเกราะรบนี้ ส่งผลให้คนที่อยู่เบื้องหลังมันแลดูคล้ายกับปีศาจที่คงกระพัน

แสงสวรรค์เรืองรองเล็ดลอดออกมาจากร่างของเขา ขับไล่ความมืดมิดรอบตัว

ทว่าคราวนี้ แม้ผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยินถึงเสียงของผู้หญิง

ขณะเดียวกัน ในส่วนของมหาสมุทร จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กระแสน้ำวนในมหาสมุทรเริ่มปรากฏ มันกระชากไปมา ก่อตัวเป็นวง ล้อมรอบกายของผู้ฝึกดาบ ขจรขจายออกไปอย่างไม่รู้จบ

แล้วความมืดมิดทั้งหมดก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว

ความมืดมิดที่มิอาจมีใครล่วงรู้ได้ว่ามันปกครองโลกใบนี้มากี่ปี ทว่าบัดนี้มันจางหายไปอย่างสมบูรณ์

ตลอดทั้งผืนทะเลกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มดูน่าหลงใหล

ในน้ำสีน้ำเงินเข้ม ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ใจกลางของกระแสน้ำวน

เขาถูกแช่อยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็ปรากฏถึงมือหยกเขียวยื่นออกมาจากทะเลสีน้ำเงิน

มือนี้กดลงบนเกราะหน้าของผู้ฝึกดาบ และดึงมันออก

ใบหน้าของผู้ฝึกดาบปรากฏขึ้นในห้วงทะเล ภายใต้แสงสีฟ้าบริสุทธิ์ รูปลักษณ์ตลอดทั้งใบหน้าได้เผยโฉมออกมา

นิ่งงันไปครู่หนึ่ง

มือหยกที่ดึงเกราะหน้าออกได้วางมันลง และปล่อยให้เกราะหน้าไหลไปตามกระแสคลื่น

มือหยกได้เหยียดออกมาอีกครั้ง และสัมผัสลงบนใบหน้าของกู่ฉิงซาน

แล้วเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นอีกครา

“เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานจนเกินไปได้”

“ข้าจะช่วยพรางตนให้ เพื่อเป็นการปกป้องเจ้า”

“และเพื่อเป็นการตอบแทนที่ข้าช่วยเหลือ หวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุดนะ…”

“กู่ฉิงซาน!”

เกราะหน้ากลับมาประกบติดเหนือใบหน้าเขาดังเดิม

ปัง!

กระแสน้ำวนแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นมหึมา โถมผ่านใส่กู่ฉิงซาน เข้าห่อหุ้มทั้งตัวเขา และหายไปในทันที

มหาสมุทรสีน้ำเงินเข้มได้กลับคืนสู่ความมืดมิดอย่างรวดเร็ว

ทะเลสีดำได้กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ มิได้มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ณ สหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านชั้น

ในส่วนของแผนกกิจการอาชีพโลก

เฉินหยางและคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่นั่น และเฝ้ารอมาสักพักแล้ว

“เหมือนกับว่าจะช้ากว่าปกติรึเปล่า?” เฉินหยางกล่าว

พนักงานยิ้ม “ช้ากว่าปกติจริงๆ แต่นี่แสดงให้เห็นว่าบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในครั้งนี้สามารถดึงดูดความสนใจจากท่านหญิงแบล็กซีได้”

“สถานการณ์เช่นใดกันที่นำไปสู่การดึงดูดความสนใจของท่านหญิงแบล็กซี?” เซี่ยเต๋าหลิงเอ่ยถาม

เธออดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล เพราะท้ายที่สุดนี้ ทั้งสามคนที่มาด้วยกัน มาจากการตัดสินใจเลือกของเธอเอง

และตัวกู่ฉิงซานเองก็ยังเป็นหนึ่งในนั้นอีกด้วย

“ผ่อนคลายเถอะ ถ้าจะให้พูดโดยทั่วไปแล้ว นี่มันเป็นสิ่งที่ดีนะ” หยุนจีปลอบ

พนักงานยังคงยิ้มและกล่าว “ใช่แล้วครับ เฉพาะหน้าใหม่ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ถึงจะสามารถดึงดูดความสนใจของท่านหญิงแบล็กซีได้ ท่านอาจจะสังเกตเห็นถึงตัวตนที่ยอดเยี่ยมมาปรากฏขึ้นในครั้งนี้ก็ได้”

“นอกจากนี้ ท่านหญิงแบล็กซียังสามารถช่วยตรวจสอบ ‘สถานะ’ ของหน้าใหม่ได้อีกด้วย และหากมีปัญหาใดๆ ท่านจะแจ้งให้พวกเราทราบทันที”

ช่วงเวลานั้นเอง ไฟสีฟ้าสามดวงก็กระพริบไหว

กู่ฉิงซาน หนิงเยว่ฉาน และเหลิงเทียนสิงกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง

โดยในมือของแต่ละคน กำลังกุมหมายเลขที่แตกต่างกันออกไป

ในมือของเหลิงเทียนสิง มันกุมไว้ด้วยเลข ‘ห้า’ หนิงเย่วฉานเป็นเลข ‘สอง’ ของกู่ฉิงซานคือ ‘หนึ่ง’

แม้จะเป็นตัวเลขเหมือนกัน แต่ความแตกต่างก็คือเลขในมือของเหลิงเทียนสิงเป็นสีเทา ในขณะที่ของกู่ฉิงซานและหนิงเยว่ฉานกำลังเปล่งประกาย

เฉินหยางพอได้เห็นมันก็หัวเราะออกมา

“ฮะฮ่า! ฉิงซาน เจ้าเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ ข้าว่าแล้วเชียวว่าแบรี่จะต้องไม่มองคนผิดไป” เขาตะโกนเสียงดัง

กู่ฉิงซานตกใจ และก้มลงมองดูเลขในมือของตนเองด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ตนยังไม่ได้ทำอะไรเลย นี่มันเสร็จสิ้นการคัดกรองแล้วงั้นหรือ?

ระหว่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าตัวเอง และพูดอะไรบางอย่าง

แต่เขาไม่สามารถจดจำคำพูดของอีกฝ่ายได้เลย แม้กระทั่งรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายก็ยังเลือนราง

เธอเอ่ยอะไรกับตนกันแน่นะ?

กู่ฉิงซานพยายามย้อนทวนคิดถึงมันอย่างหนัก

เซี่ยเต๋าหลิงมองเหลิงเทียนสิงและกล่าว “จงอย่าท้อแท้ไป เจ้าอยู่ในอันดับที่ห้าก็จริง แต่มันคืออันดับห้าในหมู่รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นทั้งหมด! จงฝึกปรือให้หนักขึ้น และมาพยายามอีกครั้งในคราวหน้า”

เหลิงเทียนสิงยิ้มอย่างขมขื่น ทว่าขณะเดียวกันก็ทั้งรู้สึกยินดีและเศร้าใจ

เศร้าใจที่เขาตกรอบการคัดเลือก

ขณะเดียวกันก็ยินดี เพราะตนไม่คาดหวังเลยว่าความแข็งแกร่งของตนจะอยู่ในอันดับห้า จากในหมู่หน้าใหม่ของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์

หนิงเยว่ฉานก้มลงมองดูเลขสองในมือเธอ แล้วหันไปมองเลขหนึ่งในมือของกู่ฉิงซาน เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะฉกมือไปกุมกระบี่ยาวตรงเอวตน ในจิตใจหมายที่จะพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงนี้ ทว่าเมื่อมองสถานการณ์โดยรอบแล้ว เธอจึงละทิ้งความคิดนี้ไป

เอาไว้ในภายหลัง ตนค่อยหาเวลามาสู้กับเขาก็ได้…

หนิงเยว่ฉานคิดอย่างเงียบๆ

ในเวลานั้นเอง กระดาษใบหนึ่งก็ค่อยๆ ลอยลงมาตกลงบนสารานุกรมอาชีพเผ่ามนุษย์อย่างแผ่วเบา

พนักงานหยิบกระดาษขึ้นมา และกล่าวด้วยความเคารพลึก “ขอบพระคุณท่านหญิงแบล็กซี”

เฉินหยางยกแขนทั้งสองขึ้นกอดอกและกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยขอบคุณนางก็ได้ เพราะหลังจากที่จบการคัดกรองแล้ว นางจะจากไปทันที”

พนักงานยิ้มด้วยความอึดอัดใจ ‘เรื่องนั้นฉันก็รู้ แต่มันเป็นมารยาทไหม?’

เขาค่อยๆ คลี่กระดาษออกและอ่านมัน “การคัดเลือกหน้าใหม่ในสายอาชีพผู้ฝึกยุทธ์ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว”

“โดยสิ้นเชิง มีหน้าใหม่สามคนที่ผ่านมาตรฐานการเข้าสู่ดินแดนชิงอำนาจ อันได้แก่…”

“กูชางหยุน อันดับสาม ตัวแทนจากโลกเก้าลี้ลับ ผู้ฝึกยุทธ์นักสู้หวูเต๋า หน้าใหม่ สถานะผู้บริสุทธิ์”

“หนิงเยว่ฉาน อันดับสอง ตัวแทนจากโลกเทวะ ผู้ใช้กระบี่ หน้าใหม่ สถานะผู้บริสุทธิ์”

“กู่ฉิงซาน อันดับหนึ่ง ตัวแทนจากโลกเทวะ ผู้ฝึกดาบ หน้าใหม่ สถานะผู้หวนคืน”

ทุกคนพอได้ยินก็เงียบไป ดวงตาของพวกเขาต่างเบนมาตกลงบนร่างของกู่ฉิงซาน

“กลับกลายเป็นว่าเขาคือ ‘ผู้หวนคืน!’ ดวงตาของแบรี่กับเสี่ยวเหมียวช่างแหลมคมจริงๆ ที่เลือกเขาเข้ากับสมาคม” แขนจักรกลกล่าวด้วยความประหลาดใจ

หยุนจีหัวเราะ “ฉันก็อุตส่าห์คิดว่าจะหาโอกาสแกล้งสหายตัวน้อยสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะเป็นผู้หวนคืน”

กู่ฉิงซานได้ยินคนทั้งหลายกล่าวออกมา

เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “ผู้หวนคืนคืออะไร?”

…………………………………………….